'อนุทิน' สวน 'วิโรจน์' น็อกคาสภา เซ่นโกหกคำโตปมวัคซีนโควิด-19


เพิ่มเพื่อน    

17 ก.พ.64 - เวลา 14.39 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรวงสาธารณสุข ลุกขึ้นชี้แจงนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายเรื่องไวรัสโควิด-19 ว่า เมื่อเจอคำว่าสำเนียงส่อภาษากริยาส่อสกุลแล้ว คนที่เข้าคุณสมบัตินี้มาใช้สภาฯอันทรงเกียรติกล่าวโกหกคำโต เพื่อให้เกิดความสับสนกับประชาชนในเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่ร้ายแรง แทนที่จะให้กำลังใจกันซึ่งกันและกัน กลับนำข้อมูลตามโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงมาเผยแพร่ในสภาฯ และถ่ายทอดไปยังประชาชนทั่วประเทศ 

ผมจึงจำเป็นต้องขอแก้เฉพาะในส่วนที่เขาโกหก โดยเริ่มคำว่ามหากาฬวัคซีนวันนี้จะชำแหละรมว.สาธารณสุข ที่เขาบอกว่าเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อกี้เจอหน้าห้องน้ำกราบแทบถึงอก ทำไมต้องมากว่ากันเรื่องนี้ เราไม่ได้เกลียดกัน และไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้าตนพูดบ้างว่าหากจะเอาแอลกอฮอล์ฉีดเนคไทค์ตนแล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนให้คำยืนยันว่าภายเดือนก.พ. วัคซีนล็อตแรกประมาณ 2 แสนโดรสจะมาถึงเมืองไทยและจะพยายามฉีดให้เร็วที่สุด ส่วนวัคซีนล็อตที่สองจะมาภายในเดือนมี.ค.จำนวน 8 แสนโดรส ภายในเดือนเม.ย.วัคซีนล็อตสามจะมาถึงเมืองไทย และปลายเดือนพ.ค.หรือต้นมิ.ย.วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้าไม่ใช่ยี่ห้อสยามไบโอไซน์จะส่งและฉีดให้กับคนไทยจนครบถ้วน ส่วนที่บอกว่าตนมีความล่าช้า ขอให้รู้ไว้ว่าตั้งแต่มีคำว่าโควิด-19 เข้ามาในสมองตน คำต่อไปที่ตนคิดคือคำว่าวัคซีน ทำให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 3 พันล้านบาท เพื่อดำเนินการทุกวิถีทางในการร่วมมือศึกษา พัฒนาและจัดซื้อถ้ามีความจำเป็นโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้การสนับสนุน ต้องขอบคุณนายกฯ  

เพราะตั้งแต่มีโควิด-19มา ตนและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงอาจารย์แพทย์มหาวิทยาลัยต่างๆเห็นพ้องต้องการให้นายกฯช่วยสนับสนุนและนายกฯสนับสนุนเต็มที่ ไม่ใช่เฉพาะแค่วัคซีน ยา เวชภัณฑ์ แต่รวมถึงการบรรจุข้าราชการด้วย กล้าพูดหรือไม่ว่าวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเชื่อถือไม่ได้ เพราะกว่าที่จะยอมให้เราซื้อได้ต้องผ่านกระบวนการทดสอบขั้นต้นมาเป็นจำนวนมาก วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ใช้ในประเทศไทยเป็นวัคซีนร่วมผลิตกับมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด โดยที่ประเทศไทยมีการเชื่อมต่อกลุ่มธุรกิจใหญ่โตระดับโลก คือเอสซีจี กรุ๊ป ที่ประสานมายังนายกฯ และกระทรวงสาธารสุขว่ามีเทคโนโลยีผลิตวัคซีนที่เหมาะสมกับประเทศไทย เขาเชื่อว่าถ้าไทยได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการช่วยเหลือกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย เมื่อฟังก็ต้องคิดต่อ เพราะเดือนส.ค.และก.ย. 63 ยังไม่มีบริษัทไหนบอกว่าผลิตวัคซีนสำเร็จ มีเพียงแต่บอกว่ากำลังผลิตอยู่ แต่การที่มาพูดในวันนี้เพราะวัคซีนมีการขึ้นทะเบียนแล้วหลายราย ถือเป็นการเปิดถ้วยแทง

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อเสนอจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ากับบริษัทในประเทศไทยไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เขาไปคุยเจรจาและถ่ายทอดเทคโนโลยีตกลงกันเอง กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลเห็นว่าเทคโนโลยีนี้มีโอกาสประสบผลสำเร็จสูง โดยมีการศึกษาได้รับการสนับสนุนข้อคิดและข้อแนะนำที่ดีมากจากแพทย์ระดับอาจารย์ว่าเราต้องเลือกทางนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย เขาสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างไรเป็นเรื่องของเขา รัฐไม่รับทราบ แต่สถาบันวัคซีนมีภารกิจสามารถสนับสนุนองค์กรใดๆก็ตาม เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนในประเทศและนำมาแจกจ่ายคนในประเทศ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้ากับไม่ได้เลือกบริษัทสยามไบโอไซน์บริษัทเดียว แต่เขาไปลองและไปเยี่ยมดูประสิทธิภาพบริษัทผลิตยาอื่นๆในประเทศไทยมากมาย แต่เลือกบริษัทสยามไบโอไซน์ เพราะสามารถผลิตชีวะวัตถุที่มีความคงที่และดีที่สุดในการผลิตวัคซีน ดังนั้นเขาก็เริ่มเจรจากับเราเรื่องการจำหน่ายวัคซีนให้กับประเทศไทยในราคาที่ตอบแทบสังคมตามนโยบายบริษัทเขา

“ที่สำคัญคือผมจะต้องต้องหาวัคซีนมาให้ประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกคน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมาในเวลาที่เหมาะสม ประเทศไทยเดือนต.ค.และพ.ย.ปี 63 สามารถรับมือโควิด-19ได้ดีในลำดับต้นๆของโลก การที่วัคซีนมาเดือนมิ.ย. 64 จึงไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะตกใจ แต่เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่จ.สมุทรสาคร และที่จ.เชียงราย เป็นสิ่งที่เราไม่ได้เตรียมตัว วัคซีนจากจีนตอนแรกไม่ได้อยู่ในโรดแม็พของเรา แต่ด้วยศักยภาพระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและความสามารถของบุคลากร ทำให้เราติดต่อประเทศจีนเพื่อนำวัคซีนมารองรับสถานการณ์ฉุกดฉินได้ก่อน ซึ่งเราต้องซื้อในส่วนที่เขาส่งให้เราได้ในเดือนก.พ. เจ้าอื่นๆแม้กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีสองสามเจ้ามาพบผม ทั้งที่รู้ว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะส่งวัคซีนให้ไทยในเดือนมิ.ย.นี้ เขายังบอกว่าเร็วที่สุดที่จะได้คือไตรมาส 3 ซึ่งตอนนั้นไทยมีวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอยู่เต็มโรงพยาบาลแล้ว” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่บอกว่าเรามีวัคซีน 63 ล้านโดรสครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงที่มีจำนวนเพียงพอต่อการดูแล เราวางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ไม่เที่ยวเสิร์ชกูเกิ้ลหรือหาข่าวร้ายหรือลบลู่ดูหมิ่นใช้วาจาสามห้าวพูดในส่วนไม่เกี่ยวข้องกับวาระการอภิปราย กลิ่นหนูตายก็เน่าพอๆกับกลิ่นปากเหม็น แต่เชื่อว่าตนยังทำประโยชน์ให้ประเทศ บ้านเมือง และประชาชนได้มากกว่า รอให้ผู้อภิปรายมีโอกาเข้ามาก่อนค่อยมาพิสูจน์กัน

“ผมให้คำยืนยันว่าวัคซีนที่จะนำมาให้พี่น้องประชาชนคนไทยนั้นเหมาะสมที่สุดและเข้าถึงง่ายที่สุด ไม่มีวันถูกตัดคิว ไม่มีคนมาแย่ง ไม่มีวันที่จะไม่ถึงมือ เพราะผลิตในบ้านเรา มั่นใจเพียงพอ และสามารถให้บริการกับประชาชนได้ครบถ้วน เรายังมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย เพราะเรามีความเป็นผู้นำในระบบสาธารณสุข ใครก็อยากขายยา ขายวัคซีน และมารักษาตัวในบ้านเรา เพราะการที่เขาเข้ามาขายยาในประเทศไทยสามารถอ้างอิงกับประเทศอื่นๆได้ด้วย ผู้อภิปรายดูถูกคนไทยมาก การที่บอกว่ามีบุคคลสองคนที่บอกว่าน่ารังเกียจไม่ควรเข้าใกล้ แม้กระทั่งไม่ควรเข้ากระทรวงสาธารณสุขได้ สองคนนี้แระที่ทำให้อสม.เข็มแข็งขึ้น มีโครงการสามหมอ ทำให้ระบบสาธารณสุขพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพ สองคนนี้เปิดคลินิกบริการผู้สูงอายุ เราเตรียมไว้พร้อม จัดหาเครื่องฉายรังสี 7 เครื่องในคราวเดียวเพื่อรักษาโรคมะเร็งทั่วประเทศที่จะไม่ต้องลำบากเดินทางข้าคิว และได้รับการรักษาตรงเวลา กระทรวงสาธารณสุขยุคนี้ทำให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งในโรคทั่วไป หน้ากากอนามัยผลิตเองได้ไม่มีใครสามารถฉวยโอกาสขึ้นราคาได้ และยามีมากเกินพอกับการดูแลผู้ติดเชื้อ ขณะที่ชุดพีพีอีก็ผลิตได้เอง การที่มีโรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียน เป็นความน่าภาคภูมิใจ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะมากรนด่า ลดขวัญกำลังใจคนทำงาน” นายอนุทิน กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"