23 ก.พ.64 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ในที่ประชุม ศบค.ยังได้หารือถึงแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำเสนอแผนต่อที่ประชุม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. มีนโยบายว่า การกระจายวัคซีนต้องครอบคลุม และประชาชนทุกคนในประเทศต้องเข้าถึง โดยมี 3 เป้าหมาย คือ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อย่างไรก็ตาม มีการทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นหลายครั้ง พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าอาสาพร้อมจะฉีด ส่วนที่มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่พร้อมฉีด เนื่องจากไม่ได้ทำงานในด่านหน้าหรือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้สัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ดังนั้น เราจึงวางกลยุทธ์ในการฉีดวัคซีน อันดับแรกคือ สื่อสารสาธารณะสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน จัดบริการที่มีคุณภาพครอบคลุมประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ประกันคุณภาพวัคซีนและติดตามผลข้างเคียง พัฒนาระบบข้อมูลช่วยการบริหารจัดการ และจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาบริการวัคซีนให้กับประชาชน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่จะได้รับนั้น ล็อตแรก 2 แสนโดสจะมาจากซิโนแวค จากนั้นจะได้ของแอสตราเซเนกา จำนวน 26 ล้านโดส ที่จะได้มาในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. และ 35 ล้านโดส ที่จะได้มาช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. ดังนั้น การกระจายวัคซีนจึงจะจัดเป็น 2 ระยะ ระยะแรกที่มีวัคซีนปริมาณจำกัดจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอยู่ด่านหน้าทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค กลุ่มที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยกระจายไปใน 13 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดคือ สมุทรสาคร พื้นที่ควบคุมคือ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ตาก ราชบุรี สมุทรสงครามนครปฐม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย ชลบุรี ภูเก็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ส่วนระยะที่สอง เมื่อมีวัคซีนปริมาณมากขึ้น จะกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายในระยะแรกให้ได้ครบก่อน นอกจากนี้ จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่นอกเหนือจากด่านหน้า ผู้ประกอบการอาชีพท่องเที่ยว ผู้เดินทางระหว่างประเทศ ประชาชนทั่วไป นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจต่างชาติ คนต่างชาติที่พำนักระยะยาว และแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนแผนการให้บริการวัคซีนในโรงพยาบาลเป้าหมาย จะให้โรงพยาบาล 1,000 แห่ง วันละ 500 โดส 20 วันต่อเดือน จะทำให้สามารถกระจายได้เฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านโดส โดยสัปดาห์แรกจะจัดบริการใน 50 โรงพยาบาล เริ่มที่ 100-200 โดสต่อวัน ระยะต่อไปจะพิจารณาขยายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนนั้น จะเริ่มจากการลงทะเบียน ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต คัดกรอง ซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง ลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน ฉีดวัคซีน พักสังเกตอาการ 30 นาที ตรวจสอบก่อนเดินทางกลับ พร้อมรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน จากนั้นจะมีการประเมินผลครอบคลุมการฉีดวัคซีน และอาการไม่พึงประสงค์ เมื่อหมดกระบวนการแล้วจะมีการติดตามวัคซีนหลังฉีด 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน รวมถึงแจ้งนัดหมายฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และรับใบยืนยันการฉีดวัคซีน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |