15 ก.พ. 64 - ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีพรรคร่วมรัฐบาลจัดสัมมนาเตรียมพร้อมรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างแสดงความมั่นใจว่าคะแนนเสียงโหวตรัฐมนตรีจะออกมาเท่ากันทั้งหมด  สุจริต คือเกราะกำบัง ศาสตร์พ้อง ไม่ทุจริตจะกลัวอะไร รัฐบาลปากกล้าขาสั่น ปากบอกไม่กลัว แต่เปิดโรงแรมซ้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านถึง 2 วัน พร้อมเปิดวอร์รูมทั้งที่พรรค ที่กระทรวง ประชาชนไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนกลัวฝ่ายค้าน จนลนลานเปิดโรงแรมติวกันขนาดนี้ รัฐบาลย่ามใจในอำนาจ แต่หวาดระแวงการตรวจสอบ จนเก็บทรงไว้ไม่อยู่ การรีบร้อนออกมาประกาศคะแนนเสียงโหวตรัฐมนตรีจะออกมาเท่ากันทั้งหมดยิ่งผิดธรรมชาติ ยังไม่ได้ฟังเลยว่าฝ่ายค้านกล่าวหาอะไร รัฐมนตรีตอบตรงคำถาม ตอบแล้วผ่านหรือไม่ จะเอาอะไรมาการันตีว่าเสียงโหวตจะออกมาเท่ากัน หรือมีการวางกล้วยมัดจำกันไว้แล้ว การโหวตต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ  

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน สร้างความเดือดร้อน ทุกข์ยากให้ประชาชน การทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนและพวกพอง แสวงหาผลประโยชน์อย่างเป็นกระบวนการ มีหลักฐานชัด หลังการอภิปรายฯ ฝ่ายค้านเดินหน้าต่อในการยื่นหลักฐานการทุจริตของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เพื่อเดินหน้าเอาผิดต่อไป มือในสภา ไม่เท่าศรัทธาประชาชน รัฐบาลอย่าเพิ่งรีบร้อน ประกาศคะแนนไว้วางใจจะออกมาเท่ากัน เพราะมีรัฐมนตรีต้องลุ้น ตกเก้าอี้ติดคุก อยู่หลายคน” นายอนุสรณ์ ระบุ

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานตู้ต้านโกง กล่าวว่า การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน เป็นเพราะมีใครรับส่วยหรือไม่ กรณีนี้เราได้รับข้อมูลชัดเจนมาว่า มีการจัดตั้งขบวนการเพื่อรับส่วย ส่งส่วยอย่างเป็นระบบ ของแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติ ในรายละเอียดทั้งหมด ทางพรรคมีข้อมูลชัดเจน จะส่งให้ส.ส.เพื่อไทยไปอภิปรายในสภาฯ แม้รัฐมนตรีหลายคน ไปเปิดโรงแรมติวเข้มรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้เตรียมข้อมูลส่วนนี้ไว้ชี้แจงด้วย รัฐบาลนี้มีการส่งส่วยเยอะมาก หลังปีพ.ศ.2557 มีการจัดตั้ง เก็บส่วย อย่างเป็นระบบ ไม่น่าเชื่อจะมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือในการรับส่วย ในการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทยง่ายขึ้น ไม่ใช่เพียงแรงงาน ยังรวมไปถึงปัญหายาเสพติดด้วย แม้แต่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.  ยังออกมาระบุการจับยาไอซ์ 1.5 ตัน มูลค่าหลายพันล้านบาท เมื่อปี 2562 ทำไมคดีกลับเงียบหาย ตัวละครนี้ยังอยู่ในขบวนการรับส่วยด้วย  

"โควิดไม่มีวันหมดจากประเทศไทย หากยังมีการรับส่วยอย่างนี้ ทุกคนเชื่อว่ามีการรับส่วยมีอยู่จริง ถ้ารัฐบาลยังอยู่ ปล่อยให้มีการรับส่วย คนไทยจะลำบากไปอีกนาน ขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่คุมทั้งตำรวจ ทหารเบ็ดเสร็จ เคยตั้งคำถามหรือไม่ ทำไมขบวนการนี้ไม่เคยหมดไป คดีจับใครไม่ได้ หรือไม่ก็เงียบหายไปตลอด ขอให้ประชาชนจับตามองส.ส.ในพื้นที่ของท่าน หากมีการแสวงหาประโยชน์ บนความลำบากของประชาชน คนไทย  หากส.ส. คนใดยังไปยกมือให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการรับส่วย ปล่อยให้ยาเสพติด ปล่อยโควิดระบาด เราจะยอมได้หรือไม่ ถ้าส.ส.คนใด ยกมือให้คนในขบวนการกลุ่มนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้า ขออย่าเลือกกลับมาเป็นส.ส.อีก ขอให้ประชาชนตรวจสอบส.ส.ของท่านว่า ส.ส.รักท่านจริงหรือรักผลประโยชน์ ข้อมูลการรับส่วยนี้ไปถึง บิ๊กป. แต่ไม่รู้ว่า ป.ปลาไหน ผมจะมอบให้ นพ.ชลน่าน นำไปอภิปรายในสภาฯต่อไป”  นายวรวัจน์ ระบุ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้นเหตุของการระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จะอภิปราย เพื่อให้ ส.ส.หลายคนเห็นคล้อยกับเรา ไม่ไว้วางใจสภาฯ แม้มือในสภาสู้ไม่ได้ แต่จะส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเรื่องจะส่งต่อไปยัง ป.ป.ช. มี 2 กลุ่ม 1.กลุ่มที่พบความผิดตามข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะส่งให้มีการตรวจสอบ ถ้า ป.ป.ช.ชี้มูล จะส่งต่อไปยังศาลฎีกาปกติ  2.กลุ่มที่ทำผิด ทุจริต ทำผิดกฎหมาย แสวงหาผลประโยชน์ชัดเจน จะส่งไปยัง ป.ป.ช. ถ้าชี้มูล จะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คาดว่าหลังการอภิปรายจบลงมีรัฐมนตรี 4-5 คน ที่เข้าข่ายในความผิดทั้งสองกลุ่มนี้.