ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 10 รายเป็นวันที่สองยังยิ่งกว่า “แกงจืด” เสียอีก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะเป็นความต่อเนื่องจากวันแรกเมื่อวันอังคารที่ 15 ก.พ. และ เข้าใจได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” นั้นไม่ถนัดในการเป็นฝ่ายค้านล้วงแคะแกะเกา ทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจกลับไพล่ไปคล้ายวาระการพิจารณากระทู้สดผสมกับการแปรญัตติในวาระสองของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างไรอย่างนั้น ...๐

แล้วยิ่งเหมือนเข้าไปอีก เมื่อผู้ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่าง “ศุภชัย โพธิ์สุ” ทำหน้าที่ เพราะเมื่อฝ่ายค้านอภิปรายจบแล้ว รัฐมนตรีแจงไปแล้ว กลับเปิดโอกาสให้ “ฝ่ายค้าน” จี้ถามอีก เพื่อให้ได้คำตอบตรงคำถาม ซึ่งไม่ใช่ประเพณีของการซักฟอก เพราะเท่ากับเป็นการโต้กันไปโต้กันมาไม่จบสิ้น ...๐

และยังมีกรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้รัฐมนตรีชี้แจงแทน แม้จะเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ไม่ใช่ทำแบบเป็นกิจวัตร ซึ่ง “ประธานสหายแสง” ก็ดูจะอะลุ่มอล่วยเสียเลือเกิน ...๐ จากเรื่องดังกล่าวเราจึงได้เห็น “ไชยา พรหมา” ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ที่เป็นประธาน กมธ.การเงิน การคลังฯ ไม่เคยผ่านงานบริหารกระทรวงเศรษฐกิจทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม ต้อง สวมวิญญาณ “ซาร์เศรษฐกิจ” อภิปรายถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐนาวาลุงตู่ ...๐

สุดท้ายก็ต้องหงายเงิบทั้งในเรื่องการอรรถาธิบาย และการเชือดความล้มเหลวในการบริหารงาน เพราะ “ลุงตู่” ได้ส่งมือดีอย่าง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ขุนคลังงัดข้อมูลตัวเลขออกมาชี้แจง ก็เล่นเอาเหมือน “นักศึกษาเศรษฐศาสตร์ 101” มาเจอกับ “กูรูเศรษฐกิจ” อย่างไรอย่างนั้น ...๐

ในขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็เรียกว่าไม่ทิ้งลีลา “แย็บ” แล้วหลบฉาก เหมือน “มูฮัมหมัด อาลี” แต่ประการใด โดยตั้งแต่วันแรกที่ทำให้วลี “เตี้ย คลองถม” ฮิตแล้ว ล่าสุดยังสวนหมัดตรงกับ “จิราพร สินธุไพร” ในกรณีค่าโง่เหมืองทอง 2.2 หมื่นล้านบาทอีก โดย “บิ๊กตู่” ได้สวนในเรื่องค่าเสียหายจำนำข้าว 7 แสนล้านบาท ที่ต้องทยอยจ่าย 12 ปี รวมทั้งกรณีบ้านเอื้ออาทรที่กลายเป็นหนี้เน่าอีกกว่าหมื่นล้านบาท ...๐

แล้วก็ช่างประจวบเหมาะยิ่ง เมื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ต้นตอแห่งมหกรรมหนี้ข้ามชาติ 7 แสนล้าน มาโพสต์เฟซบุ๊กทั้งรูปและเนื้อหาว่า ”ได้รับการฉีดวัคซีนจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว ทำให้เมืองดูไบเดินหน้าประกอบธุรกิจการค้า รองรับนักท่องเที่ยวได้ และทำให้อดคิดถึงพี่น้องประชาชนคนไทยไม่ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้มีโอกาสฉีดวัคซีนในเร็วๆ นี้” ซึ่งเมื่อน้องโผล่แล้ว “พี่ชายเหลี่ยม” ก็ไม่ปล่อยโอกาส มาด้วย พร้อมคุยว่าป่วยเป็นโควิด-19 เมื่อสิงหาคมแล้วก็ทำให้มีภูมิคุ้มกันระดับสูงจนไม่ต้องรับวัคซีนอีก แหม! มีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคแต่ทำไมไม่มีภูมิคุ้มกันการเคารพกระบวนการยุติธรรมไทยบ้างเล่า ...๐

นี่ถ้าอีก 1-2 วัน “วัฒนา เมืองสุข” โผล่เฟซบุ๊กได้รับการฉีดวัคซีนที่ดูไบอีกราย ก็ไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะความเคลื่อนไหวบนเฟซของ “เสี่ยไก่” ได้หยุดไปตั้งแต่ 28 ม.ค. ซึ่งเรียกว่าผิดปกติอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อ “ลุงตู่” มีการอภิปรายพาดพิงถึงกรณีบ้านเอื้ออาทร ซึ่งหาก “วัฒนา” ยังอยู่ในประเทศไทยรอสู้คดีในชั้นอุทธรณ์แล้วละก็ ไม่น่าพลาดที่จะโพสต์ตอบเรื่องนี้แต่ประการใด แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นเลย ...๐

พูดกันตามตรงในเวทีการอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา ที่เข้าตาที่สุดในการซักฟอกครั้งนี้คงหนีไม่พ้น “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่อภิปรายถึงการใช้งบประมาณการจัดซื้ออาวุธและยุทธภัณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ที่ต้องบอกว่ามีน้ำมีเนื้อ แต่กลับถูกจัดให้ไปพูดในการประชุมวันแรกคนสุดท้ายเสียนี่ ถ้าคิดมากต้องบอกได้คำเดียวว่า “ตัดตอน” ไม่ให้เป็นดาวรุ่งดวงใหม่แน่ๆ ในขณะที่ ดาวเด่นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวที่แล้วอย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในเรื่อง “ไอโอ” นั้น ต้องบอกว่ายิ่งกว่าถอยหลังเข้าคลองเหมือนเป็นแฝด “เตี้ย คลองถม” อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว ...๐

ส่วน “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พลังประชารัฐนั้น ต้องเรียกว่า “คงเส้นคงวา” ในการเป็นข่าวแย่งชิงซีนเสียจริงๆ เพราะล่าสุดก็มา โชว์ “หลวงพ่อป้อม ณ วัดป่ารอยต่อ” หลังจากวันแรก “แหนบถอนงอก” ไม่ฮิต แต่หลวงพ่อป้อมนั้นกลับกลายเป็นกระแสแรงแซงโค้ง เพราะเรียกเสียงวิจารณ์ (ทางลบ) กันถ้วนทั่ว รวมทั้งยังไปเตะตา “ป.ป.ช.” เข้าอีก ใน ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ” ที่กลายเป็นแบบเหรียญทองคำก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้ม กับเรื่องดังกล่าวแต่ประการใด และที่น่าหงุดหงิดเข้าไปอีกคือ การเขียนชื่อ-นามสกุลผิดทั้งคู่ เรียกว่าจะอวยจะยกยอยังทำแบบผักชีโรยหน้าจะไม่ให้ “ลุงป้อม” เซ็งเป็ดได้อย่างไร ...๐

 ...ท.ศักดิ์