15 ก.พ.2564 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตเร่งพิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษียาสูบใหม่ทั้งหมด โดยกำชับว่าต้องพิจารณาให้รอบคอบที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะการปรับขึ้นภาษีจะมีปัญหาตามมา หรือการปรับลดภาษีปัญหาที่ตามมาก็อาจจะเยอะกว่า ดังนั้นกรมสรรพสามิตจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดและรอบคอบที่สุด
โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า บุหรี่ไม่ควรราคาถูก เพราะเหตุผลหลักคือเรื่องสุขภาพของประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการบุหรี่ส่วนใหญ่เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราภาษียาสูบลงก็ตาม แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงสุขภาพอนามัยของประชาชนด้วย อีกทั้งโครงสร้างภาษียาสูบที่ใช้ในปัจจุบันยังเป็นไปตามหลักการขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะทำให้ราคาขายปลีกบุหรี่เพิ่มขึ้นเมื่อมีการปรับเพิ่มภาษียาสูบ โดยต้องการให้จำนวนผู้บริโภคยาสูบในประเทศลดลง หากไทยทำผิดเงื่อนไข หรือหลักการก็อาจจะโดนคว่ำบาตรในเรื่องภาษีและเรื่องการค้าอื่น ๆ ได้ ดังนั้นจึงต้องคิดเรื่องนี้ให้ดี ๆ
“เรื่องการปรับภาษีบุหรี่มันเป็นเรื่องโลกแตก ผมว่าต้องคิดให้หนักเรื่องการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ ต้องคิดให้รอบคอบ ต้องดูว่าหากปรับขึ้นจะคุ้มไหม และถ้าปรับลงก็เป็นการสะท้อนว่าไทยไม่ได้ส่งเสริมให้คนเลิกสูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่น้อยลง ถ้าไทยดึงดันแล้วถูกคว่ำบาตรขึ้นมาจะทำอย่างไร ไม่เพียงแค่ WHO เท่านั้น ยังมี NGO ในประเทศ และมีความเห็นของแพทย์ที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย เพราะหากลงไปดูในรายละเอียดจะพบว่าที่ผ่านมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบได้ไม่มาก อยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปี ไม่ได้ช่วยเรื่องงบประมาณมากนัก โดยทั้งหมดยังมีเวลาพิจารณาเพราะเพิ่งขยายเวลาการปรับขึ้นภาษีบุหรี่จาก 40% เหลือ 20% ออกไปอีก 1 ปี” นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวอีกว่า การจับบุหรี่เถื่อนก็ไม่ใช่เหตุผลสำคัญในการนำมาพิจารณาเพื่อปรับลดอัตราภาษีบุหรี่ลง เป็นประเด็นที่นำมาใช้เป็นเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะภาษีที่สูงขึ้น จึงเป็นเครื่องจูงใจให้เกิดการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนมากขึ้น แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการทำงานของระบบราชการที่มีปัญหามากกว่า จึงทำให้มีการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนเยอะขึ้น ดังนั้นหากหน่วยงานที่รับผิดชอบจะจับบุหรี่เถื่อนได้มากขึ้น ก็ถือเป็นการป้องกันการลักลอบทำผิดกฎหมายมากกว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานตรงนี้ให้เข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ไปหารือร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น รวมถึงบริษัทบุหรี่ต่างชาติ ในการสนับสนุนทุนเพื่อให้เกิดการวิจัยพืชสมุนไพรของไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสรรพคุณในการดูแลรักษาปอด เพื่อนำมาผสมเป็นส่วนประกอบในบุหรี่ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วย รวมทั้งไปหารือกับองค์การเภสัชกรรม เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา เช่นแบ่งพื้นที่จากการปลูกยาสูบบางส่วนมาปลูกกัญชาให้องค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นการปลูกระบบปิด เป็นต้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |