"ศปน.ตร." แถลงผลกวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบทั่วประเทศ 8 เดือน จับกุมผู้ต้องหา 2 พันราย ยึดรถยนต์ โฉนดที่ดินจำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท เร่งประสาน ปปง.ยึดทรัพย์สินทันที
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 15 ก.พ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปน.ตร.) และ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปน.ตร. ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างนายทุนเงินกู้ที่ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะฉ้อโกงประชาชน
พล.ต.อ.ปิยะกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา นายประเสริฐ อาดำ ได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องนี้ ได้สั่งการผ่าน ผบ.ตร.ให้ลงไปตรวจสอบนายทุนเงินกู้นอกระบบ นอกจากนี้ยังมีนายทุนโหดคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการรับจำนำรถโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ผบ.ตร.จึงได้เน้นย้ำให้มีการดำเนินการต่อ การปฏิบัติการต้องไม่จบแค่นี้ ให้ขยายผลตรวจสอบไปถึงนายทุนให้ได้ โดยบังคับใช้กฎหมายทุกข้อหาที่สามารถทำได้ โดยหลักจะดำเนินคดีเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การประกอบกิจการเงินกู้นอกระบบ พ.ร.บ.ทวงหนี้ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินประสานงานร่วม ปปง.ในการยึดทรัพย์สินต่อไป
พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ศปน.ตร.ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.2563 ถึงปัจจุบัน มีผลการดำเนินการสืบสวนปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน รวม 3,754 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 3,345 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.1 อยู่ระหว่างดำเนินการ 409 เรื่อง แบ่งตามลักษณะการกระทำความผิด ดังนี้ 1.ดอกเบี้ยเกินอัตราฯ 2,172 เรื่อง ร้อยละ 57.86 2.หมวกกันน็อก 895 เรื่อง ร้อยละ 23.84 3.เงินกู้ออนไลน์ 536 เรื่อง 4.จำนำรถ 53 เรื่อง 5.ขายฝากที่ดิน 26 เรื่อง 6.จำนองที่ดิน 30 เรื่อง 7.วางหลักประกัน 37 เรื่อง 8.อื่นๆ 5 เรื่อง มีผลปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1,986 คน ตรวจยึดเงินสด 2,183,939 บาท อาวุธ 20 รายการ บัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 3,000 บัญชี รถยนต์ รถจักรยานยนต์กว่า 500 คัน โฉนดที่ดิน 145 ฉบับ มูลค่าของกลางกว่า 500 ล้านบาท
คดีแรกกรณีนายประเสริฐ อาดำ ชาวนาในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากได้กู้ยืมเงินจากนายทุน จำนวน 400,000 บาท แต่ถูกฟ้องร้องต่อศาลเรียกเงินคืน 2,300,000 บาท พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ได้ไปพูดคุยกับนายประเสริฐ จึงทราบปัญหาว่าได้กู้ยืมเงินจากนายทุนจริง โดยได้กู้ยืมเงินจากนายอุดม ใจเอื้อเฟื้อ ในพื้นที่ ม.6 ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ปี 2557 ครั้งละ 1-3 แสนบาท และได้ผ่อนดอกเบี้ยมานาน แต่เงินต้นไม่ลดเลย ประกอบกับต้นปีที่ผ่านมาได้มีคำฟ้องร้องของศาลมาให้ชดใช้หนี้รวม 2.3 ล้านบาท
หลังทราบได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ ค.31/2564 ลงวันที่ 10 ก.พ.2564 เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายอุดม พบสำเนาโฉนดที่ดิน 23 ฉบับ สัญญาเงินกู้พร้อมหนังสือมอบอำนาจ 16 ฉบับ สมุดจดบันทึกและสมุดบัญชีเงินกู้ อาวุธปืน 2 กระบอก ตู้เซฟ 1 ตู้ สมุดจดเงินกู้ที่มีรายชื่อผู้กู้ 57 ราย จำนวนเงินประมาณ 22 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ ประจำจังหวัดปทุมธานี เพื่อไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ผลปรากฏว่านายอุดมตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553 จากเดิมที่นายประเสริฐถูกฟ้องบังคับชำระหนี้จำนวน 2,348,475 บาท นายอุดมยินยอมให้นายประเสริฐชำระหนี้เพียงเงินต้น 300,000 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งได้ถอนฟ้องและคืนโฉนดที่ดินให้ ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้ หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบโฉนดที่ดินที่เหลือ รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะติดตามพยานบุคคลอื่นๆ เข้ามาให้ถ้อยคำ หากพบว่ากระทำความผิดกฎหมายจะดำเนินการต่อไป
อีกคดี ทาง พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พร้อมชุดปฏิบัติการปราบปรามหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 14/2564 ลงวันที่ 8 ก.พ.2564 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 262 ม.11 ต.คอนสวรรค์ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านของนางวงจันทร์ คงน้อย นายทุนปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งคนที่จะมากู้ยืมเงินจะต้องเอาโฉนดที่ดินของตนเองเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ โดยให้ผู้กู้ทำสัญญาเงินกู้ลงเพียงรายมือชื่อไว้ในสัญญาโดยไม่ได้ลงรายละเอียดยอดเงินที่ขอกู้ไว้ในสัญญาแต่อย่างใด และคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 60 ต่อปี ผลการตรวจค้นพบโฉนดที่ดิน 17 ฉบับ โฉนดที่ดินพร้อมสัญญาเงินกู้ 28 ฉบับ สัญญากู้ยืมเงิน 23 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม เงินสด 50,000 บาท คู่มือจดทะเบียนรถแทรกเตอร์ 2 คัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของโฉนดที่ดินและสัญญากู้ยืมเงิน หากพบว่าได้มาโดยมิชอบจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) กล่าวถึงการทลายโกดังจำนำรถรายใหญ่ในภาคตะวันออกว่า ได้เข้าตรวจค้น 3 เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี พร้อมจับกุมผู้ต้องหารวม 4 คน ตรวจยึดรถยนต์รวม 44 คัน และรถจักรยานยนต์ 15 คัน ซึ่งทั้งหมดรับว่ารถของกลางเป็นรถที่จำนำไว้กับผู้ครอบครองรถ โดยคิดค่าบริการและดอกเบี้ย พร้อมทำสัญญาโอนลอยกรรมสิทธิ์ไว้ โดยจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบที่มาของรถ หากพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรม รับจำนำ หรือดำเนินการโดยผิดกฎหมาย จะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป และอีกคดี ตำรวจยังจับเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยรับจำนำรถจากประชาชน คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |