ปัจจุบันมีศาสตร์ทางเลือกที่หลากหลายในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งแพทย์กระแสหลักหรือแพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงศาสตร์การแพทย์โบราณหรือแพทย์ทางเลือก ทั้งไทย จีน และไต้หวัน เพื่อให้คนรักสุขภาพเลือกนำเอาแพทย์ทางเลือกทั้ง 2 มาปรับใช้ในการสร้างสุขอนามัยที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่โรคโควิดกำลังระบาดรอบ 2 ในบ้านเรา ซึ่งแพทย์ทางเลือกก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่ง ที่เราสามารถนำมาใช้ดูแลสุขภาพ เพื่อให้คนไทยใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล
ในกิจกรรม “กำลังใจแด่จิตอาสา รวมพลังรับมือโควิด-19” “อ.เดิมแท้ ชาวหินฟ้า” ผู้เรียนรู้และใช้ธรรมชาติบำบัดมาร่วม 20 ปี และมีประสบการณ์ใช้ชีวิตใน 20 ประเทศ มาให้มุมมองเกี่ยวกับแพทย์ทางเลือกเพื่อเป็นตัวช่วยในการป้องกันโควิดว่า จากประสบการณ์ในการค้นพบการดูแลและรักษาโรคในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ และได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้งได้นำแพทย์แผนโบราณมาปรับใช้ในชีวิต และได้ศึกษาข้อมูลที่เป็นข้อคิดจาก นพ.วิชัย เอกทักษิณ (แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองคนแรกของโลก ด้วยวิธีขันชะเนาะลดบวม) โดยท่านจบการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญและชำนาญเรื่องการบริโภคอาหารมังสวิรัติ ท่านได้บอกไว้ว่าโดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราจะมีฤทธิ์เป็นด่าง แต่ถ้าหากคนที่มีค่าเลือดเป็นกรดสูงจะทำให้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และการที่เรากินผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่เนื้อวัว ก็จะทำให้ค่าเลือดในร่างกายของเราเป็นด่าง แต่ถ้าเรากินเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อวัว เลือดในร่างกายของเราก็จะเป็นกรด ซึ่งกลุ่มคนในประเทศที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 สูง อย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา มักจะบริโภคเนื้อวัวและนมวัวเป็นประจำ
นั่นจึงทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดสูง และเมื่อเจอกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นอนุภาคขนาดเล็ก จึงทำให้เชื้อไวรัสร้ายเจริญเติบโตได้ค่อนดี จึงทำให้คนอเมริกาป่วยเป็นโรคนี้ค่อนข้างสูง รวมถึงประชากรจากประเทศอินเดียเช่นเดียวกัน ที่แม้จะมีคนในประเทศคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ที่กินอาหารมังสวิรัติ แต่คนอินเดียส่วนใหญ่นิยมบริโภคนมวัวและเนยเทียมที่ทำจากนมวัว จึงทำให้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 ติดอันดับต้นๆ รองจากอเมริกาและประเทศในกลุ่มยุโรปที่นิยมบริโภคเนื้อวัว ขณะที่คนไทยนั้นนิยมกินอาหารมังสวิรัติและอาหารที่ปรุงด้วยผักค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ร่างกายมีฤทธิ์เป็นด่างนั่นเอง และป่วยเป็นโควิด-19 ได้น้อยกว่าคนยุโรปและอเมริกา (คนอเมริกากินเนื้อวัวโดยเฉลี่ยต่อปีต่อคนอยู่ที่ประมาณ 90 กิโลกรัม ในขณะที่คนไทยกินเนื้อวัวต่อคนต่อปีอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลกรัม”
ทว่าการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีเพื่อให้ร่างกายคงสถานะความเป็นด่างในการรับมือกับโรคโควิด-19 และสร้างพลังบวกให้กับตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรทำควบคู่กับการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการหมั่นล้างมือด้วยเช่นกัน “อ.เดิมแท้” ให้ข้อมูลว่า “การสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจาก 1.แสงแดด สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ เพราะแสงแดดคือความร้อนและการผ่อนคลาย แต่ต้องเป็นความร้อนที่อยู่ในระดับที่พอเหมาะ เช่น ในช่วงระหว่างเวลา 8-9 โมงเช้า เพื่อเพิ่มการผ่อนคลายให้มากขึ้น ให้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินช้าๆ และฟังเพลงที่ผ่อนคลาย ในขณะที่รับแดดช่วงเช้าก็สามารถทำควบคู่กันได้ หรือแม้แต่การทำงานจิตอาสาซึ่งทำให้จิตใจดี ก็จะช่วยให้เลือดของคุณเป็นด่างมากขึ้น และป้องกันโรคโควิด-19 ไปด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วยการปรับอุณหภูมิให้สมดุลในช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น “การแช่มือแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น” ยกตัวอย่างผู้ที่ขับรถแท็กซี่ที่มักจะถูกแอร์ปรับอากาศในรถยนต์พ่นใส่หัว ยังสามารถต้มน้ำร้อน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำร้อนไปแปะที่หัว เพราะการแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 15 นาที หรือการประคบผ้าชุบน้ำร้อน จะทำให้เหงือกออกและเลือดลมไหลเวียนสูบฉีดดี นั่นจึงถือเป็นวิธีเอาความร้อนมาบ่มตัว และทำให้เลือดไหลเวียน ก็ลดการเจ็บป่วยได้ทางหนึ่ง โดยสรุปนั้นหลักของแพทย์แผนโบราณที่ประกอบด้วย 7 อ. คือ อาหาร อากาศ อารมณ์ ออกกำลังกาย เอาพิษออกจากร่างกาย ไม่มองว่าเชื้อโรคเป็นศัตรูของเรา และขับถ่ายให้เป็นปกติ ถือเป็นหลักของการสร้างสมดุลให้ชีวิตด้วยศาสตร์องค์รวม เพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ที่เราสามารถทำได้ทุกคน”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |