"อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล" แถลงผลทดสอบ "น้ำพุโซดา" จากบ่อบาดาลบ้านทุ่งคูณ จ.กาญจนบุรี มีแร่ธาตุคุณภาพดี แจงเหตุเกิดรสชาติซ่าเพราะปริมาณสารไบคาร์บอเนตสูงกว่าปกติ แต่ไม่มีสารพิษหรือสารปนเปื้อนร้ายแรง สามารถดื่มได้ เร่งเจาะเพิ่มอีก 3 บ่อ หวังช่วยแก้ปัญหาน้ำแล้งให้เกษตรกร
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจาะบาดาลในพื้นที่หมู่ 12 บ้านพะยอมงาม ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี และที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ จำนวน 3 บ่อ โดยพบรสชาติน้ำที่พุ่งออกมาจากบ่อบาดาล หมู่ 19 ซ่าคล้ายกับโซดา ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำตัวอย่างของน้ำไปพิสูจน์ในห้องแล็บเพื่อหาสิ่งปนเปื้อนนั้น
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงผลการตรวจสอบสภาพของน้ำพุที่เกิดจากการขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ จ.กาญจนบุรี ว่า จากการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้สำรวจและเจาะพบแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 3 แห่ง โดยบ่อน้ำบาดาล 2 แห่งที่เจาะพบน้ำบาดาลพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุสูงราว 2-3 เมตร มีรสชาติคล้ายน้ำโซดา สามารถใช้ดื่มกินได้ สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวบ้านและผู้พบเห็นนั้น ขณะนี้ผลการตรวจสอบและวิเคราะห์น้ำบาดาลออกมาแล้ว ปรากฏว่าบ่อน้ำบาดาลที่บ้านทุ่งคูณ บ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 น้ำบาดาลมีไบคาร์บอเนตสูง 2,420 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1,870 มิลลิกรัมต่อลิตร ฟลูออไรด์สูงเล็กน้อย 1.4 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 1.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีเหล็กสูง 10 มิลลิกรัมต่อลิตร และ 28 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ
"ผลการตรวจสอบจากห้องแล็บถึงสาเหตุที่มีรสซ่าคล้ายโซดา พบว่ามีปริมาณสารไบคาร์บอเนตสูงกว่าปกติ ซึ่งทำให้เกิดรสชาติซ่า และไม่พบสารพิษปนเปื้อน หรือสารปนเปื้อนร้ายแรง แต่จะมีธาตุเหล็กที่ทำให้น้ำมีสีและมีปริมาณสูง โดยน้ำพุบาดาลที่ขุดได้มีการนำน้ำแร่ที่มาจากประเทศเยอรมนี ราคา 3,000 บาท ที่มีขายในท้องตลาด มาทำการทดสอบเปรียบเทียบ พบว่าน้ำพุบาดาลมีแร่ธาตุที่มีคุณภาพดีมากกว่าน้ำแร่จากต่างประเทศ โดยมีการทดสอบถึง 3 ครั้ง พบว่ามีค่าไบคาร์บอเนตสูงกว่า 2 เท่า และกรณีทิ้งไว้แล้วมีสีนั้นถือเป็นปกติ เพราะมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะต้องกรองตะกอนเหล็กออกก่อนจึงจะสามารถดื่มกินได้ โดยเตรียมที่จะขุดเพิ่มอีก 3 บ่อ และสร้างระบบกระจายน้ำเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในการเกษตรและการบริโภค" นายศักดิ์ดากล่าว
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวว่า สำหรับบ่อน้ำดังกล่าวเป็นการเจาะลงไปที่ลึกประมาณ 303 เมตร เพื่อสำรวจพื้นที่เจาะน้ำบาดาล ตามโครงการสำรวจศึกษาและพัฒนาน้ำบาดาลในแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 21 หมู่บ้าน โดยปัจจุบันยังคงมีน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุ
"จากการตรวจสอบไม่พบว่าแรงดันน้ำลดลงแต่อย่างใด โดยปริมาณน้ำที่ตรวจวัดได้นั้นมีปริมาณน้ำ 1,200 ลบ.ม./บ่อ ซึ่งคาดว่ามีปริมาณน้ำ 500 ล้าน ลบ.ม. สามารถนำมาใช้อย่างจำกัดได้อยู่ที่ 2,400 ลบ.ม.ต่อวัน รวมแล้วจะสามารถแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนใช้สำหรับแก้ไขภัยแล้งได้ 500,000 ลบ.ม.ต่อปี ซึ่งกรมน้ำบาดาลจะเข้าไปพัฒนาให้เป็นระบบบาดาลระยะไกล และจะประกาศให้เป็นเขตควบคุมน้ำบาดาล ทำระบบการกระจายน้ำให้เกษตรกรครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ไร่" อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ทดลองดื่มน้ำพุโซดาจากบ่อดังกล่าวให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมให้ผู้สื่อข่าวได้ทดลองดื่มน้ำที่ผ่านการกรองแล้ว น้ำดังกล่าวมีความใสสะอาดขึ้น แต่ยังคงรสหวานและไม่มีกลิ่นสนิมเหล็กแต่อย่างใด
นายศักดิ์ดากล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายตามภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลคือ การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งท้ายที่สุดพื้นที่ห้วยกระเจา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะทำโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน เพื่อพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาให้ประชาชนได้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร โดยเร่งเจาะอีก 3 บ่อ เพื่อให้ครบทั้ง 6 บ่อ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็น โครงการขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |