23 ก.พ.64- นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ “เป๊ปซี่” ผู้สื่อข่าวอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit ระบุว่า  SPECIAL CONNECTION ผู้กองธรรมนัส

เพราะคอนเนคชั่นพิเศษ ที่ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า มีกับนักการเมืองฝ่ายค้านมายาวนานทำให้ได้เสียงไม่ไว้วางใจน้อยสุด 199 เสียง  ซึ่งนับรวมคะแนนไม่ไว้วางใจจากนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ปชป.  ที่เป็นส.ส.รัฐบาลเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจรมต.ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา   การลงมติในลักษณะนี้ถือเป็นการผิดมารยาททางการเมืองอย่างร้ายแรง  โดยนายอันวาร์ ได้งดลงคะแนนเสียงไว้วางใจให้กับรมต.ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกือบทุกคนรวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ แต่ลงคะแนนเสียงไว้วางใจ นายนิพนธ์ บุญญามนี รมช.มหาดไทย 

ในปีกฝ่ายค้าน ร.อ.ธรรมนัส ได้เสียงไว้วางใจจากสองงูเห่าจากพรรคเพื่อไทย พรพิมล ธรรมสาร และพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ  ซึ่งทั้งสองส.ส.ลงคะแนนเสียงไว้วางใจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยเช่นกัน

ขณะที่หน.พรรคเพื่อชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์  น.ส.ปิยะรัตน์ ติยะไพรัช ลูกสาวนายยงยุทธ ติยะไพรัช  และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล หลานชายนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ มือขวาของนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร งดออกเสียงในการลงคะแนนไม่ไว้วางใจร.อ.ธรรมนัส  

ไม่ใช่เรื่องของความผิดพลาดในการกดปุ่มหรือความบังเอิญแต่เป็นคอนเนคชั่นพิเศษที่มีมายาวนาน เมื่อครั้งผู้กองธรรมรัสเป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ภาคเหนือ  และความเป็นคนใจถึงมากบารมีที่มีให้กับนักการเมืองหลายคนเป็นที่มาของความสัมพันธ์พิเศษส่งผลให้ได้คะแนนไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด และหากส.ส.ในพรรคปชป.ไม่แตกแถว อีกสามคน พนิต อันวาร์ และสาทิต วงศ์หนองเตย ผู้กองธรรมนัสจะได้คะแนนเสียงไว้วางใจมากสุดถึง 277 คะแนน 

ร.อ.ธรรมนัส ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนสุดท้ายในวันสุดท้ายช่วงสามชม.สุดท้าย จาก นายนิคม บุญวิเศษ หน.พรรคพลังปวงชนไทย  ไม่ได้มีประเด็นสาระของการทุจริตหรือการใช้อำนาจที่เลยเถิดมาอภิปราย อย่างที่ฝ่ายค้านมีการตีปี๊ปประโคมข่าวก่อนการอภิปราย เขียนข้อกล่าวหาในกระทู้อ่านแล้วม่วนซื่นนน  แต่สาระในการอภิปรายไม่มี har อะไรเล้ยยยย 

ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เล่นการเมืองต่อ พปชร. ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจตั้งขึ้นมาหนุนพล.อ.ประยุทธ์ แตกบานกระจายแน่นอน อาจได้เห็นอีกพรรคการเมืองใหม่ที่มี ร.อ.ธรรมนัส เป็นกำลังสำคัญหรืออาจขึ้นแท่นเป็นหัวหน้าพรรคเอง.