“ประยุทธ์” ยันปรับ ครม.2/4 โดยเร็ว ส่วนจะปรับใหญ่หรือแค่ 3 เก้าอี้กำลังส่องอยู่ “ประวิตร” ทุบโต๊ะยึดโควตาเดิม ลั่นไม่มีรัฐมนตรี กปปส. มีแค่ พปชร. เด็กพลังประชารัฐล่าสุดส่งจดหมายไม่เอาคนนอก “ประชาธิปัตย์” รีบตอกฝาโลงสัดส่วนรัฐมนตรีเหมือนเดิม รอเคาะชื่อใน กก.บห. แย่งชามข้าวเริ่มคึกคักรัฐมนตรีโผล่ร่วมวงกินข้าว เดินสายข้ามกระทรวง “วิษณุ” ยังมึนไม่รู้สถานะ 5 ส.ส.จะสิ้นสุดหรือไม่ เพราะไม่รู้ศาลแค่คุมขังรออุทธรณ์หรือสั่งจำขัง เพื่อไทยเสือปืนไวเตรียมนัดถกวางตัวชิงเก้าอี้ในชุมพร-สงขลา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ก.พ. ยังมีความต่อเนื่องจากคำพิพากษาศาลอาญาในคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 ซึ่งอัยการยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับพวกรวม 39 คน โดยได้ควบคุมตัว 8 รายในระหว่างรออุทธรณ์ ซึ่ง 3 ใน 8 รายนั้นเป็นรัฐมนตรี มีผลทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ 2560 และทำให้จำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ต้องสรุปขึ้นมา ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าต้องปรับ ครม. เพราะมี 3 ตำแหน่งที่ว่างลง และระหว่างนี้ก็มีรัฐมนตรีรักษาการในกระทรวงต่างๆ จากนั้นเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรกับตำแหน่งที่ขาดหายไป ตรงนี้มีข้อตกลงอย่างไร จากนั้นให้แต่ละพรรคร่วมทำข้อเสนอขึ้นมา และจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องของการเมืองทั้งหมด นี่คือขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ และบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเร็ววันนี้ หลายอย่างต้องเข้า ครม. และบางอย่างก็ต้องผ่านมติที่ประชุมพรรคก่อน ซึ่งจะรอรับตรงนี้และจะพิจารณาด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.จะปรับเพียงเก้าอี้ที่ว่างลง หรือดูภาพรวมเองทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ ส่วนจะต้องหารือพรรคร่วมก่อนปรับ ครม.หรือไม่นั้น ก็บอกไปแล้วว่าให้ทุกคนไปหารือกัน พรรค พปชร.ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำก็ต้องไปหารือกับพรรคร่วม และเตรียมการส่วนของตัวเองมา ให้ไปแสวงหาความร่วมมือ พูดคุยกันด้วยเหตุผลและคัดเลือกเสนอคนเข้ามาให้ตรงพิจารณาตามสัดส่วนที่มีอยู่
ถามว่าสัดส่วนอาจเปลี่ยนแปลงได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันในเรื่องนี้ เพราะเพิ่งทำงานแค่ปีกว่า ส่วนจะปรับภายในเดือน มี.ค.นี้หรือไม่นั้น ก็ต้องดำเนินการให้เร็ว เพราะเป็นการปฏิบัติงานที่ต้องมีผู้รับผิดชอบโดยตรง ยืนยันว่าจะทำให้ดีและเร็วที่สุด ไม่มีใครจะมากดดันอะไร เพราะขึ้นกับตนเอง
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.จะทำให้พรรค พปชร., พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีปัญหากันอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็อย่าให้มีปัญหา แต่อาจมีปัญหาก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะการเมืองที่ผ่านมาก็มีปัญหาอยู่แล้วในทุกรัฐบาล ซึ่งหากมีปัญหาก็พูดคุยกันให้รู้เรื่อง
“หากต้องปรับตรงนี้ จะส่งผลกระทบต่อคนอื่นอีกหรือไม่ จะสามารถปรับให้เหมาะสมได้อีกไหม ก็จะดูอีกขั้นหนึ่ง แต่ละพรรคเสนอรายชื่อมาผมก็จะมาดู ว่าจำเป็นต้องปรับส่วนอื่นหรือต้องสลับตำแหน่งกันบ้างหรือไม่”
ยังมึนสถานะ ส.ส.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงสถานะของ 8 กปปส.ที่ถูกคุมขังว่า ความเป็นรัฐมนตรีย่อมสิ้นสุดลง ส่วนกรณีคนที่เป็น ส.ส.นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุดให้จำคุกก็จะยังไม่พ้น แต่จะมีเหตุอื่นเข้ามา เช่น ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งก็จะโยงไปถึงการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมาตรา 96 (2) ที่ระบุว่าหากเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ก็พ้นจากความเป็น ส.ส.ด้วย ส่วนบุคคลที่ศาลไม่ได้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง โดยหลักแล้วการจำคุกก็ยังไม่ถึงที่สุด สิทธิเลือกตั้งก็ไม่ถูกเพิกถอน จึงยังไม่พ้นจากความเป็น ส.ส. แต่ก็มีเหตุอื่นแทรกเข้ามาอีกว่า หากถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล และมีหมายของศาลให้จำคุกกรณี เช่นนั้นก็จะพ้นด้วย แต่ไม่ทราบว่าใครเข้าข่ายดังกล่าวบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่เป็น ส.ส.แล้วเข้าเรือนจำ ยังไม่ถือว่าสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นการถูกจำคุกโดยหมายของศาลหรือไม่ เพราะอาจเป็นการควบคุมตัวธรรมดา หากเขาอ้างความคุ้มกันขึ้นมาก็ต้องปล่อยตัว เพราะถือว่าอยู่ระหว่างอุทธรณ์
ถามถึงกรณีนางทยา ทีปสุวรรณ ที่ถูกตัดสินให้รอลงอาญา แต่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี หากสุดท้ายศาลแก้ประเด็นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง นางทยาจะกลับมามีสิทธิ์ทางการเมืองอีกได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ แต่ขณะนี้ถือว่าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจนกว่าศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเป็นอย่างอื่น
เมื่อถามว่า ในกรณีที่คนเป็น ส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีเช่นกัน จะอุทธรณ์ประเด็นถูกตัดสิทธิ์ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า การเป็น ส.ส.ขาดแล้วก็ขาดไป แต่เรื่องสิทธิทางการเมือง ถ้าศาลพิพากษาว่าไม่เพิกถอนก็จะกลับมา นี่คือความรุนแรงของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แม้ยื่นอุทธรณ์แล้วมีสิทธิ์กลับมา แต่ไม่สามารถคืนสภาพ ส.ส.ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ แม้กระทั่งรัฐมนตรีก็เช่นกัน ถูกจำคุกแต่ไม่ถึงที่สุดก็พ้นความเป็นรัฐมนตรี ถ้าต่อมาศาลยกฟ้องไม่จำคุก ก็แปลว่าไม่จำคุกเท่านั้น แต่ความเป็นรัฐมนตรีไม่กลับมา นี่คือยาแรงของรัฐธรรมนูญ
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีจำคุก 5 ส.ส. และไม่ให้ประกันตัว เมื่อไม่ได้ประกันตัวสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ก็ต้องหมดไป ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการต่อไป เหมือนกรณีของนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่โดนคดีอาญาจ้างวานฆ่า จากนั้น กกต.จะเป็นผู้วินิจฉัยและดำเนินการ ขณะที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องพ้นตำแหน่งตามกฎหมาย
ด้าน พล.อ.ประวิตร? วงษ์สุวรรณ? รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี? 2? รัฐมนตรีของ? พปชร.พ้นตำแหน่ง ได้หารือเรื่องการปรับ ครม.กับนายกฯ หรือ?ยัง? ว่าไม่มี? ยังไม่ได้คุย? ยังไม่ได้พบนายกฯ เลย? แต่ก็ต้องปรับ?
เมื่อถามว่า? โควตาของนายณัฏฐพล? ทีปสุวรรณ? อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์? ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลฯ ซึ่งเป็นโควตาของ กปปส.? ยังเป็นโควตาของ? กปปส.อยู่หรือไม่? พล.อ.ประวิตร?ย้อนเสียงดังว่า "ของ กปปส.ที่ไหน ของพรรค? พปชร.? ทั้งสองคนเขาอยู่พรรค? พปชร. ก็แล้วแต่นายกฯ พิจารณา"
เมื่อถามว่า? จะต้องมีการปรับสลับเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่? พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วแต่สื่อ? จะไปสลับกันเอาเอง
ถามถึงการเสนอชื่อบุคคลขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สิทธิ์นายกฯ เพราะเป็นคนทำงาน
“บิ๊กป้อม”ยันโควตาเดิม
เมื่อถามว่า กลุ่ม 3 รัฐมนตรีช่วย หรือ 3 ช. มีโอกาสขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องถามนายกฯ จะไม่เสนอใครทั้งนั้น และยืนยันว่าโควตาพรรคร่วมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามที่คุยกันตั้งแต่ตั้งรัฐบาล
มีรายงานจากพรรค พปชร.แจ้งว่า มีความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พปชร. โดยมีการล่ารายชื่อ ส.ส.ของพรรคเพื่อแสดงจุดยืนในการปรับ ครม. ว่าไม่เห็นด้วยในการจะนำคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี โดยเป็นหนังสือขอมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรค พปชร.คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง โดยหัวหนังสือกราบเรียนถึงนายกฯ ผ่านหัวหน้าพรรค พปชร. โดยมีเนื้อหาว่า ด้วยข้าพเจ้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค พปชร. ที่ลงรายชื่อท้ายหนังสือนี้ มีความประสงค์ขอมอบอำนาจให้ท่านหัวหน้าพรรค พปชร. คัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง หากท่านหัวหน้าพรรคได้เลือกบุคคลใดให้เป็นรัฐมนตรีให้ถือเป็นเด็ดขาด และให้ถือว่า ส.ส.พรรค พปชร.ที่ลงลายมือชื่อนั้นได้เห็นชอบด้วยทุกประการ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ทั้งนี้ ตอนเวลา 18.00 น. มี ส.ส.ลงชื่อไปแล้วกว่า 80 คน จาก ส.ส.ทั้งหมด 119 คนของพรรค
ทั้งนี้ การล่ารายชื่อเพื่อคัดค้านไม่ให้นายกฯ ดึงคนนอกแล้ว ยังต้องการป้องกันปัญหาการวิ่งเต้นของมุ้งต่างๆ ภายในพรรค หลังเริ่มมีความเคลื่อนไหวจากหลายมุ้งที่พยายามต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีในการปรับ ครม.ครั้งนี้ โดยมอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมของพรรคแบบเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน เริ่มมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานเสร็จสิ้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้เดินลงมาส่ง พล.อ.ประวิตรขึ้นรถยนต์เพื่อออกจากทำเนียบฯ จากนั้นได้เดินย้อนกลับขึ้นไปยังห้องทำงานของนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายอนุชา และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ต่อมานายสุชาติกล่าวถึงการรับประทานอาหารร่วมกันว่า ในระหว่างรับประทานอาหารมีการแสดงความเป็นห่วงเพื่อนรัฐมนตรีทั้ง 2 คนคือ นายณัฏฐพลและนายพุทธิพงษ์ ส่วนเรื่องการปรับ ครม.ไม่ขอให้ความเห็น เพราะขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่
นายสมศักดิ์กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน และเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรค พปชร.จะปรึกษาหารือกับนายกฯ เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของนายกฯ ส่วนจะต้องปรับใหญ่หรือไม่นั้น ที่กระทบมีแค่ 2 พรรคการเมืองคือ พปชร.กับ ปชป. แต่ละพรรคก็ต้องหาคนมาทดแทน ซึ่งในส่วนของกลุ่มสามมิตรก็ไม่มีความคิดสลับหรือเปลี่ยนกระทรวง และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาภายในของพรรค เพราะไม่มีใครวิ่งอะไร
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. ได้มาเยี่ยมเยียนและพบปะพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. โดยหลังการหารือ นายอนุทิน และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. เดินลงมาส่งนายเฉลิมชัยขึ้นรถกลับ โดยนายอนุทินและนายสาธิตกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไร นายเฉลิมชัยแค่มาทำการสวอบเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าเฝ้าฯ เท่านั้นเอง พอตรวจเสร็จก็มาคุยกันเท่านั้น
ส่วนนายสาธิต กล่าวถึงประเด็นโควตารัฐมนตรีของพรรคว่าพรรคก็ต้องรักษาโควตาเก้าอี้ไว้ ส่วนจะปรับใครขึ้นมาแทนนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ร่วมกับ ส.ส.ตอนนี้รอสัญญาณจากนายกฯ ว่าจะหารือกันเรื่องนี้เมื่อไหร่ แต่ในส่วนของพรรคยังพยายามยืนยันในสัดส่วนของพรรคเช่นเดิม
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวในประเด็นนี้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ทั้งนี้ โควตารัฐมนตรีดังกล่าวจะมอบให้กลุ่ม ส.ส.ภาคใดนั้น ยังไม่ขอตอบ เพราะพรรคมีกระบวนการพิจารณาอยู่แล้ว และขณะนี้นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม.แต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่กังวลหลังมีกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคต้องการขอโควตารัฐมนตรีเพิ่มมากกว่า ปชป.
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวในประเด็นนี้ว่า ต้องมาพูดคุยกันว่าเดิมเราคุยกันไว้อย่างไร และถ้าจะเปลี่ยนมีเหตุผลอะไรในการเปลี่ยน คิดว่าเรื่องนี้ต้องมาพูดคุยกัน การเมืองต้องพูดคุย
“เพื่อไทย”เสือปืนไว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมกรณีจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพรและสงขลาทดแทนผู้ที่ถูกศาลอาญาสั่งจำคุกคดี กปปส. ว่า กก.บห.พรรคต้องมีการประชุมก่อน ซึ่งคาดว่าจะประชุมกันภายในสัปดาห์หน้า โดยขั้นตอนการส่งผู้สมัครนั้น เราจะดำเนินการตามกฎหมายของ กกต. และไม่จำเป็นต้องหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มิฉะนั้นอาจถูกมองว่ามีการฮั้วกัน ดังนั้นแต่ละพรรคสามารถส่งผู้สมัครลงแข่งขันได้อยู่แล้ว เพราะการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ตอนนี้ได้เปลี่ยนไป ซึ่งเห็นได้จากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2562 มีพรรคการเมืองหลายพรรคที่ ส.ส.อยู่ในพื้นที่ภาคใต้
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพรรค พปชร.และ ปชป.ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้คนมีคดีความติดตัว ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล ซึ่งช่วงนี้อาจเป็นเวลาที่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงงูเห่าจะเอางูเห่าที่เลี้ยงไว้ออกมาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มเติม ซึ่งขอเรียกร้องให้ประชาชนจับตามองการจัดสรรผลประโยชน์ของพรรคการเมืองมากกว่าการแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน
วันเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวในกรณี ส.ส.พรรค พปชร.ลงมติไม่ไว้วางใจสวนมติพรรค และ ส.ส.ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์ในการประชุมสภา ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เอาคืน โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา จะไปรู้ได้อย่างไร จะเอาคืนอย่างไร ตนเองทำอะไรผิด ที่จะเอาคืน ส่วนเรื่องการไม่โหวตของลูกพรรค ก็เป็นเรื่องของลูกพรรค บรรยากาศการทำงานของพรรคร่วมยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรคาใจ เพราะเป็นเรื่องของลูกพรรค
ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวในเรื่องนี้ว่า พรรคต้องขอโทษนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ พรรคภูมิใจไทย และสมาชิกของพรรคทุกคนจากใจ ซึ่งก่อนการอภิปรายได้มีการจัดสัมมนาและประชุมพรรค ก่อนลงมติแล้ว และในที่ประชุมได้มีการถามว่ามีใครคิดเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ในการลงมติ 10 คน แต่ก็ไม่มีใครแสดงตัว ถือเป็นฉันทามติที่จะลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 10 ท่าน แต่เมื่อมีการลงมติ แล้วมีการฝ่าฝืนฉันทามติ
“ออกมาพูดว่าเราทำถูกนั้นหมายความว่าคนส่วนใหญ่ทำผิดอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนี้เราจะอยู่กันได้อย่างไร ผมหวังว่าพรรคภูมิใจไทยคงเข้าใจพรรคพลังประชารัฐว่าไม่สามารถควบคุมสมาชิกพรรคบางคนที่ทำโดยพลการ ไม่มีการปรึกษาหารือ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าผิดหวัง ส่วนบทลงโทษที่จะมีต่อ ส.ส.ที่ไม่ทำตามมติพรรคนั้น ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาก่อนว่าจะมีบทลงโทษอย่างไร กำลังตรวจสอบกันอยู่” นายอนุชากล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |