ชาวโซเชียลนี่ก็....นะ
คุ้ยกันเก่งจัง
ก่อนที่ม็อบ ๓ นิ้ว จะชุมนุมหน้ารัฐสภา ๒๐ กุมภาพันธ์ "รุ้ง ปนัสยา" โพสต์ทวิตเตอร์แจ้งข่าวว่า
....ด่วนนนนน !!!
ตอนนี้เราไม่มีรถห้องน้ำสำหรับ #ม็อบ ๒๐ กุมภา เนื่องจากตำรวจได้ทำการขู่กิจการรถห้องน้ำ และกดดันไม่ให้บริการพวกเรา
วันพรุ่งนี้ ๒๐ กุมภาพันธ์ ณ รัฐสภาใหม่ เกียกกาย เรามีชุมนุมกันเวลา ๑๕.๐๐ น. เราจำเป็นต้องมีรถห้องน้ำไว้ให้บริการมวลชน !!!........
โซเชียลเขาถามกลับว่า แล้วรถห้องน้ำที่ "เฮียบุ๊ง" พ่อเลี้ยงม็อบ ซื้อมาอยู่ไหน?
เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว "เฮียบุ๊ง" หรือนายปกรณ์ พรชีวางกูร ออกข่าวว่าคุยกับ "ทราย เจริญปุระ" แล้ว เห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ เลยซื้อรถห้องน้ำใหม่เลย ๒ คัน ราคาประมาณ ๕ ล้านบาทบวก น่าจะใช้เวลาดำเนินการเอกสารประมาณ ๑๐ วัน
๓ เดือนผ่านไป โซเชียลข้องใจ รถสุขาอยู่หนใด?
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ เพราะรถสุขาต้องสั่งทำ อาจจะยังต่อไม่เสร็จ
เพียงแต่มันมีประเด็นเรื่องเงินๆ ทองๆ โผล่มาให้ฉุกคิดไปเรื่อย
"หมออั้ม อิราวัต" แนวร่วมม็อบ ๓ นิ้ว เขาแฉกันเองว่า
.... แกนนำโกงเงินบริจาคม็อบ ท่ามกลางกระแสที่แกนนำบางคนติดพนัน ติดหนี้ติดสิน เลยเอาเงินม็อบไปใช้ส่วนตัว ร่ำรวยจากเงินบริจาค ท่อน้ำเลี้ยงคนอื่น
เป็นนักบุญ ในคราบนักต้มตุ๋น
ไม่กล้าแจงบัญชี ไม่กล้าเปิดที่มารายได้ ไม่เคยจ่ายภาษีเข้ารัฐ แต่หน้าเพจโพสต์อวดรวย ซื้อคอนโดฯ ซื้อรถ ฯลฯ....
"หมออั้ม" ไม่ได้เฉลยครับว่าใคร แต่ขึ้นชื่อว่า "แกนนำ" มันก็มีอยู่ไม่กี่คน แม้ ๓ นิ้วจะพยายามบอกว่าม็อบไม่มีแกนนำก็ตาม
ทีนี้มันมีคำถาม ไปยังบรรดาแกนนำ ๓ นิ้วทั้งหลาย เพราะไม่พยายามที่จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้
เมื่อไม่เคลียร์มันก็อึมครึม!
พอมีข่าวเรื่องบัญชีเงินฝากบรรดาแกนนำที่อยู่ในคุก-นอกคุก ก็มีการขยายความกันใหญ่โตทำนองว่า "สู้แล้วรวย"
ก็ฟังหูไว้หูครับ
มีการอายัดเงินในบัญชีเงินฝากจริงหรือไม่
หรือมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากท่อน้ำเลี้ยงหรือเปล่า
ที่บอกว่า "เพนกวิน" มี ๖ ล้านบาท
หรือที่บอกว่า "โตโต้" มีเงินในบัญชีเงินฝาก ๕๐๐ ล้านบาท
ดูแล้วไม่น่าจะจริง!
เหตุผล เพราะทุกม็อบที่ผ่านมา ท่อน้ำเลี้ยงไหลลงท่อมาสดๆ ไม่ผ่านบัญชีเงินฝากให้ตามเส้นทางเงินในภายหลังได้
ฉะนั้น ถ้ามีเงินในบัญชี ๕๐๐ ล้านจริง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า "โง่" ไม่มีวัวปน หรือไม่ก็เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษครับ
ไม่นับเงินที่แม่ยกโอนเข้าบัญชีธนาคาร ที่เปิดไว้เพื่อขอรับเงินท่อน้ำเลี้ยงโดยเฉพาะ อันนี้แค่น้ำจิ้มครับ เอาไว้สร้างภาพ
ภาพโดยรวมม็อบ ๓ นิ้ว นับแต่การชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ยกย่อง "เจียม-ปวิน" เทียบเจ้า เรียกเสียงกรี๊ดจากคนรุ่นใหม่
ถัดจากนั้นนัดชุมนุมคราใด รวมพลได้เป็นหมื่น บางคนบอกเป็นแสน
จนกระทั่งถึง ๒๐ กุมภาพันธ์ เหลือหลักร้อยหลักพัน
นี่คือพัฒนาการที่ถอยหลังของม็อบ ๓ นิ้ว จากการกระทำของพวกเขาเอง
เมื่อครั้งเรียกคนได้เป็นหมื่น แกนนำบอกว่า มวลชนไม่กลัวโควิด แต่กลัวเผด็จการมาคร่าประชาธิปไตยไปมากกว่า
เสาร์ที่ผ่านมาคนเหลือหลักร้อย แกนนำแก้ขวย เพราะมวลชนเกรงจะติดโควิด
จึงเห็นภาพได้ชัดเจนว่า หากไม่มีเงื่อนไขใหม่ ม็อบ ๓ นิ้วได้ปิดฉากลงแล้ว
สังเกตง่ายๆ ทุกครั้งที่ชุมนุมเสร็จ จะมีการประกาศต่อทันทีว่าจะชุมนุมใหม่ ที่ไหน อย่างไร
แต่ ๒๐ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แยกย้ายกันกลับบ้านแบบหงอยๆ
เพราะนอกจากยุทธศาสต์ผิดพลาด จัดชุมนุมที่รัฐสภา หลังสภาโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นไปแล้ว
ยังไม่สามารถหาประเด็นเคลื่อนไหวที่ชัดเจนได้
แม้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการเปิดประเด็น "ตั๋วช้าง" ก็ตามที
และพรรคก้าวไกล พยายามเปิดยุทธการโรยเกลือหลังซักฟอก
แต่เพราะความไม่ชัดเจนในข้อมูล "ตั๋วช้าง" จึงทำได้แค่เหน็บแนมสถาบันเท่านั้น
การจะใช้ประเด็นนี้เพื่อเปิดศึกรอบใหม่ จึงเป็นเรื่องยาก
ขณะเดียวกัน "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เปิดประเด็น ๑ ปียุบพรรคอนาคตใหม่ : จาก “ตัดไฟแต่ต้นลม” สู่ “ไฟลามทุ่ง” เพิ่มขึ้นมา
ในทางปฏิบัติการใช้เหตุผลเหล่านี้ เพื่อปลุกมวลชนกดดันรัฐบาล ก็ยังเป็นเรื่องยาก เพราะสถานการณ์สุกงอม ในมุมมองของกลุ่มปฏิปักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ต่างไปจากเหตุการณ์ในอดีต เช่น ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา พฤษภา ๓๕ ม็อบเสื้อแดง ม็อบเสื้อเหลือง มาจนถึงม็อบ กปปส. อย่างสิ้นเชิง
เหตุการณ์ในอดีตสุกงอมด้วยการชุมนุมเอง
ไม่มีการนั่งปั่นในโซเชียล
ขณะที่ม็อบ ๓ นิ้ว-ก้าวหน้า-ก้าวไกล ถนัดกับการปั่นกระแสในโซเชียล แล้วทึกทักว่านั่นคือสถานการณ์ที่สุกงอมแล้ว ฉะนั้นได้เวลา แล่เนื้อเอาเกลือทา ซึ่งผิดถนัด
เห็นโพสต์ในเฟซบุ๊กของ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ก็อยากให้ ๓ นิ้ว-ก้าวหน้า-ก้าวไกล นำไปพิจารณาดู
...๑.จงหลีกเลี่ยงการปะทะกับกฎหมาย ขอให้จดจำประวัติศาสตร์ว่า สำหรับประเทศไทยแล้ว ไม่มีการชุมนุมใดของประชาชนที่ชนะอำนาจของ "รัฏฐาธิปัตย์" ได้เลย ไปดูประวัติศาสตร์เถอะ
๒.ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม กำลังจะมาถึงเองตามกาลเวลาแม้ไม่มีการเรียกร้องก็ตาม เช่น ให้นายกฯ ลาออก แม้ไม่เรียกร้อง อีก ๒ ปี นายกฯ ก็ต้องออกตามวาระอยู่แล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ตรงไหน, อย่างไร ก็ไม่ชัดเจน ถ้าเรียกร้องเพียงตัดอำนาจ ส.ว.อีกไม่กี่ปี ส.ว. ๒๕๐ คนก็จะหมดอำนาจตามรัฐธรรมนูญ กลับไปเลี้ยงหลานแล้ว ข้อเรียกร้องนี้ อีก ๑ ปี ก็ล้าสมัยแล้ว....
ครับ...เวลางวดเข้าไปทุกที
เงื่อนไขกำลังคลายตัวไปตามกาลเวลา
นับถอยหลังบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ และกำลังเข้าสู่บทบัญญัติปกติทุกมาตรา
หาก ๓ นิ้ว-ก้าวหน้า-ก้าวไกล พยายามจะสวนกฎแห่งกาลเวลานี้
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก ๑-๒ ปีข้างหน้า
ความทรงจำต่อ ๓ นิ้ว-ก้าวหน้า-ก้าวไกล จึงมีเพียงมิติเดียว
ในฐานะผู้ทำลายล้างแผ่นดินเกิดตัวเอง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |