ในช่วงที่ผ่านมานี้หลายคนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับกระแสที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีการใช้กัญชาเสรี แต่เชื่อว่ากว่าจะถึงขั้นตอนนั้นคงต้องผ่านกระบวนการกำกับดูแลอีกหลายอย่าง และเมื่อเปิดใช้แล้วก็คงไม่ได้สามารถจะซื้อขายได้ทั่วไป หรือแม้แต่วิธีการนำมาใช้จะต้องผ่านกระบวนการทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่ที่หวังว่าจะใช้เพื่อเสพ อาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์แน่นอน เพราะหากกฎหมายยังระบุว่ากัญชาเป็นพืชเสพติดแล้วล่ะก็ คงไม่สามารถใช้ได้ทั่วไป
แต่ในขณะที่รอกัญชาเสรีนั้น มีอีกหนึ่งสิ่งที่ประเทศไทยและในภาคอุตสาหกรรมโลกนั้นให้ความสนใจเป็นอย่างมากคือพืชตระกูลเดียวกับกัญชา หรือที่ถูกเรียกว่ากัญชง หลายคนอาจจะสงสัยถึงความเหมือนและแตกต่างกัน ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนั้นใกล้เคียงกันมาก เพราะมีสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเช่นเดียวกัน แต่ความแตกต่างต้องลงลึกไปยังระดับพันธุกรรมเลยทีเดียว ซึ่งจะแบ่งตามปริมาณ สารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท นั่นคือ THC (delta-9-Tetrahydrocannabinol) ซึ่งถ้าต้นที่มีสาร THC น้อยกว่า 0.3% จะถือว่าเป็นกัญชง แต่ถ้ามีค่า THC สูงกว่านี้ถือว่าเป็นกัญชา
และคุณสมบัติทางชีวภาพก็แตกต่างกัน เพราะกัญชงนั้นมีใบแคบเรียวและสีเขียวอ่อนกว่า มีลำต้นสูงและแตกกิ่งก้านน้อยกว่า ช่อดอกมียางน้อยกว่ากัญชา รวมถึงเส้นใยของต้นกัญชงยังมีคุณภาพดีกว่า ซึ่งเหมาะสมกับการใช้ในการถักถอได้ดี ด้วยเหตุนี้เองภาคอุตสาหกรรมการผลิตจึงได้นำคุณสมบัตินี้มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ผนวกกับไทยเองได้มีการปลดล็อกให้ประชาชนขออนุญาตปลูกได้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผานมา จึงทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชงจึงมีแนวโน้มที่น่าสนใจ
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้เคยเปิดเผยภาพรวมของตลาดโลกในอุตสาหกรรมกัญชง ซึ่งในปี 2562 มูลค่าการตลาดอยู่ที่ 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 140,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2025 มูลค่าการตลาดจะมีโอกาสเติบโตถึง 26,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 806,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 34% เฉลี่ยกว่า 5% ต่อปี
โดยกันชงสามารถนำมาผลิตเชิงพาณิชย์ได้ทุกส่วน โดยเฉพาะเมล็ด เมื่อสกัดแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ ช่อดอกและใบ ผลิตเป็นเวชสำอางการแพทย์ อาทิ ยารักษาสิว ลำต้น บริเวณแกน ผลิตเป็นวัสดุก่อสร้าง ภาชนะสัมผัสอาหารแบบใช้ครั้งเดียว เปลือกลักษณะหยาบ ทำเป็นสิ่งทอหัตถกรรม เปลือกแบบละเอียด สามารถผลิตเป็นสิ่งทอกลุ่มแฟชั่น อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังของโลก และสามารถผลิตเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน โดรน เสื้อเกราะ เซิร์ฟบอร์ด และราก สามารถผลิตเป็นปุ๋ยธรรมชาติ และวัสดุก่อสร้าง
ที่ผ่านมาจึงเห็นบริษัทเอกชนหลายแห่งหันมาทำธุรกิจกัญชงกันมากขึ้น อาทิ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมยื่นใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสารซึ่งช่วยยับยั้งการออกฤทธิ์ของ THC หรือเรียกว่า CBD(cannabidiol) เพื่อเดินหน้าเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรกัญชงและกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงสกัดเป็นน้ำมันจากเมล็ดกัญชง สกัดเป็นโปรตีนสูง และสกัดเป็นเปปไทด์ เป็นต้น
รวมถึง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ที่ได้เจรจากับพันธมิตรที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว รวมไปถึงขอความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชงมารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชง คาดว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อจัดจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี 64 โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกนำไปวางจำหน่ายในร้านค้าในเครือของบริษัท
จึงเห็นได้ว่ากัญชงนั้นเป็นพืชที่น่าจับตามองอย่างมาก ซึ่งหากในอนาคตประเทศไทยสามารถจับจุดเด่นและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องนั้น กัญชงอาจจะขึ้นมาเป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งตัวเลยก็ว่าได้ และคงจะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้มีส่วนร่วมได้ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ.
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |