พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์

17 พ.ค. 61 - พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ สมบูรณ์สุข อดีตข้าราชการตำรวจ นรต.รุ่น 33 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของตำรวจกรณีพ.ต.ท.สันธนะ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ เป็นมาเฟียผู้มีอิทธิพลข่มขู่รีดไถพ่อค้าแม่ค้าตลาดใหม่ดอนเมืองหลาย ว่า กรณีสันธนะ เขาแสดงตัวจะสู้คดีและพร้อมที่จะเข้าขบวนการข้อกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนชิงออกหมายจับเพื่อจะไปลากคอให้สาแก่ใจอับอายไปทั่ว การใช้กำลังอินทราชต้องเป็นคดีอาชญากรรมคนร้ายมีอาวุธสงครามหรือก่อการร้ายชิงตัวประกัน ไม่ใช่มาใช้เพื่อกลั่นแกล้งกัน จึงต้องมีการปฏิรูปงานสอบสวนและมีความเสมอภาคในความยุติธรรม

นอกจากนั้นยังตอบกลับแสดงความคิดเห็นที่คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายครั้งว่า คนทำงานสอบสวนมักต้องทำตามผู้บังคับบัญชาหน้าโง่บางคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้เพราะเติบโตมาจากสายงานาอื่นแต่ใช้อำนาจเหนือกว่าสั่งการ จะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้คนสอบสวนก็อึดอัด บางคนซื่อตรงอนาคตก้าวหน้าช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถ้าทำตามมันสั่งก็ต้องหาช่องโหว่ของกฎหมายจึงเป็นที่มาของการถูกสังคมกล่าวหาว่าไม่ยุติธรรม จึงต้องปฏิรูปงานสอบสวนเป็นเพราะไอ้หน้าโง่ไม่รู้งานสอบสวนแล้วตามมาสั่งการตามที่ปรากฎบ่อยๆ  นี้ไงจึงต้องปฏิรูปงานสอบสวน ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงมาชี้นำ

"ระบบการสอบสวนของไทยเป็นระบบกล่าวหา ผู้ต้องหาต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างภายหลัง กรณีของสันธนะก็เช่นกัน สอบลับหลังแต่ฝ่ายเดียว เรื่องเก็บเงินที่ตลาดใหม่ดอนเมืองตำรวจสอบคนที่ว่าไม่เต็มใจให้แล้วชี้รูปสันธนะก็แค่นั้น เรื่องเงินค่าวส่วนกลาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ใช่ส่วยไม่ผิด เงินส่วนกลางที่ว่านี้ความจริงมีทุกตลาดเอกชนครับแต่มองให้ผิดก็ได้ มองให้ถูกก็ได้จึงต้องใช้ความยุติธรรมมากสักหน่อย จ้องจับผิดคิดริษยาเสียเวลากับความหลังพังเพราะไม่รู้จักพอเข้าใจนะครับ"

"การขอหมายจับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของการกล่าวหาของพนักงานสอบสวนจะผิดถูกยังไงอยู่ที่ศาล ศาลเห็นพอเชื่อคำกล่าวหาก็ให้ ปกติไม่ต้องออกหมายจับเรียกมาสอบถามแจ้งข้อกล่าวหาก็ได้ แต่ พงส.ใช้ช่องโหว่ของ กม. ถ้ามี่อัตราโทษสูงเกิน 3 ปี ก็ขอหมายจับได้ แต่ต้องเป็นกรณีน่าจะหลบหนีหรือไม่มีแหล่งที่อยู่แน่นอน แค่ทะเลาะกันส่วนตัวยัดข้อหาตั้ง 45 คดี สังคมจึงต้องการงานปฏิรูปงานสอบสวนของตำรวจ ให้แยกออกมาไม่ต้องไปฟังผู้บังคับบัญชานอกสายงาน"

พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ ระบุด้วยว่า  “ตำรวจต่างกับทหารตรงที่ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ขายเพื่อน ตำรวจทำชั่วบ้างเลวบ้าง พอเป็นตำรวจระดับสูงฟอกขาวทันที เป็นนายตำรวจตัวอย่างและบุคคลที่มีเกียรติไปในพริบตา.