กรณี 2 รัฐมนตรี ‘เสี่ยตั้น’ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับ ‘เสี่ยบี’ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กระเด็นตกเก้าอี้กลางอากาศ มีเอฟเฟ็กต์ทางการเมืองสูง

            การเชือดรัฐมนตรีสาย กปปส. ถูกเอาไปโยงกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่พอใจในตัว ‘ณัฏฐพล’ หลังประกาศส่ง ‘มาดามอีฟ’ ทยา ทีปสุวรรณ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชนกับ ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ ‘บิ๊กป้อม’ และกลุ่ม 3 ช.ในพรรคสนับสนุน

            นอกจากนี้ยังมีเชื้ออื่นๆ โดยเฉพาะการที่กลุ่ม กปปส.ในพรรคพลังประชารัฐของ ‘ณัฏฐพล’ ชอบทำตัวเป็นเด็กนอกสังกัดป่ารอยต่อฯ คอยสกัด คอยเบรกพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อยู่เรื่อย

            ส่วนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ได้คะแนนบ๊วยสุด นั่นก็มิวายถูกจับสัญญาณว่า ใครบางคนต้องการสั่งสอน ‘ณัฏฐพล’ ในทางการเมือง

            อีกทั้งมองไปที่ผลของคำพิพากษาที่สองสามีภรรยา ‘ณัฏฐพล-ทยา’ โดน โดยสามีถูกจำคุก 6 ปี 16 เดือน และภรรยาถูกจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท โทษห่างกันพอสมควร แต่กลับถูก ‘ตัดสิทธิทางการเมือง’ ทั้งคู่

            ขณะที่ในราย ‘พุทธิพงษ์’ โดนโทษสูงกว่า ‘ทยา’ แต่กลับไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ผลทางการเมืองที่ตามมาแน่ๆ ชัวร์ๆ คือ ทำให้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เดินสะดวกขึ้นในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ เสาชิงช้า

            ขณะเดียวกัน การหลุดเก้าอี้ของรัฐมนตรี และ ส.ส.สาย กปปส. ยังเหมือนเป็นการเปิดทางจัดระเบียบผลประโยชน์กันใหม่ภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะเรื่องโควตารัฐมนตรี ตามคิวที่มีข่าวลือว่า ‘บิ๊กป้อม’ ต้องการบาลานซ์ใหม่ให้สมเหตุสมผล

            การจัดสรรที่ผ่านมารอบแรกเหมือนเป็นการต่างตอบแทน ซึ่งยังไม่สอดคล้องกับปริมาณหน้าตักแต่ละมุ้ง อย่างในก๊วน กปปส.ของ ‘ณัฏฐพล’ ได้เก้าอี้ รมว.ถึง 2 คน คือ ณัฏฐพล รมว.ศึกษาธิการ และพุทธิพงษ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งไม่สมส่วน เพราะปัจจุบันกลุ่มนี้แตกแขนงออกไปกลุ่มดาวฤกษ์ถึง 6 คน

            จึงเป็นจังหวะให้ ‘บิ๊กป้อม’ ดึงโควตา กปปส.กลับเข้ากองกลางเพื่อบริหารเก้าอี้ใหม่ สอดคล้องกับที่ประกาศผ่านสื่อ ไม่มีโควตา กปปส. มีแต่โควตาพรรคพลังประชารัฐ

            2 เก้าอี้ที่ว่างลง ทำให้ ‘บิ๊กป้อม’ สามารถวางขุมข่ายใหม่ได้ง่ายขึ้น และการปรับ ครม.เที่ยวนี้จะถือโอกาสปรับครั้งใหญ่ มีการสลับโยกย้ายกันหลายตำแหน่ง

            กลุ่มที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ กลุ่ม 3 ช. วอลเปเปอร์ข้างหลัง ‘บิ๊กป้อม’ ที่ขึ้นหม้อที่สุดในพรรคเวลานี้ ในฐานะที่มี ส.ส.ในมือมากสุด ที่สำคัญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ คือมืองานที่ “บิ๊กป้อม” ไว้วางใจที่จะใช้ทำภารกิจแทนตัวเองแทบจะทั้งหมดในช่วงนี้

            อย่างศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสก็ได้รับมอบหมายให้จัดการเรื่องเสียง ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นของพรรคขนาดใหญ่ จนถึงพรรคขนาดเล็ก

            ขณะที่ สมการในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้เปลี่ยนไปมาก มุ้งต่างๆ ที่เคยเกาะกลุ่มต่อรอง ตอนนี้ผกผัน สลับขั้วสลับข้างกันเยอะ

            อย่างวันนี้หายไปแน่ๆ แล้วคือ กลุ่ม กปปส. ที่แกนหลัก ‘ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์’ สิ้นสภาพรัฐมนตรี และ ส.ส.ก๊วน กทม.ที่เหลือเป็นพวกตัวเหลือ เหมือนคนหัวขาด กำลังเป็นผึ้งแตกรังในพรรค ส่วน 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ หลังแหกมติพรรค ถูกคว่ำบาตรจากผู้ใหญ่ ได้เวลาแยกวงอีกรอบเพื่อเอาตัวรอด

            นอกจากนี้ยังเกิดปรากฏการณ์ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ในทางการเมืองขึ้น เมื่อมีความผกผันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำหลายคู่ จากมิตรกลายเป็นห่างเหิน หรือจากศัตรูกลายเป็นกอดคอ จิบไวน์

            อย่างในรายความสัมพันธ์ของ “เสี่ยปาน” นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ จากแต่ก่อนมี “เสี่ยปาน” ต้องมี “เสี่ยเฮ้ง” แต่เดี๋ยวนี้ ยกมือไหว้กันเหมือนมีแผลในใจ ตามข่าวที่ว่า มีปัญหากันเรื่องยอดฮิตในหมู่นักการเมือง ตั้งแต่รายหลังขึ้นแท่น รมว.แรงงาน

            กลับกัน ร.อ.ธรรมนัส กับ “วิรัช” ที่เคยขัดแย้งกัน ถึงขนาด “บิ๊กป้อม” ต้องเข้าไปหย่าศึก สั่งให้จับมือกันต่อหน้า พลางยกยอว่า เป็น “ทหารเอก” วันนี้ตาลปัตรมาเป็นกอดคอ จิบไวน์

            ฝั่ง “เสี่ยเฮ้ง” จากเดิมที่เคยมี ส.ส.ภาคกลาง ตะวันออก รายล้อมรอบตัว จนเป็นก๊วนใหญ่ วันนี้ห่างหาย ทำให้ระยะหลังไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มสามมิตร ภายใต้การนำของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม บ่อยครั้ง หลัง “สุริยะ” ให้ความช่วยเหลือในช่วงที่อีกฝ่ายขัดสน

            สองกลุ่มใหญ่ๆ ในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้จึงเหลือแค่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส และกลุ่มสามมิตร ที่กลุ่มแรกดูจะมีไพ่ในมือเหนือกว่า เพราะอยู่ข้างกาย ‘บิ๊กป้อม’

            อีกทั้ง กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ยังมีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะ ส.ส.ต่างรู้ว่า อยู่กลุ่มนี้เหมือนอยู่กับ ‘ลุงป้อม’ รวมถึงที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสได้เข้าไปดูแล ส.ส.คนอื่นๆ ในพรรค โดยเฉพาะพวกที่ไม่มีมุ้งหรือยี่ห้อชัดเจน ทั้ง ส.ส.ภาคใต้ และกลุ่ม 6 ส.ส.ดาวฤกษ์

            ซึ่งแม้ ‘บิ๊กป้อม’ จะเดินหน้าสลายจนเหลือ 2 กลุ่มหลักๆ แต่การปรับคณะรัฐมนตรีก็น่าจะฝุ่นตลบอีกรอบ เพราะต่างฝ่ายต่างขยับเพื่อจะได้ที่ดีๆ หรือคนที่นั่งอยู่ก็อยากจะรักษาเก้าอี้เอาไว้

            คนที่น่าห่วงคือ ‘สุชาติ’ หลังเป็นเป้าหมายหลักของมุ้งตรงข้ามที่ขย่มมาสักพัก วันนี้แม้จะโยกไปทำกิจกรรมกับ ‘กลุ่มสามมิตร’ แต่ดูแล้วถ้าถึงคราวต้องเอาตัวรอด ‘สามมิตร’ ก็น่าจะช่วยลำบาก เพราะลำพัง 3 เก้าอี้ในมือยังต้องลุ้นว่าจะถูกดึงคืนกลับไปสักตัวหรือไม่

            เอาว่า คลื่นลมตอนนี้ ก่อตัวเตรียมเป็นดีเปรสชันถล่มภายในพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง.