ซักฟอกวันที่สองยังไร้หมัดเด็ด! "ฝ่ายค้าน" งัดเอกสารโชว์รัฐบาลยอมเสียค่าโง่เหมืองทองอัคราฯ "ก้าวไกล" อัด "นายกฯ-เสี่ยหนู" ซื้อวัคซีนล่าช้าทำประเทศเสียหาย พร้อมโยงสยามไบโอไซเอนซ์พาดพิงสถาบัน เจอเด็ก พปชร.ประท้วงวุ่น "ชลน่าน" ซัดส่วยแรงงานเถื่อนส่งบิ๊ก ป. "บิ๊กตู่" ลุกขึ้นการันตี "3 ป." ไม่มีรับเงินทุจริต ลั่นรังเกียจเงินชั่วๆ เกลียดลูกน้องเลวๆ ท้าหาหลักฐาน ผิดถูกสู้กันทางกระบวนการยุติธรรม
เมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นวันที่สองในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติด่วนการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 รายนั้น ก่อนเริ่มประชุมมีผู้แสดงความคิดเห็นต่อการอภิปรายในวันแรกอย่างกว้างขวาง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรกเวลายังไม่ได้ เพราะกว่าจะเริ่มได้ก็เวลา 11.00 น. ทำให้เวลาหายไปเกือบ 2 ชั่วโมง แล้วเลิกตอนเที่ยงคืนครึ่ง ฝ่ายค้านใช้เวลาไป 8-9 ชั่วโมง ฉะนั้นต้องทำเวลา เพราะเราตกลงเวลาก็ต้องรักษาคำมั่นสัญญาเรื่องเวลา
ถามว่า ถ้าให้คะแนนภาพรวมการอภิปรายวันแรก สมาชิกปฏิบัติตามข้อบังคับดีหรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ให้ความร่วมมือ
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายวันแรกสั้นว่า "โอเคนะ ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร"
ถามว่าภายหลังฟังการอภิปรายครั้งนี้ นายกฯ ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น เตรียมความพร้อมทำการบ้านมาดี นายกฯ กล่าวว่า ครับ
นายอนุทิน? ชาญวีรกูล? รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข? ก็กล่าวถึงการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าทุกอย่างมาจากประสบการณ์? ชำนาญเวที? เพราะอยู่มา? 6? ปีแล้ว? เป็นเรื่องธรรมดา? เช่นเดียวกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็ระบุว่านายกฯ ก็ชี้แจงได้ค่อนข้างชัดเจน มีข้อมูลหลักฐาน ค่อนข้างอธิบายได้ละเอียด เพราะท่านทราบทุกเรื่อง และเป็นผู้ปฏิบัติ ส่วนนายจุรินทร์? ลักษณวิศิษฏ์? รองนายกรัฐมนตรี?และ รมว.พาณิชย์? บอกว่านายกฯ ตอบคำถามได้ดีครบถ้วนเกือบทุกประเด็น
อย่างไรก็ดี นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม? พรรคเพื่อไทย? ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พอใจภาพรวมการอภิปรายวันแรก? เพราะเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่เข้มข้นมาก? เป็นแค่การเปิดหัวแตะเอาไว้ หลายเรื่องคนฟังอาจจะดูว่ายังไม่มีอะไรสะใจ แต่การอภิปรายในวันนี้และวันถัดไป พอลงรายละเอียดจะน่าสนใจ และมีอะไรดีๆ มากขึ้น
จากนั้น เวลา 09.00 น. การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเริ่มต้นขึ้น มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธาน โดยเริ่มจาก น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งเป้ากรณีเหมืองแร่ทองคำบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่มีการใช้มาตรา 44 เป็นเหตุให้บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ฟ้องโดยประเมินว่าคดีนี้ไทยอาจจะแพ้ได้และต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 22,500 ล้านบาท
น.ส.จิราพรกล่าวว่า มีกระแสข่าวในช่วงเดือน ก.ย.63 ที่รัฐบาลจะให้บริษัท อัคราฯ ได้รับอนุญาตให้นำผงทองคำและเงินออกมาจำหน่าย รวมถึงได้อาชญาบัตรพิเศษในการสำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีก 44 แปลง และ พล.อ.ประยุทธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแก้ข่าวในเรื่องนี้ ว่าเป็นคำขอเดิมของบริษัท อัคราฯ ในปี 2546 เมื่อไทยมี พ.ร.บ.เหมืองแร่ฉบับใหม่ จึงดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ ในข้อมูลเอกสารที่ตนมีชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่การดำเนินการที่ปกติ แต่เป็นประโยชน์ที่ประเทศไทยให้บริษัท คิงส์เกตฯ เพื่อให้ดำเนินการถอนฟ้อง
ชี้รบ.ยอมแพ้เหมืองอัคราฯ
"ในการประชุม ครม.เดือน มิ.ย.63 มีมติปรากฏในเอกสารลับที่สุดของรายงานคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ โดยไฮไลต์ในหนังสือเขียนไว้ว่า หากตกลงกันได้ บริษัท คิงส์เกตฯ ต้องถอนคดีจากอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเอกสารนี้ชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์รับทราบรู้เห็นเป็นใจว่าไทยแพ้คดีและมอบหมายให้หน่วยงานเจรจาเพื่อยอมความ ซึ่งถ้าไทยต้องแพ้คดีและจ่ายค่าโง่ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์จดจำไว้ในมโนสำนึกว่ากำลังทำลายอนาคตของลูกหลานและคนไทยทั้งประเทศ" น.ส.จิราพรกล่าว
จากนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงว่า การขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำจำนวน 44 แปลง ไม่ได้เป็นการดำเนินการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการถอนฟ้องของอนุญาโตตุลาการกับบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากได้มีการยื่นมาตั้งแต่ปี 2546 และ 2548 แค่ ครม.ในขณะนั้นมีมติให้ชะลอการพิจารณาการอนุญาตสำรวจแร่ทองคำไว้ก่อน เนื่องจากห่วงใยเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
“ที่ระบุบริษัท คิงส์เกตฯ ได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 22,500 ล้านบาท และบอกว่ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอบอกว่าถ้ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทางคิงส์เกตเขาคงไม่มาเจรจา เขาได้เงิน 22,500 ล้านบาท ดังนั้นขอยืนยันว่าการที่คิงส์เกตกลับมาเจรจานั้นไม่ใช่เป็นเรื่องทางรัฐบาลจะไปเอื้อประโยชน์ให้เขา แต่การเขาจะกลับมาดำเนินกิจการต่อ เพราะคิดว่าราคาทองคำเป็นราคาที่ขึ้นมาพอสมควร” รมว.อุตสาหกรรมกล่าว
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า สิ่งสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดีคือ เอาเรื่องที่อยู่ในชั้นศาลเอาออกมาพูดภายนอก และฝ่ายค้านได้นำมาอภิปรายให้ข่าวกับสื่อหลายครั้ง ซึ่งปรากฏว่าเป็นการคาดการณ์เอาเองทั้งสิ้น เป็นการนำตัวเลขจากข้อมูลที่เป็นข้อเสนอ หรือคำให้การแต่ละฝ่ายที่ไม่เป็นทางการ ยังไม่ได้ข้อยุติซึ่งเป็นอันตราย ดังนั้นยังไม่ปรากฏเป็นความจริง เรื่องยังอยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนการเจรจาหารือของผู้พิพาท ไม่สามารถไปชี้นำได้
"ที่กล่าวหาว่าใช้อำนาจมาตรา 44 นั้น ไม่ใช่ไปปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทาน ซึ่งมีคำสั่งทุกเหมืองในประเทศไทยในการต่อสัมปทานอาชญาบัตร จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อสงสัยของประชาชนที่เรียกร้องมา เรื่องนี้รับผิดชอบในฐานะนายกฯ ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยอำนาจ ด้วยคำสั่ง มีการหารือปรึกษาทั้งฝ่ายกฎหมาย ราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยราชการ เพื่อทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะสุขภาพประชาชน" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ชี้แจงถึงการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพ ที่พรรคก้าวไกลอภิปรายไว้เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า การจัดซื้อเครื่องแต่งกายของทหารที่ฝ่ายค้านกล่าวหามีการจัดซื้อราคาสูงเกินจริง ยืนยันจัดซื้อตามกฎหมาย มีการกำหนดขั้นตอนชัดเจน สอดคล้องหลักการความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ โดยมีเงื่อนไขที่ผู้ขายต้องปฏิบัติแตกต่างจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น การเสนอราคา การวางหลักประกันสัญญา การค้ำประกันความชำรุดเสียหาย การจัดส่งพัสดุตามระยะเวลาส่งมอบ การปรับเมื่อไม่ปฏิบัติตามสัญญา 0.2 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินสัญญา จึงมีความแตกต่างการจัดหาจากการสั่งซื้อออนไลน์
"เราได้ย้ำเตือนว่าการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ต้องมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ตลอดเวลา และผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในกระบวนการการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ดังนั้นอย่ามากล่าวอ้างว่าผมได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ ผมบอกว่าเงินอะไรก็ตามที่ไม่สุจริตผมไม่รับทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วุ่นวัคซีนพาดพิงสถาบัน
นายกฯ ชี้เแจงเรือดำน้ำที่ยังถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น ขอให้แยกแยะระหว่างเรื่องสถานการณ์โรคโควิด-19 การขับเคลื่อนประเทศต้องมีการกำหนดทิศทางหลายด้าน การมีเรือดำน้ำเป็นการสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ
“เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2563 เราทราบว่ามีเรือรบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาค้นหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาในน่านน้ำทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นการเข้ามาทางใต้น้ำโดยไม่เกรงใจไทย การมีเรือดำน้ำจะสะท้อนอานุภาพของกองทัพเรือ และแม้อยู่ในยามสงบ แต่การกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หรือเกิดการแย่งชิงเขตแดน" นายกฯ กล่าว
ต่อมาเวลา 12 .18 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายการบริหารวัคซีนผิดพลาดเป็นข้อหาฉกรรจ์ของ พล.อ.ประยุทธ์และนายอนุทิน ก่อให้เกิดปัญหาปากท้องประชาชนเศรษฐกิจชาติพังเสียหายเดือนละ 2.5 แสนล้านบาท วันละ 8,300 บาท หรือชั่วโมงละ 347 ล้านบาท โดยเฉพาะการจัดซื้อวัคซีนของไทยที่ล่าช้า มีการจัดซื้อจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ เพียงรายเดียว ซึ่งมีความเสี่ยง และเอาชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน ที่เลวร้ายการหาวัคซีนโคแวกซ์ทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในเดือน ก.ค.63 ต่อมาวันที่ 5 ต.ค.63 มีข้อกังวลระยะเวลาไทยขอเลื่อนทำข้อตกลงมา 2 เดือน ทำให้เห็นว่าไม่สนใจจัดหาวัคซีนโคแวกซ์ และปัจจุบันพึ่งมาจัดหาใหม่ ถือว่าเป็นคนหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ และไม่ยอมรับความผิดของประชาชน
นายวิโรจน์กล่าวว่า อยากให้มีการเปิดเผยสัญญาการจัดซื้อแอสตร้าฯ จะได้รู้ว่าไทยซื้อแพงกว่าประเทศอื่นหรือไม่ จะทำประชาชนตรวจสอบสมเหตุสมผลหรือไม่ ก่อนหน้านี้ตนก็ขอผู้เกี่ยวข้องและนายอนุทินให้เปิดเผยสัญญา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ แตกต่างๆ จากยุโรป ก็เปิดสัญญาให้ประชาชนดูได้ไม่เห็นว่าแอสตร้าฯ จะยกเลิกสัญญา
"นายกฯ รู้ว่าสยามไบโอไซเอนซ์มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปเป็นประธานพิธีลงนามสัญญาจัดหาวัคซีน ในวันที่ 27 พ.ย.63 แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงความรอบคอบ โปร่งใส ปกป้องพระเกียรติยศ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุระคายเคือง จนเกิดความล่าช้าในการจัดหาวัคซีน และสร้างความระคายเคือง พระยุคลบาท นี่หรือคนที่อ้างว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และที่กล้าที่จะเป็นเหลือบริ้นไร ปรสิต โหนนำสถาบันมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองความผิดตัวเอง" นายวิโรจน์ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายวิโรจน์อภิปรายถึงตรงนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจำนวนมากลุกขึ้นประท้วงว่านำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง พร้อมขอให้ยุติการอภิปราย ทั้งนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ นายชวนพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้พาดพิงพิงต่อสถาบัน แต่นายวิโรจน์ได้ชี้แจงว่าการอภิปรายของตนเพื่อปกป้องสถาบันจากนายกฯ และได้ถอนบางคำพูดที่เกี่ยวข้องสถาบันในที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงเกี่ยวกับวัคซีนตอนหนึ่งว่า ตนฟังหมอฟังผู้มีประสบการณ์และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทุกคนเป็นคณะทำงานทั้งหมด ไม่ต้องการให้ได้รับวัคซีนช้า สถานการณ์การฉีดวัคซีนจะได้ผล 100% หรือไม่ ต้องคอยดูต่อไป เพราะนี่คือการฉีดวัคซีนภาวะฉุกเฉิน ไม่ใช่การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
“ถ้าพูดเรื่องที่เป็นปัญหา เป็นความขัดแย้งมาตลอด มันจะไม่เกิดอะไรใหม่ขึ้นมาได้เลย ผมรู้สึกเป็นกังวลว่าการที่พูดเรื่องวัคซีนมากๆ มันจะมีปัญหา ในการที่เขาจะส่งมาหรือไม่ส่งมา ผมไม่อยากให้วัคซีนเป็นปัญหาทางการเมืองในประเทศใดๆ ก็ตาม ระมัดระวัง รับผิดชอบด้วย ที่จองไปแล้วอย่าให้มีปัญหาก็แล้วกัน ถ้ามีปัญหา จำคำพูดของท่านไว้ด้วย รับผิดชอบ ผมไม่ไปคาดโทษอะไร แต่ถ้าตกลงไว้ตามนี้ แล้วเขาไม่ให้วัคซีนมาตามนี้ เพราะมาจากสาเหตุตรงนี้ละก็ มีเรื่องกันละนะ” นายกฯ กล่าว
ส่วนนายอนุทินได้ลุกขึ้นชี้แจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดในเรื่องระยะเวลาการจัดหาวัคซีน รวมทั้งยืนยันวัคซีนที่จะนำมาให้คนไทยเหมาะสมที่สุด และเข้าถึงง่ายที่สุด ไม่มีวันถูกตัดคิว ไม่มีคนมาแย่ง ไม่มีวันที่จะไม่ถึงมือ เพราะผลิตในบ้านเรา มั่นใจเพียงพอ และสามารถให้บริการกับประชาชนได้ครบถ้วน
ซัดส่วยแรงงานโยงบิ๊ก ป.
เวลา 16.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน ศบค.ให้ทำหน้าที่ต่อไป เพราะภาพผู้สูงอายุที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ไปต่อแถวยาวเหยียดหน้าธนาคารกรุงไทย ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 7,000 บาท คือความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพที่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มูลเหตุความล้มเหลวต้องโทษไปที่ฐานจิตและวิธีคิดของนายกฯ ที่บริหารเงินกู้ล้มเหลว มีเงินแต่ใช้ไม่เป็น เยียวยาไม่ครบถ้วน แบ่งแยกความเป็นมนุษย์ นายกฯ เป็นโรคเอ็นพีดี คือโรคหลงตนเอง มีอาการ 17 อย่าง ทุกข้ออยู่ในตัวนายกฯ โดยเฉพาะไม่ยอมรับความผิดตัวเอง มักโทษเป็นความผิดผู้อื่น ความผิดพลาดที่ล้มเหลวคือ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวบอำนาจรัฐมนตรีทั้งหมดเป็นของตัวเอง ตัดสินใจผิดพลาด ใช้คนไม่ถูกงาน เอาทหารมารักษาโรค คงคุ้นชินกับการเสพติดอำนาจ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า การระบาดโควิดที่เกิดขึ้นรอบสอง มีขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติรับส่วยในพื้นที่ มี 12 กลุ่มอยู่ในกระบวนการรับส่วยแรงงานต่างด้าวเถื่อน แบ่งหน้าที่กันทำ มีดาบ จ. เป็นหัวหน้าทีมเก็บส่วย กระจายส่งแรงงานต่างด้าวเถื่อนไปที่ กทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และยังมีแก๊งส่วยคนจีน ขนคนจีนเข้ามาในไทย มีหัวหน้า อ. เป็นหัวหน้าทีม ทั้งขบวนการแรงงานต่างด้าวเถื่อนและแก๊งส่วยคนจีน มีการเก็บส่วยส่งถึงบิ๊ก ป. ทำให้คดีต่างๆ แรงงานต่างด้าวเถื่อนที่ถูกจับเงียบหาย เพราะทำกันเป็นขบวนการ สะท้อนให้เห็นความปล่อยปะละเลยของระดับบนที่รู้เห็นเป็นใจ ช่วยให้คดีต่างๆ เงียบหาย และขบวนการเหล่านี้ยังอยู่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนการปล่อยปละละเลย ไร้ความรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมีผลประโยชน์หรือไม่ ขอรอฟังคำชี้แจงอยู่
"อีกเรื่องขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทำผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงจากการมีส่วนร่วมการทำรัฐประหารปี 2549 ปี 2557 การยึดอำนาจคือการทำลายล้างประชาธิปไตย นับจากปี 2557 กลุ่ม 3 ป. กระจายขุมกำลังปกครองประเทศเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แบ่งหน้าที่กันทำ ยึดครองประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ยึด ส.ว.และองค์กรอิสระ, พล.อ.ประวิตร คุมพรรคการเมือง และ พล.อ.อนุพงษ์ดูแลส่วนราชการภูมิภาคและราชการท้องถิ่น ประเทศนี้อยู่ภายใต้ 3 ป. จะตรวจสอบการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ตั้งกระทู้ถามในสภา นายกฯ ไม่เคยมาตอบสักครั้ง เท่ากับไม่ให้ความสำคัญสภา จิตสำนึกไม่มี ระบบรัฐสภาล้มเหลว แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ประเทศสิ้นหวัง เป็นการสร้างภาพไร้ความจริงใจ หมดเวลาแล้ว ขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน" นพ.ชลน่านกล่าว
เวลา 16.50 น. น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองบกพร่อง นำไปสู่การแพร่ระบาดไวรัสโควิดรอบใหม่ แม้ต่อมาจะนิรโทษกรรมแรงงานเถื่อนให้ลงทะเบียนถูกกฎหมาย 1 เดือน เพื่อให้เกิดการตรวจโควิด แต่ก็เกิดข่าวนายจ้างลอยแพลูกจ้างนำแรงงานไปปล่อยทิ้ง
กระทั่งเวลา 17.26 น. พล.อ.ประวิตรลุกขึ้นชี้แจงกรณีที่ถูก นพ.ชลน่านอภิปรายเรื่องแรงงานต่างด้าวและขบวนการหลบหนีเข้าเมืองว่า จากที่ฟังการอภิปรายยังไม่เคยเห็นแผนภูมิข้อมูลที่มีการนำมาแสดง ขอเวลาไปสอบสวนว่า เรื่องขบวนการหลบหนีเข้าเมืองนั้นดำเนินการมาอย่างไร เพราะเป็นเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ในระดับล่างขอเวลาก่อน เมื่อได้รายละเอียด จะมาชี้แจงให้รับทราบต่อไป ส่วนเรื่องการปฏิญาณตนรับธงชัยเฉลิมพลที่บอกว่าไม่ได้กล่าวข้อความเต็มเช่นเดียวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณตนตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นคนละกรณีกัน เนื่องจากข้อความก็แตกต่างกัน นั่นเป็นเรื่องของธงชัยเฉลิมพลที่นำทหารไปรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บิ๊กตู่ลั่น 3 ป.ไม่มีรับเงิน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่าลุอำนาจ แทรกแซงการทำงานของหน่วยงานว่า แปลกใจเหมือนกันคนที่ตั้งประเด็นอาจไม่เข้าใจสถานการณ์การปฏิบัติหน้าที่เชิงโครงสร้าง เพราะสิ่งต่างๆ ที่ดำเนินการทำในรูปแบบคณะกรรมการให้แต่ละระดับชั้นใช้อำนาจของเขาดำเนินการ โดยบูรณาการให้ทุกอย่างไปในรูปแบบเดียวกัน ส่วนเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น มองว่าความเห็นของฝ่ายค้านย้อนแย้ง บางคนบอกว่าประกาศเร็วไป บางคนบอกว่าประกาศช้าไป
"ยืนยันว่าไม่ได้ลุอำนาจ ใครจะว่า ใครจะด่า ดูถูกหรือเหยียดหยาม ผมก็นั่งฟังอยู่ตรงนี้ ซึ่งไม่ควรก็ทน เพราะเป็นประชาธิปไตย และผมก็ชอบทำงานแบบนี้ให้คนแสดงความคิดเห็น และเรื่องโควิดเป็นเรื่องใหม่ เป็นโรคที่ติดจากคนสู่คน ไม่เหมือนโรคก่อนหน้านี้ที่ติดจากสัตว์สู่คน ก่อนหน้านี้ที่มีการฆ่าไก่ มันง่ายกว่าตอนนี้หรือไม่ อันนี้เป็นคน มนุษย์เราฆ่ากันไม่ได้ รัฐบาลไหนทำก็ไม่รู้เหมือนกัน ไก่ก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พอสมควร ที่พูดไปไม่อยากพาดพิงใคร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การระบาดของโควิดรอบนี้ถือว่าการระบาดโควิดรอบแรกเราทำได้ดี แม้จะมีปัญหาตามที่ฝ่ายค้านระบุ การลักลอบเข้าเมือง มีเรื่องทุจริตผิดกฎหมาย มีการเรียกรับผลประโยชน์
"ผมยืนยัน 3 ป. ไม่มีรับเงิน เดี๋ยวไปพิสูจน์มา หาประจักษ์พยานมาแล้วไปสู้กับผมในคดี ในนี้ท่านพูดได้ไม่เป็นไร ผมก็พูดได้เช่นกัน แต่ก็ต้องรักษากิริยา รู้ว่าท่านต้องการให้ผมโมโห ยากครับ ยากครับ" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ คือสิ่งที่ต้องแก้ไข ไม่มีอะไรได้ทีเดียว เช่น การจดทะเบียนแรงงานในปี 62 เราก็ดำเนินการ ก่อนหน้านั้นไม่เคยทำได้ แต่หลังจากปี 62 มีความต้องการมาก ทำให้เกิดแรงงานเถื่อน จนเกิดกระบวนการขึ้นมา ซึ่งรับข้อมูลจากฝ่ายค้านมา บางส่วนก็ตรงกับข้อมูลที่มี ซึ่งดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น ไม่ต้องกลัว รังเกียจคนทำผิดกฎหมาย รังเกียจเงินชั่วๆ ที่ได้มาจากการทำความผิด เกลียดลูกน้องเลวๆ ผู้บัญชาการทหารบกเก่า บอกกับตนว่าต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ซึ่งอยู่กับผมมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่มาเป็นตอนไหน มันอยู่ตั้งแต่เกิดจนตายอยู่ในสายเลือด
"อย่ามาบอกว่าไม่เคารพในศักดิ์ศรีตัวเอง ไม่เช่นนั้นไม่มาทนท่านอย่างนี้หรอก และที่ท่านบอกว่าโรคหลงตัวเองมีอาการ 17 นั้น สิ่งที่ไม่มี คือการทุจริตจนคุ้นชิน ไม่เคยเป็นอย่างนั้น ท่านพูดให้ประชาชนเข้าใจผิด แต่จะผิดจะถูกไปว่าในกระบวนการยุติธรรม ในสภา อยากให้พูดให้เกียรติกัน ดูถูกเหยียดหยามมันควรหรือไม่ ส่วนที่ฝ่ายค้านโจมตีการเฝ้าระวังโควิด ชี้แจงไม่รู้อย่างไรแล้ว แต่ฝ่ายค้านก็ยังนำมาตี เอาไว้ท่านเป็นรัฐบาลก็แล้วกัน อวยพรอยากให้เป็น แต่จะได้เป็นหรือไม่ก็รู้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต่อมา นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงมาตรการเยียวยาโควิด-19 จนเวลา 18.33 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.วรรณวิภาว่า ที่กล่าวหาตนเองปล่อยปละละเลยไม่กำกับดูแลแรงงานต่างด้าว ยอมรับว่าการแพร่ระบาดที่ จ.สมุทรสาครเกิดจากแรงงานต่างด้าว แต่ถามว่าถ้าไปจับตั้งแต่วันแรกจะเหมือนกับฝีแตก จะเอาอยู่หรือไม่ สิ่งที่ต้องควบคุมคือไม่ทำให้ฝีแตกให้เขาอยู่กับที่ จึงเสนอ ครม.ในการที่เราจะนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ
"หลังมีข่าวออกไปวันรุ่งขึ้นเจ้าของกิจการนำแรงงานไปปล่อยที่ จ.สมุทรปราการ เพราะกลัวโดนจับ ดังนั้น ถ้าเราไม่ออกมาตรการควบคุมจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากเราให้แรงงานนอกระบบมาขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-13 ก.พ. มีผู้มาขึ้นทะเบียน 6 แสนกว่าคน ถ้าเราไม่ปล่อยให้เข้าระบบ จะเป็นอย่างไร และการขึ้นทะเบียน 6 แสนกว่าคนผมบริหารจัดการได้ดีกว่ารัฐบาลในอดีต นอกจากนี้ มีการตรวจสถานประกอบการ ตรวจแรงงานในสถานประกอบการไม่ได้ปัดความรับผิดชอบเลย" รมว.แรงงานระบุ
เวลา 19.15 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายหัวข้อ มหากาพย์การโกงข้ามศตวรรษ จากบ้านหลวงสู่ ม.44 ยกสัมปทานรถไฟฟ้าหลวงให้เจ้าสัว นายกฯบอกรังเกียจการทำผิดกฎหมาย ขอให้มาฟังตนอภิปรายด้วย การขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียวไป 40 ปี ขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแล กทม. สมคบรู้เห็นเป็นใจ ในฐานะเป็นตัวการ เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวบางรายเพียงเจ้าเดียว เกิดการฮั้ว สร้างความเดือดร้อนให้คน กทม. การขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อ 11เม.ย.62 เป็นการทำผิด พ.ร.บ.ร่วมทุน ไม่ผ่านการประมูล ขัดมติครม. ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำประชาชนเดือดร้อน จากค่าโดยสารแพง เอื้อประโยชน์รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เจ้าสัว
"รัฐบาลสนับสนุนให้เกิดกรทุจริต ผูกขาดตัดตอน หนีการแข่งขัน เอื้อประโยชน์บีทีเอส ทำให้รัฐเสียหาย ถ้ายังไม่ยกเลิก นายกฯและ รมว.มหาดไทยเตรียมตัวไปศาลรัฐธรรมนูญ ผลจากการต่อสัญญารถไฟฟ้าสีเขียวเกิดความเสียหาย เพราะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสียขุนคลัง 2 คนคือ นายอุตตม สาวนายน กับนายปรีดี ดาวฉาย ที่จะให้เซ็นการต่อสัญญารถไฟฟ้า โดยไม่ต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน แต่ทั้งสองคนไม่กล้าเซ็น สงสัยว่าเจ้าสัวบีทีเอสมีอะไร ทำไมนายกฯ ต้องเกรงใจ" นายยุทธพงศ์กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่ใช้ ม.44 เข้ามาขยายสัมปทาน เพราะหากให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน จะทำให้การเดินรถเกิดความไม่ต่อเนื่อง ล่าช้าออกไป การใช้มาตรา 44 เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการเดินรถเป็นเส้นทางเดียวกัน อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เรื่องค่าโดยสาร สั่งให้ชะลอขึ้นค่าโดยสารไว้แล้ว
ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นวันที่สองว่า วันนี้เป็นการอภิปรายในหมวดเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 โดยนายอนุทินก็ได้ชี้แจงแล้ว ส่วนการประท้วงถือเป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตย การปะทะคารมเป็นเรื่องปกติในการอภิปราย ขณะที่การอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ที่อภิปรายพล.อ.ประวิตรถึงประเด็นการปฏิญาณตนรับธงชัยเฉลิมพลนั้น ในฐานะประธานวิปรัฐบาลก็ได้ติดตามที่ พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่าการถวายสัตย์ฯ ในวัดพระแก้วเป็นคนละส่วนกับการรับตำแหน่งทางการเมือง
"ข้อทักท้วงของฝ่ายค้านว่ารัฐมนตรีไม่สามารถตอบข้อซักถามหรือชี้แจงได้ตรงประเด็นนั้น รัฐบาลได้ตอบคำถามที่เห็นว่าเป็นประเด็นเน้นเนื้อๆ และไม่ตอบแบบน้ำๆ อย่างไรก็ตาม ทางวิปรัฐบาลไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกฯ เรื่องการอภิปราย และนายกฯไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ และพร้อมที่จะเปิดรับฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ จึงได้ขอความร่วมมือ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลว่าอะไรที่ไม่เกินเลยก็อย่าประท้วง ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับการประชุม เช่น กรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายเกี่ยวข้องกับสถาบันทำให้พรรคพลังประชารัฐและวิปรัฐบาลยอมไม่ได้ในเรื่องนี้" นายวิรัชกล่าว
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า สำหรับกรอบเวลาในการอภิปรายวันที่ 2 คาดว่าฝ่ายค้านจะใช้เวลาเกิน 11 ชั่วโมง เมื่อรวมกับเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ใช้เวลาไปแล้ว 21 ชั่วโมง ส่วนอีก 2 วันคาดว่าน่าจะจบได้ในวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 10.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จะเดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ที่อภิปรายในสภาพาดพิงนายสุเทพ อดีต รมว.คมนาคม กรณีโครงการโฮปเวลล์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |