เมื่อพูดถึง แม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นแม่น้ำสายหลักที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่อดีต บอกเล่าประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชุมชนที่มีมาแต่วันวานจนถึงปัจจุบัน เป็นสายน้ำที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตชุมชนริมสองฝั่ง หล่อเลี้ยงผู้คนด้านอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม และยังเป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ รถ ราง เรือ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งภูมิทัศน์สองฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยามีโบราณสถาน วัดวาอาราม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ตั้งอยู่อย่างสง่างาม สะท้อนคุณค่าสายน้ำแห่งวัฒนธรรมได้อย่างโดดเด่น
วันนี้ อาทิตย์เอกเขนก ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "วิทยา ยาม่วง" อธิบดีกรมเจ้าท่า ผู้ซึ่งเข้ามาปรับโฉมการพัฒนาบริหารปรับปรุงภูมิทัศน์และท่าเรือต่างๆ สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อยกระดับจุดเชื่อมต่อระบบโดยสารสาธารณให้มีประสิทธิภาพตามนโยบายที่ให้ไว้ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งจะเน้นในเรื่องความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน รวมทั้งตรวจตราเรือโดยสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับความปลอดภัยให้ประชาชนในการเดินทางทางน้ำ
อธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวว่า หากเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะทางเรือ ระหว่างทางจะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย กรมเจ้าท่าเป็นหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์เชิงท่องเที่ยว ย่านชุมชนตลาดน้อย นับเป็นศูนย์กลางการเดินทางเพื่อเชื่อมต่อการท่องเที่ยวทางน้ำเพิ่มขึ้น กรมเจ้าท่าเห็นความสำคัญของสถานที่ทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีแนวคิดเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนฯ กับชุมชนย่านตลาดน้อย ฝั่งพระนคร โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นจุดศูนย์กลาง
สำหรับ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ ย่านประวัติศาสตร์ฝั่งพระนคร เริ่มจากท่าเรือ กรมเจ้าท่า มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนกรมเจ้าท่าเคารพนับถือ ได้แก่ พระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ พระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่า ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้โปรดเมตตาประทานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ณ เศียรพระพุทธรูป และโปรดประทานนามพระพุทธรูปว่า “(พระ-พุด-ทะ-โล-กุด-ตะ-ระ-ทำ-มะ-ประ-ชา-นาด)” ซึ่งแปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งโลกุตรธรรมทรงเป็นที่พึ่งของปวงประชา และศาลเจ้าจ่งเซียนกง สันนิษฐานกันว่าเป็นตุ๊กตาหินแกะสลักที่มากับเรือสำเภาจีนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และมีสภาพแตกหักเสียหายอยู่ใต้น้ำ
อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงได้ซ่อมแซมศาลเจ้าขึ้นใหม่ เพื่อให้เกิดความสวยงามและเป็นที่เคารพนับถือของผู้ผ่านไปมา บริเวณชุมชนตลาดน้อยจะพบอาคารธนาคารไทยพาณิชย์ (แบงก์สยามกัมมาจล) ที่ทำการของธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มก่อตั้งขึ้นในนาม "บุคคลัภย์" โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.2447 โบสถ์กาลหว่าร์ หรือวัดแม่พระลูกประคำ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2434 มีอายุรวมแล้วมากกว่า 100 ปี ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
สำหรับ ชุมชนตลาดน้อย หรือ ตะลัคเกียะ ชุมชนเชื้อสายจีน อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านชุมชนตลาดน้อยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ที่นิยมมาถ่ายรูป ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชุมชน และศิลปะแบบสตรีทอาร์ตที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของ "วัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม" ท่าน้ำภานุรังษี ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเชิงประวัติศาสตร์
อาทิ พิพิธภัณฑ์ชุมชนท่าน้ำภานุรังษี หรือสวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ โรงกลึงเก่าย่านชุมชนตลาดน้อย บูรณะขึ้นเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและที่จัดแสดงนิทรรศการริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทัศนียภาพที่สวยงามและมีความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ต่อเนื่องมาจากย่านเยาวราช ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของกรุงเทพมหานคร และเป็นอีกหนึ่งอู่อารยธรรมที่สะท้อนการตั้งถิ่นฐานในยุคเริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ขณะที่ฝั่งธนฯ ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนว Heritage ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีนที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อมต่อไปยังท่าเรือ
ปากคลองสาน สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ป้อมป้องปัจจามิตร ป้อมสำคัญที่ใช้ป้องกันข้าศึกตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ใช้ป้อมดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้ง เสาธงสัญญาณ เพื่อแจ้งข่าวเรือสินค้าเข้าออกและแจ้งข่าวสารการเดินเรือในกิจการกรมเจ้าท่า
โดยเร็วๆ นี้กรมเจ้าท่าพร้อมเปิดให้บริการเรือข้ามฟากเพื่อการท่องเที่ยว เชื่อม 5 ท่าเรือ เพื่อศึกษาสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ นับเป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กรมเจ้าท่าจะมอบให้กับประชาชน ขณะเดียวกันได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับเรือและท่าเรือทั้งหมด ให้ปฏิบัติตามมาตรการของกรมเจ้าท่าในการเฝ้าระวังและป้องกันอย่างเคร่งครัดอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |