ผ่านไปแล้ววันแรกเมื่อวันอังคารที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาสำหรับศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ภาพรวมจนถึงช่วงหัวค่ำ กระแสเสียงที่ออกมาพบว่า แม้แต่กองเชียร์ฝ่ายค้าน ฝ่ายไม่ชอบรัฐบาล ก็ยังบอกว่า "ไม่เข้มข้น-กร่อย" เพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านลุกขึ้นอภิปรายหลายคนในวันแรกก็ยังไม่มีหมัดเด็ด หมัดน็อกรัฐบาลกลางสภาให้เห็นจะจะได้เลย โดยเฉพาะที่ฝ่ายค้านคุยโวว่าจะเปิดแผล "บิ๊กตู่ -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม" พบว่าการอภิปรายของแกนนำ-ส.ส.ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล-เสรีรวมไทย-เพื่อชาติ หลักฐานเจ๋งๆ ประเภทโชว์ในสภาแล้วร้องซี้ดแทบไม่มีออกมาให้เห็น จนทำให้การอภิปรายเกือบจืดสนิท

            แต่ที่กลายเป็นสีสันทำให้การซักฟอกไม่จืดชืดก็คือ "การประท้วง-เชือดเฉือน-ตัดเกม" กันกลางสภาระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายกับทีมประท้วงฝ่ายพลังประชารัฐ โดยเฉพาะกับ สิระ เจนจาคะ-ปารีณา ไกรคุปต์ ที่เชือดเฉือนกับฝ่ายค้านกลางห้องประชุมอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร บางวลีของการประท้วง เช่น "คนขับรถ" ที่หากไม่ใช่คอการเมืองแท้ๆ ฟังแล้วอาจงงว่าคืออะไร แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาพอควร

            อภิปรายวันแรกเปิดหัวตามธรรมเนียมโดย "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย-ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร" ที่ทิ่มตรงไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตามญัตติที่ยื่นซักฟอก โดยสมพงษ์อภิปรายระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่อง ไร้ภาวะผู้นำ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้เพียงรัฐบาลปรสิต กัดกร่อนอนาคตของประเทศ

            "วันนี้เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 4 วันนับจากนี้ จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังมาถึงในไม่ช้านี้" ผู้นำฝ่ายค้านในสภาระบุเปิดหัวการอภิปราย

            จากนั้น "สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านจากเพื่อไทย" ขึ้นอภิปรายฟาดฟัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่สอง โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ที่ฝ่ายค้านอภิปรายรัฐมนตรีจำนวนมากเพื่อหวังเปลี่ยนแปลง คือชี้ให้เห็นว่า 9 รัฐมนตรีคือจุดอ่อน ไม่มีประสิทธิภาพ หากอภิปรายครบถ้วน ถ้านายกฯ ตอบไม่ได้ก็เป็นความล้มเหลว ทางนายกฯ ต้องใจกว้าง ให้โอกาสประชาชน พิจารณาตัวเองลาออก โดยให้สภาสรรหานายกฯ กันใหม่

            ต่อมาอุณหภูมิในห้องประชุมสภาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น หลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่อภิปรายใช้ถ้อยคำดุเดือด โดยเฉพาะการอภิปรายเรื่องปัญหา "บ่อนการพนัน" เช่น อภิปรายว่านายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันผิดกฎหมายในหลายพื้นที่ จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด และพูดถึงผลงานการจับกุมบ่อนพนันเมื่อครั้งเป็น ผบ.ตร. ตลอดจนพาดพิงว่าพรรคพลังประชารัฐจ่ายเงินเดือนให้ ส.ส. 2 แสนบาทต่อเดือน

            ส่งผลให้ทีมตัดเกมของพลังประชารัฐ ทั้ง สิระ เจนจาคะ-ปารีณา ไกรคุปต์-ไพบูลย์ นิติตะวัน ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ ว่า หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยพูดจาวกวน ซ้ำซาก โฆษณาตัวเอง เสียเวลาการประชุมสภา ส่งผลให้บรรยากาศประชุมช่วงดังกล่าวร้อนแรงพอควร

            หลังชุลมุนกันนานพอสมควร สุดท้าย "พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงสั้นๆ ตอนหนึ่งถึงเรื่องบ่อนการพนัน โดยระบุว่า "ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด ผมไม่มีผลประโยชน์อะไร อย่าอ้างว่าผมมีผลประโยชน์ อย่าหมิ่นประมาทกันและกัน เงินชั่วๆ ผมไม่รับ"

            จากนั้นการประชุมกลับมามีสีสันอีกครั้งในช่วงการอภิปรายของ "นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล" ที่อภิปรายเรื่องการอยู่บ้านพักทหารของ พล.อ.ประยุทธ์หลังเกษียณอายุราชการ โดยระบุว่า เรื่องนี้แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยกคำร้องไปแล้ว แต่คดีอาญายังสามารถเอาผิดได้จากกรณีไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินบ้านพักในค่ายทหาร-การทำผิดประมวลกฎหมายรัษฎากร กรณีไม่จ่ายภาษีจากการได้ประโยชน์จากการอยู่บ้านพักทหารดังกล่าว เพราะการอยู่บ้านพักทหารดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถือเป็นประโยชน์อื่นใดที่ได้เกิน 3,000 บาท ซึ่งขัดกับกฎหมาย ป.ป.ช. ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท ดังนั้น รวมเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ้านพักทหารหลังเกษียณปี 2557 คิดเป็นเวลา 76 เดือน รวมความผิด 76 กระทง อย่างไรก็ตาม "วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ" ก็ได้ลุกขึ้นชี้แจงข้อกฎหมายเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของนางอมรัตน์ เรื่องนายกฯ อยู่บ้านพักทหารว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ฝ่ายค้านอภิปราย

            ส่วนการซักฟอกอีก 3 วัน 17-19 ก.พ. จะเป็นอย่างไร ฝ่ายค้านจะมีหมัดเด็ดอะไรออกมาแสดงหรือไม่ คงต้องรอติดตามกันต่อไป.