ตำรวจกลายเป็นจำเลยสังคมอีกครั้ง ม็อบ 13 กุมภา กลุ่มคณะราษฎรจัดกิจกรรม “นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทนายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องหา 112 และแกนนำ 24 มิถุนายน และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษ ความผิดมาตรา 112 และ 116 ที่ร่วมกันชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย.63 ที่มหา'ลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง
นอกจากการเรียกร้องปล่อยตัว 4 แกนนำ ไฮไลต์ม็อบ 3 นิ้วคือ การคลุมผ้าสีแดงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และยังคงเรียกร้อง 3 ข้อหลักให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมองคาพยพลาออก แก้รัฐธรรมนูญใหม่และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาด และพื้นที่กรุงเทพฯ เองเป็นพื้นที่เฝ้าดูแลสูงสุด
ม็อบ 3 นิ้วยังคงรักษามาตรฐาน “ไปที่ไหนเละที่นั้น” เมื่อแกนนำ “ครูใหญ่” นายอรรถพล บัวพัฒน์ ประกาศเคลื่อนพลไปยัง “ศาลหลักเมือง” อ้างเพื่อประกอบพิธี “ทวงจิตวิญญาณเมืองกลับมาเป็นของราษฎร” อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ศาลหลักเมืองเพียงอยู่คนละฟากถนนกับพระบรมมหาราชวัง จิตใจฝักใฝ่ลากสถาบันเบื้องสูงลงมาต่ำ กฎหมายบังคับห้ามชุมนุม 150 เมตร จากเขตพระบรมมหาราชวัง จึงเกิดการเผชิญหน้าตำรวจกับมวลชน ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด
เหมือนจะจบ ตำรวจยอมให้แกนนำเข้าไปทำกิจกรรมและประกาศยุติการชุมนุม แต่แนวร่วมกลุ่มฮาร์ดคอร์ตัวปัญหาเริ่มก่อความวุ่นวาย ปาหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หนักขึ้นเป็นประทัดยักษ์ พลุ ระเบิดปิงปอง เสียงดังสนั่น เกิดความชุลมุนวุ่นวาย แกนนำไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ สถานการณ์บานปลายกลายเป็นสนามรบย่อยๆ ภาพความรุนแรงจากทั้ง 2 ฝ่ายหนักกว่าการสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน และแยกเกียกกาย ผล เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 23 นาย
ตำรวจกลายเป็นผู้ร้ายทันที “หนึ่งภาพล้านความหมาย” เมื่อภาพชายสวมเสื้อกั๊กสีเขียวสะท้อนแสง ที่ระบุว่าเป็นหน่วยแพทย์อาสา “DNA หน่วยบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” เป็นหน่วยพยาบาลสนับสนุนผู้ชุมนุม นอนอยู่ท่ามกลางสหบาทาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกแชร์ยังโลกโซเชียล ม็อบปั่นอ้างถูกตำรวจทำร้ายร่างกายจนสลบ ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุม ทั้งใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา “ตำรวจ” กลายเป็นเป้าโจมตี รุมประณามการปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคลากรทางการแพทย์อย่างหนัก ทำให้แฮชแท็ก #ตำรวจกระทืบหมอ ขึ้นเทรนทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง หลายองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศสับเละองค์กรตำรวจ
ม็อบ 3 นิ้วมีโซเชียลเป็นเครื่องมือ ตำรวจพ่ายไม่เป็นท่า เพียง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ออกมาชี้แจงภายหลัง “กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง หากยุติการชุมนุมตั้งแต่ตกลงกันจะไม่เกิดความวุ่นวาย ตำรวจก็ไม่จำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ ไม่มีการใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา ขอให้ดูที่เจตนา ยืนยันว่าชายในภาพเป็นผู้ร่วมก่อความวุ่นวายเป็นเหตุซึ่งหน้าเจ้าหน้าที่ต้องจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่การทำร้ายประชาชน หากมองว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุก็เข้ามาร้องเรียนได้”
ในเมื่อสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้อยู่ น่าเป็นห่วงวันที่ 20 ก.พ.นี้ แกนนำประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมให้ปล่อยตัว 4 แกนนำ และยิ่งศาลยกคำร้องปล่อยตัวแกนนำวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา หวั่นว่าจะเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง ยิ่งการชุมนุมสถานการณ์โควิด-19 ที่ปิดหน้าปิดตา ไม่รู้ใครเป็นใคร ถึงแม้จะมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วพื้นที่ก็ยากที่จะระบุตัวบุคคล ทั้งผู้จ้องจะก่อความรุนแรงหรือมือที่สามพยายามจะเข้ามาสร้างสถานการณ์
น่าเป็นห่วงหวั่นจะเกิดการนองเลือด เมื่อสถานการณ์เริ่มสุกงอม ฝ่ายผู้ชุมนุมอาจเกิดอารรมณ์ร่วม เมื่อข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องอดทนต่อการถูกกระทำหลายครั้ง “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ออกมาเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม เตรียมใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนแบบเต็มรูปแบบ ทั้งปืนตาข่าย กระสุนยาง เป็นไปตามสถานการณ์ หลังตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายนาย ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายหนัก
อืดเป็นเรือเกลือ “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” ผ่านไปเกือบ 50 ชั่วโมง กองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงได้นำหลักฐานซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาหักล้างข้อครหา ชายที่ถูกอ้างว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์คือ นายปุรพล วงศ์เจียก อายุ 19 ปี ร่วมก่อเหตุความรุนแรงโดยการขว้างปาสิ่งของ อาทิ พลุควัน ประทัดยักษ์ ขวดแก้ว จากการตรวจสอบเพิ่ม ภายในรถจักรยานยนต์พบดิ้วเหล็กและมีดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และไม่ได้เป็นแพทย์อาสาตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด
ส่วนผู้ที่ร่วมก่อเหตุถูกจับทั้งหมด 8 คน ประกอบไปด้วย 1.นายจิตรกร อายุ 21 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ปี 2563 สน.คันนายาว 2.นายพรพรหม อายุ 34 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ปี 2558 สน.บวรมงคล 3.นายปัฐกรณ์ อายุ 19 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาพกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ปี 2560 สภ.เมืองนนทบุรี 4.นายทองนพเก้า อายุ 19 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน หรือการกระทำอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ปี 2563 สน.ชนะสงคราม
5.นายธนเดช อายุ 44 ปี ไม่พบประวัติเคยถูกดำเนินคดี 6.นายอดิศักดิ์ อายุ 28 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ปี 2562 สภ.บัวเชด จว.สุรินทร์ 7.นายชัยณรงค์ อายุ 41 ปี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาเป็นผู้ขับขี่ในขณะมีสารเสพติดให้โทษในร่างกายฯ (ขับเสพ) ปี 2561 สน.บางชัน และ 8.นายปุรพล วงศ์เจียก อายุ 19 ปี ไม่พบประวัติเคยถูกดำเนินคดี
ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา 6 ข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตาม ม.215 ให้เลิก แล้วไม่เลิก, ร่วมกันต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
“ม็อบ 13 กุมภา” เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการโดยมีกฎหมายรองรับ ภาพรวมทั้งหมดสามารถดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายในการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยตามข้อปฏิบัติ แต่แพ้ม็อบแบบไม่เห็นฝุ่นเรื่องการใช้สื่อออนไลน์เข้าถึงผู้คนทุกชนชั้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสื่ออยู่ในมือ ทั้งสถานีโทรทัศน์ วิทยุ สื่อออนไลน์ เพจเฟซบุ๊ก แต่การปฏิบัติการด้านการข่าว (Information Operation) หรือไอโอ ยังล่าช้า ไม่ทันกระแสโซเชียล ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย ยิ่งสถานการณ์ม็อบเริ่มใช้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ปฏิบัติการไอโอของตำรวจต้องปรับทัพกันใหม่ทั้งระบบ ตำรวจนอกจากจะมีอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนต้องมีโซเชียลสู้ศึกออนไลน์ด้วย ไม่งั้นก็ต้องคอยตามเช็ดตามถูคราบสกปรกทำลายองค์กรตลอดไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |