ควันหลงศึกซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์สองจบลงด้วย 10 รัฐมนตรีรอดพ้นการจากลงมติไม่ไว้วางใจ แต่ผลอาฟเตอร์ช็อกทางการเมืองยังไม่จบ เพราะยังมีเกมหวังผลเขย่าเก้าอี้ ครม.หลังเกิดรอยร้าว คนในบางพรรคเจาะยางกันเอง ต่อด้วยความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งฝ่ายค้านกรณีพบงูเห่าออกมาโหวตสวนมติพรรค
    รูปการที่เกิดขึ้น คาดคะเนมาจากส่วนหนึ่ง คือ "ประชาธิปไตยแบบกล้วยๆ" ตามที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่า "กล้วยอุดปาก" เช่นนี้ทำให้ระบบการเมืองอ่อนแอ และเมื่อผลการลงมติออกมาก็เป็นการตอกย้ำอย่างยิ่ง
     ไล่ตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค ต้องปวดหัวกับแต่ละมุ้งในพรรคที่มีการแบ่งขั้วแบ่งมุ้งกันใหม่ หลังกลุ่มรัฐมนตรี 3 ช่วย นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อมีคะแนนไว้วางใจสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หลังกระแสข่าวกดปุ่มพรรคเล็กพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ลงมติไว้วางใจเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส แต่งดออกเสียงและไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้คะแนนไม่ไว้วางใจเกือบกินบ๊วย และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้อันดับบ๊วย กระทั่งมุ้งต่างๆ ในพรรคต้องรวมพลังจับกลุ่มกันใหม่ ต่อต้านพลังอำนาจใหญ่เหล่านี้
    ขณะที่ผู้ถูกพาดพิงอย่าง ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ในส่วนของคะแนนพรรคเล็กอื่นๆ ที่ให้ไม่เท่ากัน จะไปบังคับไม่ได้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน บอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะอยู่กระทรวงแรงงาน
    นอกจากนี้ "บิ๊กป้อม" ยังถูก ส.ส. 7 คน ขัดแนวทางของพรรค คือ กลุ่มดาวฤกษ์ ของ ส.ส. 6 พปชร. งดออกเสียงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจใทย และ 1 ส.ส. งดออกเสียงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
    กรณีนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่สองพรรคร่วมรัฐบาล และมีคำขอให้ ส.ส.เหล่านั้นแสดงความรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือเป็นเรื่องที่ "บิ๊กป้อม" จะต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
    ถัดมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกพรรคเพื่อไทยซักฟอกในประเด็นองค์การคลังสินค้า (อคส.) จัดซื้อถุงมือยาง ทำสัญญาลวงกว่า 2.2 พันล้านบาท
    ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกอภิปรายโครงการอุตสาหกรรมต้นแบบแห่งอนาคต อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ฝ่ายค้านเชื่อว่ามีความไม่ชอบมาพากล และทั้ง 2 คนนี้อยู่ในข่ายที่จะถูกร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฝ่ายค้านลงมติไม่ไว้วางใจนั้นไม่เท่าไหร่ แต่กลับพบว่ามี ส.ส.ประชาธิปัตย์อย่างน้อย 3 ราย "งดออกเสียง" "หัวหน้าพรรค" แต่ในส่วนของนายนิพนธ์ 3 คนนี้บางคนลงมติแตกต่างกันไป คือ งดออกเสียง และลงมติไว้วางใจ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์คงต้องยอมรับความจริง เลิกโลกสวยว่าพรรคตัวเองมีปัญหาที่แก้ไม่ได้
     ส่วนพรรคฝ่ายค้านที่เสียหายอย่างยิ่งครั้งนี้ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย แต่กลับเป็นพรรคก้าวไกล ที่เลือดไหลไม่หยุด หลัง 4 ส.ส. ประกอบด้วย นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพีรเดช คำสมุทร นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย และนายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี ลงคะแนนไว้วางใจให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ  และ รมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ซึ่งคาดว่าอาจจะย้ายไปทำกิจกรรมทางการเมือง กับพรรคภูมิใจไทย เช่น 10 อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ย้ายไปก่อนหน้านี้ หลังพรรคสีส้มถูกยุบเพราะคดีเงินกู้
    รวมทั้ง กระแสข่าวที่ถูกปูดมาจากพรรคของคนรุ่นใหม่ยังมีอีก 5 ส.ส.ที่แฝงตัวอยู่ โดยมีกลุ่มนายห้าง หจก. "ว." ย่านประชาอุทิศ ที่ต้องการสร้างมุ้งขึ้นมาในพรรค และเลี้ยงดูปูเสื่อ ส.ส.เหล่านั้นเป็นอย่างดี และแว่วว่าอาจไปสนับสนุนพรรครัฐบาลอีกเช่นกันในเร็วๆ นี้ โดย ส.ส.ทั้ง 5 คน คาดว่าอยู่ในรายชื่อ 9 คนที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยอมรับว่า กำลังตรวจสอบเรื่องนายทุน "ว." และหากทำผิดก็จะจัดการอย่างเด็ดขาดแน่นอน
    เมื่อเสียงโหวตที่ออกมา ย่อมสะท้อนพฤติกรรม ส.ส.ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเป็นเพราะ "กล้วย" ใช่หรือไม่ ที่ทำให้ระบบการเมืองไทยเป็นเช่นนี้.