18 ก.พ.64 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "หัวหมู่ทะลวงฟัน แต่ฟันไม่เข้า เพราะใช้ข้อมูลที่เป็นอาวุธฟันรัฐบาลและสถาบันฯ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า..."รู้ทั้งรู้ว่า บริษัทเอกชน ที่ชื่อว่า สยามไบโอไซเอนซ์ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แทนที่จะรอบคอบ ประณีต โปร่งใส แต่กลับรวบรัด ขาดความโปร่งใส อำพรางข้อมูลสาธารณะ จนเกิดความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน แทนที่จะสำนึก ขอพระราชทานอภัยโทษ แต่นายกฯ กลับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ฟ้องร้องปิดปาก"
ถ้าฟังผ่านๆ เหมือนนายวิโรจน์จะปกป้องสถาบันพระมหากษัติรย์ รวมทั้งยัดข้อหาอย่างที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและต่อต้านสถาบันฯชอบทำเสมอคือ กล่าวหาว่าการใช้ ม.112 คือเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม
แต่เราลองมาฟังท่อนต่อไปที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า..."ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน หัวเด็ดตีนขาด ก็ต้องเอาชีวิต และปากท้อง ของประชาชนทั้งประเทศไป กระจุกความเสี่ยงและรอคอย วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่จะผลิตโดยบริษัทเอกชน ที่ชื่อว่า สยามไบโอไซเอนซ์
............................................................................
เห็นอะไรจากประโยคท่อนนี้? เห็นหรือไม่ว่าวิโรจน์กำลังพูดโจมตี สยามไบโอไซเอนซ์ ตรงๆ แบบเนียลๆ เพราะรู้ว่าธนาธรและพรรคพวกตนเคยชงเรื่องให้ประชาชนคล้อยตามไปเรียบร้อยแล้วว่า สยามไบโอไซเอนซ์ มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
และรัฐบาลรวบรัดตัดตอนให้ สยามไบโอไซเอนซ์ ได้เป็นผู้ผลิตวัคซีนเพียงรายเดียวโดยไม่เหลียวแลบริษัทอื่นใด ด้วยยัดข้อหา"ฮั้ว"ให้รัฐบาลที่มุบมิบให้ สยามไบโอไซเอนซ์ มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ไปเพียงเจ้าเดียว
............................................................................
คราวก่อนธนาธรโดนถล่มเพราะพูดออกมาชัดๆ ว่าเป็นวัคซีนพระราชทาน คราวนี้ลูกสมุนอย่างวิโรจน์จึงระวังคำพูดและเลี่ยงบาลีไปใช้คำว่า"บริษัทเอกชน"
นายวิโรจน์ กล่าวว่า...“นายอนุทิน และพล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไม่เข้าร่วม COVAX กะจะพาประชาชนไปกระจุกความเสี่ยงที่วัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัทเอกชน ที่เพิ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และน่าจะไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน"
"เหตุใดเอาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนไปเสี่ยง กับบริษัทเอกชนที่เพิ่งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และน่าจะไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน”
............................................................................
อ่านดูดีๆ ฟังดูดีๆ จะพบว่า...เขากำลังพุ่งการโจมตีตรงๆ ไปที่รัฐบาลและสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง ว่า... 1)รัฐบาลรวบรัดให้ สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทเดียวที่ผลิตวัคซีน 2)ทั้งที่เพิ่งรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และน่าจะไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน 3)เขาไม่กล้าพูดคำว่าวัคซีนพระราชทานและเลี่ยงไปใช้คำว่าบริษัทเอกชน 4)ซึ่งถึงเวลานี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นของในหลวง 5)สรุปว่า เขาพยายามชี้ให้ประชาชนคล้อยตามว่า "รัฐบาลฮั้วกับสถาบันฯ" ใช่หรือไม่?
............................................................................
อีกครั้ง ผมจะช่วยรัฐบาลตอบคำถามว่าทำไมต้องเป็น "แอสตร้าเซนเนก้า" และ "สยามไบโอไซเอนซ์" 1) บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พัฒนาการผลิตวัคซีนเทคโนโลยีชนิด Viral vector เป็นผู้เลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ให้ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนโควิค ไม่ใช่รัฐบาลไทย โดยเขาได้ประเมินศักยภาพของสยามไบโอไซเอนซ์อย่างเข้มข้น ทั้งเรื่องมาตรฐาน ความสามารถ จนเกิดความเชื่อมั่น ย้ำว่า เขาเลือกที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เรากลายเป็นผู้ผลิต รัฐบาลไทยแค่รับข้อเสนอ
2) หากเราจองวัคซีนกับบริษัทอื่น ไทยเราจะเป็นในลักษณะการซื้อเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเราเลือกแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในผลิตวัคซีนระดับโลก
............................................................................
ทำไมคุณไม่พอใจว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้ผลิตเอง ทำไมคุณจะไปพอใจกับการที่เราเป็นเพียงผู้ซื้อของมาใช้ ไหนประเทศเราพูดกันมานานแสนนานว่า เราอยากเป็นประเทศผู้ผลิตไง ไปดูตัวอย่างธุรกิจรถยนต์ไหม ถ้าเราสั่งซื้อรถเป็นคันๆ มาจากต่างประเทศ กับที่เราผลิตได้เองในประเทศ แบบไหนที่ทำให้ไทยเราได้รับประโยชน์สูงกว่ากัน คำตอบคือ ผลิตได้เองในประเทศใช่ไหม
ถ้าผลิตได้เองในประเทศดียังไง? คำตอบคือ 1) ประเทศของเราได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น จากผู้ซื้อกลายเป็นผู้ผลิต 2) ศักยภาพของคนไทยได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น จากผู้ซื้อกลายเป็นผู้ผลิต 3) คนไทยและเมืองไทย พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการเป็นผู้ผลิตสินค้าออกไปขายได้ 4) ในอนาคต เราก็จะมีรายได้จากสิ่งที่เราผลิตได้เอง และคนในประเทศจะซื้อสินค้าที่เราผลิตได้เองในราคาถูก
............................................................................
ก่อนจบจะขอแถมให้อีกดอก ว่าพลเมืองของก้าวหน้าก้าวไกลอนาคตใหม่ไม่เคยก้าวไปไหนไกล! เพราะมักจะปล่อยข่าวเท็จ หรือเอาข่าวเท็จมาปั่นเสมอ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า....รัฐบาลอินเดีย เสนอขายวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าในราคาทุน ทำให้รัฐบาลไทยไม่สน
คำตอบสำหรับเรื่องนี้คือ...ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ เป็นข่าวปลอมที่มักเกิดขึ้นในโลกโซเซียล และชาวบ้านขาดสติมักจะเชื่อข่าวเท็จโดยไม่เคยตรวจสอบความถูกต้อง แต่ที่น่าขำคือ คนที่เป็นถึง สส. อย่างนายวิโรจน์ ที่เป็น สส.ที่เรียนจบปริญญาตรี วิศวะ โท MBA และปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ กลับเชื่อและอ้างอิงข่าวเท็จที่ถูกปั่นขึ้นในโลกเสมือนจริง จากใครก็ไม่รู้ที่เรียนไม่จบปริญญาเอก หรืออาจจะไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แล้วนำมาหลักฐานอ้างอิงเพื่ออภิปรายรัฐบาลในสภาฯ
คนระดับหัวหมู่ทะลวงฟันของพรรคก้าวหน้า อาศัยข่าวเท็จในโลกโซเซียลมาเป็นข้อมูลอภิปรายรัฐบาล งามหน้ามั้ยละ
น่าสมเพชไหมละท่านผู้ชม
แบบนี้จะเหลืออะไรให้น่าเชื่อถือได้ละครับท่าน
............................................................................
อัษฎางค์ ยมนาค
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |