16 พ.ค. 61 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมืองพร้อมพวก ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ว่า ทุกอย่างอยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานครบพบว่ามีการกระทำความผิดอื่นก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มแต่ต้องรอดูผลนิดหนึงอยู่ระหว่างการเร่งรัด ต้องดูในหลายๆส่วน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสารและพยานแวดล้อมอย่างอื่นประกอบด้วยต้องดูทุกอย่างให้ครบถ้วน ถ้าหลักฐานเพียงพอและครบองค์ประกอบก็ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.สันธนะ จะเข้าข่ายการขอถอนประกันตัวชั่วคราวหรือไม่นั้น ถ้าผิดเงื่อนไขที่ศาลวางไว้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งที่ พ.ต.ท สันธนะ บอกว่าจะแจ้งความกลับพ่อค้าแม่ค้าจำนวน 8 ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด แต่ถ้อยคำที่ใช้เป็นลักษณะการใช้สิทธิ์ ในการฟ้องต่อศาล เราต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วยโดยเฉพาะคำพูดอย่างเดียวไม่พอ ส่วนพยานในคดีนี้ก็มีบ้างที่แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ว่ามีคนคอยติดตามประมาณ 3-4 ราย เราต้องตรวจสอบก่อนว่าเกิดจากอะไร แต่ถ้าเป็นข้อเท็จจริงก็ต้องดูว่าเป็นการคุกคามหรือไม่
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย ประยูรรัตน์ บิดา พ.ต.ท.สันธนะ เป็นเรื่องของสถานีตำรวจนครบาลโชคชัยไม่เกี่ยวกับพนักงานสอบสวนคดีกรรโชกทรัพย์ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.แต่งตั้งขึ้น การให้ที่พักพิงเป็นเรื่องของสถานีตำรวจในพื้นที่ แต่อาจจะไม่ผิดก็ได้ เพราะเป็นการสอบสวนธรรมดาเหมือนกับการไปจับผู้ต้องหาคนอื่นได้ที่บ้านคนก็ต้องมีการสอบเจ้าบ้านว่ารู้หรือไม่ถ้าไม่รู้ก็จบ การออกหมายเรียกเป็นเพียงการตั้งต้นถ้าสอบแล้วไม่ผิดก็จบไม่มีอะไร ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีการแจ้งข้อหา ตำรวจจะไปแจ้งข้อหาใครโดยไม่มีความผิดไม่ได้อยู่แล้ว
ส่วนที่ นางพรรณี ประยูรรัตน์ ภรรยาของพ.ต.ท.สันธนะ ไปร้อง กสม.ว่ามีการทำเกินกว่าเหตุในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวสามีที่บ้านของบิดานั้น ตำรวจทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อศาลออกหมายแล้วตำรวจก็มีหน้าที่ในการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายส่วนการใช้กำลังหรือยุทธวิธีใช้ไปตามความเหมาะสม ไม่มีใครทำอะไรเกินเลย ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องมีการใช้กำลังบ้างตามความเหมาะสมแต่ในวันนั้นไม่เกินเลยอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ทางศาลออกหมายจับ ทั้งหมด 11 คนในข้อหากรรโชกนั้นทราบว่าทุกคนได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว
สำนวนการสอบสวนในคดีนี้ เป็นที่น่าพอใจ เริ่มตั้งแต่ศาลท่านให้ออกหมายจับ แสดงว่าเรามีพยานหลักฐาน ทำให้ท่านใช้ดุลยพินิจในการออกหมายจับมีพยานหลักฐานเพียงพอ การออกหมายต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพอสมควรนำสู่ศาล ส่วนการจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.สันธนะ หรือไม่ ยังไม่ขอพูดล่วงหน้าเพราะทุกอย่างต้องรวบรวมพยานหลักฐานถ้าพยานหลักฐานครบตอนไหนก็คือตอนนั้น เช่นเดียวกันกับกรณีเฮียเซ้ง เจ้าของตลาดที่เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนแล้วถ้าพยานหลักฐานถึงใครก็ดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งเส้นทางการเงิน ทาง ปปง.ก็จะเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพราะข้อหากรรโชกทรัพย์เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงินอยู่แล้ว ส่วนกระแสว่ามีนายทหารอากาศเป็นเจ้าของสถานที่ที่แท้จริงนั้นขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามถึงกรณีการถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ เผยว่าต้องรอดูก่อน บอกแค่นี้ให้รอดูอีกไม่นาน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |