17 ก.พ.2564 - ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง โดยมีระเบียบวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี จำนวน 10 คน เป็นวันที่สอง น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า สืบเนื่องจากนายกฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ต้องยุติกิจการ รวมทั้งเป็นเหตุให้บริษัทบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัดสินใจฟ้องราชอาณาจักรไทย โดยมีการประเมินว่าคดีนี้ไทยอาจจะแพ้ได้และต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 22,500 ล้านบาท นั้น
น.ส.จิราพร กล่าวว่า ในวันที่ 5 มิ.ย. 62 ในการประชุมร่วมรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงแทนว่ารัฐบาลไทยมีโอกาสชนะ เพราะจากการตรวจสอบของกระทรวงอุตสาหกรรมพบว่า บริษัทดังกล่าวทำผิดเงื่อนไข คือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยและทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ จึงเป็นเหตุให้ต้องสั่งปิดเหมืองแร่ แต่คำชี้แจงไม่เห็นความจริง เพราะเมื่อปี 58 พล.อ.ประยุทธ์ ให้ 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัทดังกล่าว และมีการตั้งคณะทำงานขึ้นหลายคณะ เพื่อตรวจสอบแล้วเสร็จ ผลปรากฏว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องแนวทางแก้ไขผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งมีสาระสำคัญว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการทำเหมืองแร่ทองคำดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จริงหรือไม่
น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า ปี 2559 กรมอุตสาหกรรมและกรมเหมืองแร่ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้มาตรา 44 การปิดเหมืองแร่ว่าหากการใช้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับชัดเจนจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและไม่เห็นด้วยกับการนำมาตรา 44 มาบังคับใช้กับกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มีการส่งผลการประชุมดังกล่าวไปยังพล.อ.ประยุทธ์ โดยได้แนบสองแนวทาง คือ 1.การใช้กฎหมายตามปกติและดำเนินตามขั้นตอน และ2.การใช้อำนาจมาตรา 44 ระงับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ทั้งนี้ แม้จะมีหน่วยงานคัดค้าน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้มาตรา 44 และการที่นำหลักฐานมาแสดงไม่ใช่เพื่อปกป้องบริษัทคิงส์เกต ฯ แต่ต้องการให้เห็นถึงความชอบธรรมการใช้อำนาจที่ไร้จิตสำนึกความรับผิดชอบร้ายแรงต่อประเทศ และนำมาสู่การฟ้องร้อง
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า มีกระแสข่าวในช่วงเดือนกันยายน 63 ที่รัฐบาลจะให้บริษัทอัคราฯได้รับอนุญาตให้นำผงทองคำและเงินออกมาจำหน่าย รวมถึงได้อาชญาบัตรพิเศษในการสำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีก 44 แปลง และพล.อ.ประยุทธ์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาแก้ข่าวในเรื่องนี้ว่าเป็นคำขอเดิมของบริษัทอัคราฯในปี 2546 เมื่อไทยมีพ.ร.บ.เหมืองแร่ฉบับใหม่ จึงดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ ในข้อมูลเอกสารที่ตนมีชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่การดำเนินการที่ปกติ แต่เป็นประโยชน์ที่ประเทศไทยให้บริษัทคิงส์เกตฯ เพื่อให้ดำเนินการถอนฟ้อง ทั้งนี้ ในการประชุมครม.เดือนมิถุนายน 63 มีมติปรากฏในเอกสารลับที่สุดของรายงานคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัทคิงส์เกตฯ โดยไฮไลท์ในหนังสือเขียนไว้ว่าหากตกลงกันได้บริษัทคิงส์เกตฯต้องถอนคดีจากอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเอกสารนี้ชี้ชัดว่าพล.อ.ประยุทธ์ รับทราบรู้เห็นเป็นใจว่าไทยแพ้คดีและมอบหมายให้หน่วยงานเจรจาเพื่อยอมความ มอบนโยบายให้เอาทรัพยากรของประเทศประเคนให้เพื่อให้เขายอมถอน อย่างไรก็ตาม หากจะสู้คดีมีที่ไหนจะต้องยอมความ ซึ่งสิ่งที่ดำเนินการย้อนแย้งกับที่ได้ลั่นวาจาไว้ได้สั่งการไปแล้วว่าภายในสิ้นปี 2559 จะไม่มีการทำเหมืองแร่อีกต่อไป และต้องไม่มีเหมืองทองอีกต่อไป
“ถ้าไทยต้องแพ้คดีและจ่ายค่าโง่ ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จดจำไว้ในมโนสำนึกว่ากำลังทำลายอนาคตของลูกหลานและคนไทยทั้งประเทศเพียงเพราะการลุแก่อำนาจ จะเป็นบทเรียนราคาแพงและเจ็บปวดของประเทศ ท่านปัดความรับผิดชอบครั้งนี้ไม่ได้ ต้องตอบให้ได้ว่าจะสู้คดีให้ถึงที่สุดแบบไปตายเอาดาบหน้าหรือจะยอมเอาทรัพยากรของประเทศประเคนให้ต่างชาติเพื่อแลกกับการถอนฟ้อง ถ้าท่านเดินหน้าต่อสู้คดีจนถึงที่สุดแล้วแพ้ อยากถามว่าจะเอาเงินส่วนใดไปจ่าย จะเอางบแผ่นดินหรือเงินส่วนตัว และถ้าท่านเลือกใช้วิธีการเจรจาต่อรองเอาผลประโยชน์ของประเทศ แผ่นดินไปยกให้บริษัทเอกชน ขอเรียนว่าพรรคเพื่อไทยจะจับตาประเด็นนี้ เพราะแนวโน้มไทยมีโอกาสแพ้คดี 100 เปอร์เซ็นต์ บทสรุปของคดีนี้ประเทศไทยต้องจ่ายค่าโง่อย่างไม่มีทางเลือกหรือหลีกเลี่ยง ต้องเอาเงินมหาศาลไปแลกเพื่อคนๆเดียว เอาความผิดออกจากตัวเองและโยนภาระบาปให้ประเทศและประชาชนต้องรับผิดชอบแทน เป็นใบเสร็จความเสียหายชิ้นสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์คดีเหมืองทองอัคราฯ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นด้วยตัวเอง ออกคำสั่งทำลายประเทศจนย่อยยับ สร้างตราบาปให้ประเทศ กำลังทำลายโอกาสประเทศชาติและประชาชนอย่างไม่มีชิ้นดี” ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าว
จากนั้นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงว่า การขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำจำนวน 44 แปลงที่น.ส.จิราพร บอกว่าเป็นจำนวน 2 แสน-4 แสนไร่นั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการดำเนินการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการถอนฟ้องของอนุญาโตตุลาการกับบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากได้มีการยื่นมาตั้งแต่ปี 2546 และ2548 แค่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ในขณะนั้น มีมติให้ชะลอการพิจารณาการอนุญาตสำรวจแร่ทองคำไว้ก่อน เนื่องจากห่วงใยเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน โดยได้มีการให้สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปศึกษาและจัดทำนโยบายแร่ทองคำ ซึ่งแล้วเสร็จในปี 2552 ต่อมาครม.มีมติเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2552 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม นำความคิดเห็นดังกล่าว ไปพิจารณา ในเดือน พ.ค.2554 กระทรวงอุตฯ ได้พิจารณาประกอบกับความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ และจัดทำประกาศนโยบายทองคำแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่จัดทำนโยบายและเสนอครม.มีการยุบสภาเสียก่อน ทางสำนักงานเลขาธิการ ครม.จึงส่งเรื่องคืนมาที่กระทรวงอุตฯ หลังจากนั้นกระทรวงอุตฯ ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับนโยบายแร่ทองคำ
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2557 มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทอัคราฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ และประชาชนได้ยื่นข้อเรียกร้องไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ดังนั้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2559 ทางพล.อ.ประยุทธ์ จึงได้มีการออกคำสั่ง มาตรา44 ให้ผู้ประกอบการทองคำทุกรายทั่วประเทศ ระงับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำเป็นการชั่วคราว ซึ่งตนคิดว่าในขณะนั้นใครก็แล้วแต่ที่อยู่ในฐานะนายกฯหรือหัวหน้าคสช. เมื่อมีการร้องเรียนของประชาชนและมีผลกระทบต่อสุขภาพมาตลอด และมีการขัดแย้งในพื้นที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชน การที่พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งมาตรา 44 นั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นในขณะนั้น
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ก็ให้นโยบายคณะกรรมการแร่แห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)ไปจัดทำนโยบายทองคำเพื่อให้การทำเหมืองแร่ทองคำสามารถดูแลสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนให้ได้ เพื่อให้เสนอต่อ ครม. ต่อมาครม.ก็เห็นชอบในเดือน ส.ค.2560 และคณะกรรมการนโยบายแร่แห่งชาติ ได้มีมติให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขออนุญาตและกลับมาประกอบการภายใต้นโยบายทองคำได้ ดังนั้น บริษัทอัคราฯจึงได้กลับมาเดินเรื่องขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจจำนวน 44 แปลง ที่เคยขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2546 และ2548 ดังนั้น การมาเดินเรื่องคำขออนุญาตดังกล่าว และทางกระทรวงอุตฯได้อนุญาตไปนั้น จึงเป็นไปตามมติของคณะกรรมการแร่แห่งชาติ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเพื่อการถอนฟ้องแต่อย่างใด
“ส่วนที่ระบุว่าบริษัทคิงส์เกตได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 22,500 ล้านบาท และบอกว่ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอบอกว่าถ้ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทางคิงส์เกต เขาคงไม่มาเจรจา เขาได้เงิน 22,500 ล้านบาท ก็เก็บใส่กระเป๋าทันที ทำไมจะเอามาแลกกับการขออาชญาบัตร เพราะกว่าจะลงทุนทำกำไลได้ ที่ผ่านมาระยะเวลา 15-20 ปี บริษัทอัคราฯมาลงทุนในเมืองไทยกำไลคิดว่าไม่เกิน 5 พันล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าเอาจำนวนครบต้องอีก 25 ปี ถึงจะได้มา 22,500 ล้านบาท ดังนั้น ขอยืนยันว่าการที่คิงส์เกตกลับมาเจรจานั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทางรัฐบาลจะไปเอื้อประโยชน์ให้เขา แต่การเขาจะกลับมาดำเนินกิจการต่อ เพราะคิดว่าราคาทองคำเป็นราคาที่ขึ้นมาพอสมควร” รมว.อุตฯ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า สิ่งสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดีคือ เอาเรื่องที่อยู่ในชั้นศาลเอาออกมาพูดภายนอก และฝ่ายค้านได้นำมาอภิปรายให้ข่าวกับสื่อหลายครั้ง ซึ่งปรากฏว่าเป็นการคาดการณ์เอาเองทั้งสิ้น เป็นการนำตัวเลข จากข้อมูลที่เป็นข้อเสนอ หรือคำให้การแต่ละฝ่ายที่ไม่เป็นทางการ ยังไม่ได้ข้อยุติซึ่งเป็นอันตราย ดังนั้น ยังไม่ปรากฏเป็นความจริง เรื่องยังอยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนการเจรจาหารือของผู้พิพาท ไม่สามารถไปชี้นำได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าใช้อำนาจมาตรา 44 นั้น คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่ไปปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทานซึ่งมีคำสั่งทุกเหมืองในประเทศไทย ในการต่อสัมปทานอาชญาบัตร จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อสงสัยของประชาชนที่เรียกร้องมา ถึงแม้ไม่มีข้อยุติอย่างชัดเจน แต่มีหลักฐานจากโรงเรียน ครู จำเป็นต้องตรวจสอบ เราไม่ได้ปิดเหมืองแร่อัคราฯแต่เพียงเหมืองเดียว แต่การจะต่ออาชญาบัตรต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว และบริษัทไหนที่แก้ได้ตามนั้นก็เปิดเป็นปกติการที่เขาจะได้หรือไม่ได้ อยู่ที่การเจรจาพูดคุย ไม่ได้เสนอประโยชน์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ชาติและประชาชน วันนี้เรามีพ.ร.บ.แร่ ปี2560 ออกมาแล้ว เราสามารถถลุงแร่ ส่งออกแร่เองได้ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศมากขึ้น ถ้าเราสำรวจแร่พบ อาจเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตแร่ทองคำ เพราะที่ผ่านมาเรานำไปถลุงแร่ที่ต่างประเทศทั้งสิ้น ซึ่งกฎหมายใหม่ให้มีการถลุงแร่ทองอย่างเดียวที่บอกว่าขอบริษัทอัครา ฯ ขอที่เป็นแสนไร่เป็นแค่การขอสำรวจ แต่การขอดำเนินการเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำรวจเจอตรงไหนก็ต้องดูว่าจะอนุญาตได้หรือไม่ ประชาชนจะยอมหรือไม่ วันนี้นำหลักการสิทธิมนุษยชนในการประกอบการธุรกิจมาประกอบ เท่าที่ทราบบริษัทเขาปรับตัวแล้ว ถ้าที่ไหนที่ประชาชนไม่อยากได้เขาก็หลีกเลี่ยงให้อยู่แล้ว
“เรื่องนี้รับผิดชอบในฐานะนายกฯ ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยอำนาจ ด้วยคำสั่ง มีการหารือปรึกษาทั้งฝ่ายกฎหมาย ราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยราชการ เพื่อทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะสุขภาพประชาชน มันต้องมีคนเดือดร้อน แต่ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น แต่ต้องจำเป็นในบางอย่าง หลายอย่างเกิดก่อนหน้าผม ทำไมรัฐบาลนี้ต้องมาแก้ ทำไมไม่แก้ให้เสร็จเรียบร้อย ทำไมมาถึงตอนนี้ ถ้าสนใจสักหน่อย ประชาชนต้องการปัญหาอะไรก็แก้ปัญหาให้เขา พร้อมทำอะไรใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยบ้างโดยเฉพาะทำอย่างไรจะมีรายได้ให้มากยิ่งขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้เรามีภาระที่จะต้องจ่ายในเรื่องผลการขาดทุนจากการดำเนินการที่เสียหายของโครงการรับจำนำข้าว โครงการนี้ได้ชดเชยไปแล้ว 7.05 แสนล้านบาท วันนี้เหลือหนี้จำนำข้าว อยู่ที่ปี 63 ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ยอีก 800 ล้านบาท และยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยแบบไม่ได้อะไรเลย ปีละ 20,000 ล้านบาท และต้องตั้งไปอีก 12 ปี ตนก็เสียดาย นอกจากนี้ยังมีภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทร ทิ้งหนี้ให้กับการเคหะกว่า 20,000 ล้านบาท มีบ้านที่สร้างเสร็จแล้วขายไม่ได้อีกหลายหมื่นยูนิต สิบปีที่ผ่านมาการเคหะแบกรับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ล้มเหลวยอดความเสียหาย 10 ล้านบาทไม่รวมหนี้เน่าและภาระดอกเบี้ยที่กู้มา
“รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้แก้ไขปัญหาทุกประเด็นที่กล่าวมาแล้ว รัฐบาลไม่ต้องการขึ้นภาษีกับใคร เห็นหรือไม่ว่ายังไม่ได้ขึ้นภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่รายได้ประเทศตอนนี้ลดลง ฉะนั้นการที่บอกว่าให้คนนั้นคนนี้น้อยไปมากไป ลองคิดให้ละเอียดไม่ต้องถึงกับเป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็ได้” นายกฯ กล่าว
จากนั้น น.ส.จิราพร ลุกขึ้นกล่าวว่า ขอบคุณนายกฯและนายสุริยะ ที่ชี้แจง แต่ฟังแล้วผิดหวัง แสดงว่าไม่ได้ฟังการอภิปรายของตนเลย เพราะคำตอบที่ตอบนั้นเป็นการอ่านตามโพยที่หน่วยงานเขียนให้ ซึ่งเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่ได้อัปเดตข้อมูล และไม่ได้ตอบคำถามของตนแม้แต่คำถามเดียว และการที่รมว.อุตสาหกรรม บอกว่าประชาชนเดือดร้อนเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องไปจัดการ ประเด็นนี้ตนไม่เถียงที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแล แต่ประเด็นคือรัฐบาลไม่ใช้กฎหมายปกติเข้าไปจัดการ แต่ใช้มาตรา 44 ที่ต่างประเทศไม่ยอมรับ เข้าไปจัดการโดยที่ไม่มีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เตือนแล้วว่าอย่าทำแบบนั้น เพราะจะถูกฟ้องร้อง แต่รัฐบาลไม่ฟังแล้ววันนี้ไทยก็ถูกฟ้องร้องอาจจะต้องแพ้คดี ตอนนี้ใบเสร็จก็ออกมาแล้วว่ามีค่าใช้จ่าย 600 ล้านบาทที่ใช้ต่อสู้คดีในอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ด้วย เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ตนขอถามว่าถึงวันนี้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้รับการแก้ไขแล้วหรือไม่
น.ส.จิราพร กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าการให้ 44 แปลงและเปิดทางให้ขายผงเงิน ผงทองคำนั้นเป็นเรื่องปกติ ขอถามกลับว่าถ้าเป็นปกติ ทำไมไปอยู่ในข้อต่อรองระหว่างไทยกับคิงส์เกตฯ เพราะมีจดหมายที่คิงส์เกตฯเขียนมาขอบคุณประเทศไทยด้วย และมีการเขียนจดหมายไปแจ้งต่ออนุญาโตตุลาการว่าข้อตกลงนี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว การที่นายสุริยะระบุว่าคิงส์เกตฯจะชนะ ถ้าจะชนะจริงทำไมคิงส์เกตฯถึงมาเจรจากับไทย ขอถามกลับว่าถ้ารัฐบาลไทยมั่นใจว่าคิงส์เกตฯจะชนะคดีแล้วไปเจรจาต่อรองเขาทำไม แล้วการต่อรองมีแต่ไทยให้คิงส์เกตฯโดยที่คิงส์เกตไม่ได้ให้อะไรเลย นอกจากความหวังลมๆแล้งๆว่าจะถอนฟ้อง ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมขณะนี้คณะอนุญาโตตุลาการยังไม่มีออกมาแต่เปิดให้สำรวจแล้วโดยอ้างว่าเป็นการสำรวจไม่ได้ทำ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูให้ทำเหมือง
“ดิฉันผิดหวังการตอบคำถามของพล.อ.ประยุทธ์ ท่านอ่านตามที่หน่วยงานเขียนโพยมาให้ ถ้าทานทำอย่างนั้น ท่านถ่ายเอกสารที่อยู่ในมือส่งแจกสมาชิกอ่านเอาเองก็ได้ เพราะไม่ได้ตอบคำถามในเนื้อหาสาระที่ดิฉันได้ถามไปเลย “น.ส.จิราพร กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |