ในขณะที่ทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาไวรัสโควิด-19 นั้น มีข้อเสนอเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือใส่ซ้อนกัน 2 ชั้น เมื่อต้องออกจากบ้าน เมื่อเร็วๆ นี้ “ดร.แอนโทนี ฟัวซี” ได้ให้ข้อมูลว่า “จากภาพข่าวที่เราเห็นประธานาธิบดีไบเดน และรองประธานาธิบดีอย่าง นางกมลา แฮร์ริส ใส่หน้ากากอนามัย 2 ชิ้นซ้อน ขณะออกไปปฏิบัติหน้าที่นั้น ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการเซฟตัวเองขณะออกไปนอกบ้าน"
    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ 2-3 ชิ้นซ้อนนั้น อันที่จริงแล้วจะมีประสิทธิภาพเพียงใด? 
    ระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ไวรัสร้ายดังกล่าวกำลังระบาด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีหน้ากากอนามัยหลากหลายรูปแบบให้เลือกมากขึ้น ตั้งแต่แมสก์ที่มีน้ำหนักเบาและระบายอากาศสำหรับนักกีฬา และหน้ากากที่ค่อนข้างหนาสำหรับประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น รวมถึงรูปแบบอื่นๆ ที่มากกว่านี้ อีกทั้งปัจจุบันหน้ากากอนามัยถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ซึ่งทุกคนจะต้องพกติดตัวเมื่อต้องออกไปข้างนอก แต่ทว่าหน้ากากอนามัยอาจจะเซฟตี้ความปลอดภัยจากเชื้อโรคได้ หากว่าคุณใส่มันออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือพบปะเพื่อนฝูงนอกบ้าน แต่หน้ากากอนามัยดังกล่าวอาจจะไม่เหมาะสำหรับแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะแผ่นกรองเชื้อโรคต่างๆ ในหน้ากากอนามัย ที่อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับคนกลุ่มที่ต้องคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งต้องทำงานอยู่ในอาคารที่ปิดและไม่ระบายอากาศ ดังนั้นการใส่หน้ากากอนามัยแบบ 2 ชิ้นซ้อนจึงเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ
    ดร.สจวร์ต โคเฮน หัวหน้าฝ่ายโรคติดเชื้อและผู้อำนวยการด้านระบาดวิทยา และการควบคุมการติดเชื้อของโรงพยาบาลที่ UC Davis กล่าวว่า “ในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่ามีอนุภาคไวรัสจำนวนเท่าใด ในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 หรือเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19  แต่หน้ากากถือเป็นอุปสรรคแน่นอนสำหรับหยดน้ำหรือละอองน้ำที่จะออกไปสู่ภายนอก เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ปิดกั้นทุกอย่างโดยสิ้นเชิง แต่มันเป็นเพียงการพยายามทำให้อนุภาคของไวรัสผ่านเข้าไปได้ยากขึ้น ดังนั้นยิ่งการสวมหน้ากากอนามัยแน่นขึ้น คุณภาพก็ยิ่งดี เพราะโอกาสที่เชื้อโรคและเชื้อไวรัสจะผ่านไปได้น้อยลง 
    ส่วนผู้ที่ใส่หน้ากากอนามัยเพียง 1 ชิ้น และเป็นหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่มีให้เลือกใช้ เพื่อความสบายใจก็ควรใส่ 2 ชั้น หรือใส่ซ้อนกัน 2 ชิ้น คุณก็จะรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญการใส่หน้ากากผ้าที่มีลักษณะคล้ายกัน 2 ชิ้นซ้อน ก็จะทำให้ประสิทธิภาพแมสก์ของคุณใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 และจะดีมากขึ้นไปอีกหากหน้ากากผ้าของคุณใส่ตัวกรองด้านในที่มีประสิทธิภาพ 
    จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ การใส่แมสก์ 2 ชิ้นซ้อนจะมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ 70-90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อพูดถึงการกรองอนุภาคที่อาจทำให้เกิดโรคโควิด-19 ขณะที่การใส่หน้ากากอนามัยจากผ้า หรือหน้ากากรูปแบบอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่แมสก์ทางการแพทย์ จะป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ร้อยละ 50 ส่วนหน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพ 95 เปอร์เซ็นต์ ในการกรองอนุภาคเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าวได้ 0.3 ไมโครเมตร หรือไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าละอองที่สร้างขึ้นเมื่อคุณกำลังพูดคุย ไอหรือจาม และจากการศึกษาพบว่าอนุภาคที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะผ่านหน้ากากไปยังระบบทางเดินหายใจของคุณอยู่ที่ประมาณ 2 ไมครอน แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับการป้องกันเชื้อไวรัสของหน้ากากอนามัยคือ ความพอดีของหน้ากากนั่นเอง 
    ทั้งนี้มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นว่า การใส่หน้ากากอนามัย 2 ชิ้นซ้อน โดยเฉพาะหน้ากากที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัด (สายรัดจะไขว้ผ่านหู) ซึ่งนั่นจะทำให้หน้ากากกระชับมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การใส่หน้ากาก 2 ชิ้นซ้อนถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบของแมสก์ให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับหน้ากากอนามัย N95 ที่ด้านในจะมีแผ่นกรองเชื้อไวรัส ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคดังกล่าวผ่านเข้าไปยังจมูกของเราได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน้ากากชนิดนี้จึงช่วยปกป้องทั้งตัวคุณเองและคนรอบข้างอีกด้วย 
    สำหรับแพทย์ที่สวมใส่หน้ากากอนามัยแบบสายไขว้หูไปด้านหลัง และยังมีหน้ากากอนามัยแบบใส หรือเฟซชิลด์ สวมทับอีกชั้นหนึ่ง ก็จะทำให้อนุภาคขนาดเล็กของเชื้อไวรัสผ่านเข้ามาสู่ร่างกายได้ยากมากขึ้น 
    ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ร่างกายอ่อนแอ และมีโรคประจำตัวหลายโรค) หรือสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาอาจต้องใส่หน้ากากอนามัยซ้อนกัน 2 ชิ้นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะเพื่อลดการสัมผัส เนื่องจากเชื้อไวรัสอาจจะกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว 
    นอกจากนี้ ผู้ที่จะเลือกใส่หน้ากากอนามัย 2 ชิ้นนั้น คือช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสสูงสุด หรือมียอดผู้ติดเชื้อเริ่มสูงขึ้น และผู้ที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก หรืออยู่ในพื้นที่แออัด หรือต้องอยู่บ้านเดียวกัน จนไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ รวมถึงคุณเป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ที่ได้รับการตรวจโควิด-19 และมีผลเป็นบวกก็ตามที และการทำงานอยู่ในห้องแอร์ซึ่งมีพนักงานอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ในออฟฟิศที่มีมาตรการเข้มในการป้องกันโรคโควิด-19 อยู่แล้ว ก็จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย 2 ชิ้นซ้อน รวมถึงพนักงานที่ทำงานอยู่ในคลังสินค้าที่ต้องเดินทางไปส่งของอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น.