เมื่อวาน (๒๒ ก.พ.๖๔)
    ยุทธจักรตื่นตัว แต่ไม่ตื่นเต้น 
    เมื่อ ๒ ท่านผู้เฒ่า "ชาญวิทย์-พนัส" แบกเครดิต อดีตอธิการบดี มธ.และคณบดีนิติ มธ.พร้อมหลักทรัพย์
    มาเป็น "นายประกัน"......
    "เพนกวิน-อานนท์-สมยศ-หมอลำแบงค์" ผู้ต้องหาความผิดมาตรา ๑๑๒, ๑๑๖ และอื่นๆ
    ครั้งนี้ เป็นการขอประกันครั้งที่ ๓ หลังจาก ๒ ครั้งแรก ศาลไม่อนุญาตให้มีประกัน
    ในเมื่อ ทั้ง ส.ส. ทั้งอาจารย์ ยื่นประกันแล้ว ก็หมดน้ำยา 
    ถึงขั้นปรมาจารย์ อย่างชาญวิทย์และพนัส ต้องออกหน้ามาประกันเองเช่นนี้
    ยุทธจักรสามนิ้วและสำนักสลิ่ม ต่างตื่นตัวคึกคัก 
    อยากรู้ รอบนี้ ศาลจะมีคำสั่งอย่างไร?
    ตกบ่าย ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว ทนายบอก ว่า
    ศาลให้เหตุผลว่า....
    "ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว 
    กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสี่ไป 
    อาจจะไปก่อเหตุภยันตรายเดียวกันกับที่ถูกฟ้องอีก  จึงยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 
    ยกคำร้อง" 
    หมายถึง ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำเพนกวิน-อานนท์-สมยศ-หมอลำแบงค์ กลับไปขังไว้ที่คุกลาดยาวต่อไปตามเดิม
    คำว่า "ต่อไปตามเดิม" ในที่นี้ หมายความว่าไง?
    นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายบอกนักข่าว
    "....................ถ้าไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ก็ต้องติดคุกไปตลอด ๓ ปี ระหว่างพิจารณาคดี" 
    โอ...กินฟรี-อยู่ฟรี ๓ ปี วาสนาถึงปานนั้น!
    ในยุทธภพ เหล่านักบู๊วิจารณ์กันอื้ออึง ขนาดซือแป๋ผู้สำเร็จวิชา "๓ ดัชนีทะลวงแผ่นดิน" ออกหน้ามาเอง  กระนั้น ราคาอีแปะเดียวก็ยังไม่มี
    รอบที่ ๔ เห็นที "ธนาธร-ปิยบุตร" ศิษย์คนโตของสำนักผู้ได้รับการถ่ายทอดและฝึกปรือวิชา "ล้มฟ้า-ล่มแผ่นดิน" สำเร็จแล้ว 
    คงต้องแบกยี่ห้อเจ้าสำนักรุ่นใหม่ ขนอีแปะมาเป็นนายประกันเองบ้าง
    กรณีนี้ ชาวเสียมก๊ก เมื่อทราบข่าว "ศาลไม่ให้ประกัน" ๔ มาร พิการนิ้ว
    ต่างแซ่ซ้อง พากันร้อง "สถิตยุติธรรม" ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!
    การที่ ๒ ซือแป๋ ออกหน้ามาประกันเอง มีอะไรเป็นแรงผลักดัน ทำให้ต้องยักแย่-ยักยัน แบกยี่ห้อออกมาเช่นนี้?
    ทุกคนอยากรู้ เล่าฮูเอง ก็อยากรู้!
    ฉะนั้น ลองฟังผู้เฒ่าชาญวิทย์เบ่งลมปราณสาธยายซักหน่อยก็ดี
    "ผมกับอาจารย์พนัส เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือด้วยกัน เรามีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิด 
    ในแง่วิชาความรู้ที่เรียนมา เราสองคนต้องการยืนยันหลักวิชาการ อย่างอาจารย์พนัส ระบุถึงหลักนิติศาสตร์สากลควรเป็นอย่างไรในแง่คดีความ 
    ส่วนของผม ใช้หลักประวัติศาสตร์สากล ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อว่า สิ่งที่คนทั้ง ๔ กำลังทำอยู่ และคนรุ่นใหม่กำลังทำอยู่ 
    เป็นเรื่องประวัติศาสตร์สากลของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั่วโลกที่ยังคงอยู่เป็นจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ  
     สถาบันกษัตริย์ที่มั่นคง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ยกตัวอย่างที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก คือสหราชอาณาจักรอังกฤษ 
    สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษนั้น ก็ได้ปฏิรูปมาจนกระทั่งมั่นคงอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน 
    ตัวอย่างที่ใกล้เราที่สุดก็คือญี่ปุ่น 
    สถาบันจักรพรรดินั้น หลังจากที่ได้ถูกใช้อ้างอิง ใช้โหนโดยฝ่ายรัฐบาล รัฐทหารของญี่ปุ่น 
    จนกระทั่งเข้าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ต้องแพ้สงครามด้วยการโดนระเบิดปรมาณู ๒ ลูก อย่างที่ทราบกันดี 
    ผมคิดว่าสถาบันพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นปัจจุบัน ก็คือสถาบันที่ได้รับการปฏิรูปไปแล้ว  
    ดังนั้น ผมเชื่อว่าข้อเสนอของเยาวชนคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่รวมทั้ง ๔ ท่าน ที่เรากำลังพูดถึง 
    คือข้อเสนอซึ่งถูกต้องตามหลักวิชาการประวัติศาสตร์  ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ของสถาบันกษัตริย์ระดับสากล 
    เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องพูดว่า ทั้งอาจารย์พนัสและผมยินดีมาก ที่จะเป็นคนที่ช่วยผลักดันในเรื่องนี้"
    โอเค ชัดเจน....
    ๒ ผู้เฒ่า ยอมรับเป็นผู้ร่วมขบวนการ ๓ นิ้ว ปฏิบัติการปฏิปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์ทุกวันนี้
    ดีครับ ผมอึดอัดแทนมานาน ที่เห็นเข้าแต่ข้างหลังมาตลอด ครั้งนี้ จะจะกันไปซะที!
    ส่วนที่ว่า จะมานำชุมนุมเองมั้ย เฒ่าชาญวิทย์อ้าง "แก่แล้ว"
    และยังออกตัวว่า....
    "ผมไม่ใช่พ่อยกนะ ผมก็ชอบดู 'ทราย เจริญปุระ' แม่ยกแห่งชาติ นอกจากจะเก่ง กล้าหาญ ยังสวยอีกต่างหาก..." 
    เมื่อประกาศชัดเจน ก็ไม่มีอันใดต้องว่ากล่าวอีก นอกจากชื่นชม ยังไงก็น่านับถือกว่า พวกจานซ่อนหน้าในตูดเด็ก!
    คุย "ควันหลง" ศึกอภิปรายบ้าง เห็นพรรครัฐบาล "แหกแผล" กันเอง "ตอมกันเอง" หึ่ง
    โดยเฉพาะพลังประชารัฐ, ภูมิใจไทย ในประเด็น ๖  ส.ส.ดาวฤกษ์ พลังประชารัฐ "งดออกเสียง" ให้รัฐมนตรีศักดิ์สยาม 
    ในขณะที่ ส.ส.ภูมิใจไทยโหวตให้รัฐมนตรีพลังประชารัฐทุกคน
    นายอนุทิน หัวหน้าภูมิใจไทย ข้องใจมาก!
    เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ลูกพรรค ๔ คน แหกมติ ไปโหวตให้รัฐมนตรีอนุทิน ก็ล้งเล้งกันใหญ่ ว่า ส.ส.แหกมติพรรค คำถามก็เกิดขึ้นว่า ผิดมั้ย ที่ ส.ส.แหกมติพรรค?
    คำตอบ คือ ผิดใจ-ผิดมรรยาท นั้น ผิดแน่
    แต่เรื่องกฎหมาย-กฎพรรค "ไม่ผิด"!
    พรรคไหนเอาเรื่องโหวตขัดมติพรรคไปลงโทษ ส.ส.  พรรคนั้นแหละผิด
    เอากันตรงๆ ชัดๆ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๔ เขียนไว้เลย 
    "ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดๆ มิได้"
    และรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๑๔ ระบุชัด.......
    "สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และ...ฯลฯ"
    ฉะนั้น อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ใครมาก-ใครน้อย "ทดไว้ในใจ" เอาเป็นว่า สอบผ่านทั้ง ๑๐ รัฐมนตรี คัตลอสจบแค่นี้ พอ 
    ที่น่าใคร่ครวญจากตัวเลขระดับ ๓ บิ๊ก คือ
    นายกฯ ประยุทธ์ ๒๗๒ ถือว่ามาตรฐาน จากจำนวนรวม ส.ส.พรรครัฐบาล
    นายอนุทิน ๒๗๕ นี่ เกินมาตรฐาน คะแนนฝ่ายค้านไหลมาล้นให้ ได้เกินจำนวน ส.ส.ซีกรัฐบาล
    ตามตัวเลขนี้บอก "มหาจักรฟักตัวเป็นใหญ่" ความในใจสะสม ส.ส.พร้อมขึ้นเป็นนายกฯ ได้ทุกเมื่อ
    ส่วนนายจุรินทร์ ได้ ๒๖๘ ถือว่า ต่ำมาตรฐาน ประเด็นสำคัญคือ ลูกพรรคตัวเองแท้ๆ ๓ คน ไม่โหวตเสียงให้หัวหน้าพรรค!
    ถือว่า กำลังตกที่นั่ง "ทศกัณฐ์สั่งเมือง"
    ทศกัณฐ์มี ๑๐ หน้า ๑๐ ปาก ก่อนตาย ปากที่ ๑  พิลาปรำพัน ว่า
    โอ้ พิเภกเอ๋ย ไฉนเลย มาแกล้ง ฆ่าพี่
    ตัวเรา ก็จะม้วย ชีวี ในเวลานี้ ด้วยศรพิษ
    สำหรับนายกฯ จากตัวเลข ต้องหมั่นท่อง "อิศรญาณภาษิต" ให้ขึ้นใจ 
    "อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว จงฟังหูไว้หูคอยดูไป เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ"
    เอวัง!