"กองปราบฯ" ตามจับผู้ต้องหายิงขี้เมาเสียชีวิตในร้านคาราโอเกะ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2544 หลังหลบหนีสุดชีวิต จนเหลืออีกแค่ 16 วันคดีจะหมดอายุความ สารภาพตระเวนไปหลายที่คิดว่าจะรอดแล้ว
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันที่ 22 ก.พ. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. และ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. แถลงข่าวการจับกุมนายไปรวิทย์ หรือนัฐพงศ์ หรือเอ็ม (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 867/2546 ลงวันที่ 18 ส.ค.2546 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต" โดยจับกุมได้ที่บริเวณขนำไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 9 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2544 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทที่บริเวณร้านคาราโอเกะ ม.4 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย จากการตรวจสอบทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายจรูญ (ผู้เสียชีวิต), นายวิมล (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) พร้อมพวก ได้มานั่งดื่มสุรา ร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว ต่อมาได้มีนายไปรวิทย์และนายธงชัยเข้ามานั่งทานอาหารและเครื่องดื่มภายในร้านด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มของนายไปรวิทย์นั่งโต๊ะติดกับโต๊ะของนายจรูญ และเมื่อนายจรูญกับพวกเมาสุราได้ขว้างปาขวดแก้วก่อความรำคาญให้กับลูกค้าโต๊ะอื่น
นายไปรวิทย์และนายธงชัยพร้อมกับนายอ่อนซึ่งเป็นคนดูแลร้าน จึงได้เข้าไปขอร้องให้นายจรูญกับพวกหยุดขว้างปาสิ่งของ แต่นายจรูญกลับไม่ยอมฟัง ขว้างปาขวดแก้วเช่นเดิม นายอ่อนจึงไปหยิบอาวุธปืนลูกซองยาวมาจากหลังร้าน และนำมาให้นายไปรวิทย์ยิงใส่นายจรูญไป 1 นัด กระสุนถูกนายจรูญเข้าที่บริเวณแผ่นหลัง และเมื่อนายวิมลเห็นว่านายจรูญถูกยิงจึงได้เข้าไปช่วย ถูกนายไปรวิทย์ยิงใส่อีก 1 นัด ทำให้นายวิมลได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อพวกของนายวิมลเห็นเหตุการณ์จึงได้รีบเข้าไปพาตัวนายวิมลขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนี เหลือเพียงนายจรูญที่ถูกนายไปรวิทย์ลากตัวออกมาจากร้าน ก่อนที่นายธงชัยจะใช้มีดพร้าฟันซ้ำที่ใบหน้าและลำคอจนเป็นเหตุทำให้นายจรูญถึงแก่ความตาย
ผบก.ป.กล่าวว่า หลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้แยกย้ายกันหลบหนี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายธงชัยและนายอ่อนมาดำเนินคดีแล้ว เหลือเพียงนายไปรวิทย์ที่ยังคงหลบหนี โดยหลบหนีมานานกว่า 19 ปี 11 เดือน 14 วัน เหลือเพียง 16 วัน ก่อนที่คดีจะขาดอายุความในวันที่ 9 มี.ค.2564 และเนื่องจากคดีดังกล่าวใกล้จะขาดอายุความ ทางพ่อของผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ให้ช่วยติดตามจับกุมนายไปรวิทย์ที่ยังหลบหนีอยู่มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตำรวจ กก.5 บก.ป.ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของพ่อผู้เสียหายใน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามรายละเอียดและรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามจับกุมผู้ต้องหา
จนกระทั่งวันที่ 21 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ได้สืบสวนจนทราบว่า นายไปรวิทย์ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบตัวนายไปรวิทย์จึงทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
"จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า หลังจากเกิดเหตุได้หลบหนีไปพักอาศัยที่ อ.หัวไทร ซึ่งเป็นบ้านของญาติของมารดา ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนชื่อจากนายไปรวิทย์เป็นนายนัฐพงศ์ เพื่อสะดวกต่อการหลบหนี หลังจากนั้นได้หลบหนีไปที่ จ.ยะลา ทำงานรับจ้างเป็นช่างในอู่ซ่อมรถยนต์ประมาณ 7 ปี และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมจับกุมภายในอู่ แต่สามารถหลบหนีการจับกุมได้ จึงหลบหนีมาทำงานรับจ้างเป็นช่างซ่อมรถยนต์ที่กรุงเทพฯ และพักอยู่ในอู่ซ่อมรถตลอดมา จนกระทั่งเมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.2564 ทราบว่าคดีใกล้จะขาดอายุความแล้ว จึงคิดจะเปลี่ยนที่อยู่ชั่วคราว จึงได้หลบหนีไปพักอาศัยกับเพื่อนสนิทที่หมู่ที่ 9 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อดูแลสวนผลไม้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมได้ในที่สุด" ผบก.ป.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |