สมควรแล้ว...อย่าขู่...อย่าครวญ


เพิ่มเพื่อน    

 เสียงบ่นด้วยความหงุดหงิดและปวดร้าวของประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อได้รับรู้ข่าว จับปล่อย จับปล่อย ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้เป็นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเพียงพอที่จะเข้าใจว่าคนที่ถูกจับนั้นทำความผิดอย่างชัดเจน ทำไมพวกเขาจึงได้รับการประกันตัว ทั้งๆ ที่หลายคนไม่ได้โดนคดีเดียว เพราะไม่ได้ทำความผิดครั้งเดียว แต่เป็นการทำความผิดในพฤติกรรมเดิมหลายครั้งหลายครา ส่วนคนที่รู้กฎหมายก็คงจะเข้าใจว่าคนที่ทำผิด (แบบที่ได้พบเห็น) สามารถได้รับการประกันตัวเพราะอะไร

คนที่เข้าใจก็คงไม่หงุดหงิดอะไรมากนัก แต่สำหรับคนที่ไม่รู้กฎหมายอย่างถ่องแท้ย่อมรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ บางคนก็ถึงกับด่ารัฐบาล ด่าตำรวจว่าหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย บางคนก็มองว่าตำรวจไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ บางคนก็พานไปมองว่าตำรวจน่าจะเป็นพวกเดียวกับกลุ่มผู้ชุมนุม สำหรับบางคนก็อาจจะปลอบใจตนเองว่า รัฐบาลไม่อยากทำอะไรรุนแรง ปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายทำไปเรื่อยๆ แล้วเก็บข้อมูลไว้ แล้วก็จัดการเมื่อถึงเวลา แล้วพวกเขาก็ตั้งตารอคอยว่าแล้ววันที่ถึงเวลาน่าจะมาถึงในเร็ววัน

จากความรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลจนถึงขนาดที่จะเทรัฐบาล จะไม่ยอมเป็นแนวร่วมกับรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจจุดยืนของนายกรัฐมนตรี และบางคนก็เริ่มไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะปรากฏการณ์จับปล่อย จับปล่อย ที่พวกเขาได้ยิน ได้เห็นจากข่าวอยู่เป็นประจำ หลังจากที่มีการออกหมายเรียกแกนนำที่ถูกกล่าวหาไปสอบสวนที่โรงพัก

 ในที่สุด ความหงุดหงิดก็หายไปเมื่อได้รับรู้ข่าวว่า 4 แกนนำของผู้ชุมนุมที่มีทั้งทนายและนกตัวอ้วนอยู่ในกลุ่ม 4 คนที่อัยการสั่งฟ้อง และพวกเขาทั้ง 4 คนไม่ได้รับการประกันตัว ต้องนอนคุก ประชาชนผู้จงรักภักดีที่หงุดหงิดกับการจับปล่อย จับปล่อย มาเป็นเวลานาน สบายใจขึ้นว่าในที่สุดแล้วก็ถึงเวลาที่คนรักษากฎหมาย คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมจะทำให้ประชาชนอบอุ่นใจว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยยังคงเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้

พวกเขารู้สึกว่าถึงเวลาเสียทีที่การบังคับใช้กฎหมายจะทำหน้าที่ในการดำรงความเป็นนิติรัฐของประเทศไทย พวกเขามองว่า การที่มีการจับแกนนำขังคุกนั้นเป็นสิ่งที่ชอบแล้ว ทั้งนี้เพราะพวกเขาทนการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ไหวแล้ว พวกเขารู้สึกปวดร้าวเอง ได้ยินถ้อยคำที่แกนนำของผู้ชุมนุมปราศรัย เขียนป้าย และได้เห็นกิริยาถ่อยเถื่อนที่เป็นการล้อเลียนองค์พระมหากษัตริย์ พวกเขาต่างก็รอวันที่จะได้เห็นคนที่อาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และบัดนี้เมื่อ 4 แกนนำไม่ได้รับการประกันตัว พวกเขาต่างก็เห็นว่าเป็นการสมควรแล้ว สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมย่อมไม่พอใจ จึงออกมาขู่ให้ทางการปล่อยตัว โดยขู่ว่าจะชุมนุมแบบยกระดับไปเรื่อยๆ จนกว่าเพื่อนของเขาจะได้รับการปล่อยตัว และยังขู่อีกด้วยว่าถ้าหากทางรัฐบาลและทางสถาบันพระมหากษัตริย์ยอมตามข้อเรียกร้องของพวกเขา ทุกอย่างจึงจะสงบ

อันที่จริงพวกเขาขู่ตั้งแต่ตอนที่มีแกนนำจำนวนหนึ่งไปมอบตัวตามหมายเรียกของ สภอ.คลองหลวงแล้ว พวกเขาตีปลาหน้าไซว่าพวกเขาได้ข่าวว่าตำรวจจะไม่ให้พวกเขาได้รับการประกันตัว แต่จะจับพวกเขาติดคุก มีการฝากฝังคนที่ไม่ถูกหมายเรียกให้ชุมนุมต่อ และพูดชัดเจนว่าจะต้องช่วยกันสร้างความวุ่นวายจนกว่าจะได้ชัยชนะ บางคนก็เลียนแบบคำขู่ของปี 2553 ที่บอกว่าให้เตรียมน้ำมันมากันคนละขวด คงอยากให้พวกเรากลัวว่ากรุงเทพฯ จะเป็นทะเลเพลิง แต่เชื่อว่าคำขู่ของพวกเขาคงจะไม่เป็นผล เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พวกเขาก็คงไม่อาจจะจัดการชุมนุมที่มีการยกระดับให้เบิ้มๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเจ้าหน้าที่คงไม่ยอมให้พวกเขาทำเช่นนั้น และถ้าหากการชุมนุมมีแกนนำที่ทำผิดกฎหมาย คนที่ถูกขังคุกอาจจะไม่ใช้แค่ 4 คน แต่อาจจะมีคนอื่นตามเข้าไปเป็นเพื่อน

นอกจากจะขู่แล้ว พวกเขายังโอดครวญอีกด้วยว่าพวกเขาถูกรังแก รัฐบาลใช้มาตรา 112 สกัดกั้นเสรีภาพของพวกเขา ใช้นิติสงครามปิดปากคนที่คิดต่าง แต่สิ่งที่พวกเขาคิดนั้น เราไม่อาจจะเรียกว่าเป็นการ “คิดต่าง” แต่เราคิดว่าเป็นการ “คิดชั่ว” มากกว่า ทั้งนี้เพราะพวกเขามีเจตนาที่จะล้มล้างสถาบัน พวกเขาอาจจะใช้วาทกรรมว่าพวกเขามีเจตนาในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่จากถ้อยคำที่เขาปราศรัย ข้อความบนป้ายที่พวกเขาถือ การกระทำของเขาหลายสิ่งหลายอย่าง เราไม่เชื่อว่าพวกเขามีเจตนาปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พวกเขามุ่งมั่นที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า

เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เอาจริงเอาจังอย่างเข้มข้น เชื่อว่าจะต้องมีแกนนำการชุมนุมต้องโดนจับเข้าคุกอีกหลายคน เพราะที่ผ่านมาและในปัจจุบันหลายคนทำความผิดไว้มากมายหลายคดี และถ้าหากถูกจับและผิดตามฟ้องทุกคดี บางคนอาจจะต้องติดคุกมากกว่า 100 ปี ดังนั้นอย่าขู่เรื่องการนัดชุมนุมที่จะสร้างความวุ่นวายเลย เพราะนั่นมันหมายถึงการมีโอกาสที่จะติดคุก อย่ามาคร่ำครวญเลยว่ารัฐบาลใช้นิติสงครามกลั่นแกล้งเพราะคิดต่าง ลองใช้เวลาทบทวนการกระทำของตนเองหน่อยเถอะว่าที่ผ่านมาและในปัจจุบันนั้น พวกหนูทำอะไรลงไป มันเป็นการทำผิดกฎหมายหรือไม่

ลองถามใจตัวเองดูว่าคนที่เขาให้พวกหนูออกมาชุมนุมนั้นเขาต้องการอะไร เขาหวังดีต่อประเทศชาติแค่ไหน เขาตั้งใจจะทำอะไรให้ประชาชน หรือเขามีความต้องการอะไรที่จะเป็นประโยชน์ส่วนตนของพวกเขา พวกหนูออกมาชุมนุม มีการปราศรัย มีการยกป้าย มีการกระทำที่รุนแรง มีการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ มีการล้อเลียนพระมหากษัตริย์ คนที่ให้พวกหนูออกมา เขาไม่ติดคุก แต่พวกหนูอาจจะต้องติดคุก คนที่เขาใช้พวกหนูออกมา เขาจะเดือดร้อนกับการติดคุกของพวกหนูไหม พ่อแม่ที่หนูเรียกว่าสลิ่มนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของพวกหนู ยังไม่สายนะที่พวกหนูจะคิดใหม่ ทำใหม่นะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"