นายกฯ จี้ทุกกระทรวงแชร์ข้อมูล Big Data หวังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารประเทศ ช่วยวางยุทธศาสตร์การทำงาน จัดความช่วยเหลือให้ประชาชนได้ตรงตามความต้องการในแต่ละพื้นที่ พร้อมส่ง “คสช.” จับมือคลังลุยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เน้นกลุ่มเกษตรกรเป็นหลัก
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการบิ๊กดาต้า (Big Data) อย่างมาก โดยได้สั่งการว่าภายในเดือน ก.ค.2561 การเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ต้องเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้จะไม่แล้วเสร็จทั้งหมดก็ตาม โดยให้แต่ละกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสามารถเปิดเผยได้ ออกมาใช้เชื่อมโยงกัน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานแผ่นดิน และวางยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศในระยะต่อไป
ทั้งนี้เช่น การนำข้อมูลการใช้น้ำประปาหรือไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่มารวมกัน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีข้อมูลปริมาณการใช้สาธารณูปโภคเหล่านี้ที่แตกต่างกันออกไป ตรงนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานที่วางแผนจะขยายกำลังการผลิตในอนาคต สามารถดำเนินงานได้ตรงตามความต้องการของคนในพื้นที่ ไปจนถึงข้อมูลการใช้สวัสดิการต่างๆ ผ่านบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ก็จะเป็นฐานข้อมูลในการจัดสวัสดิการที่ตรงตามความต้องการในอนาคตต่อไปด้วย
ข้อมูลที่จะเอามาเปิดเผยและเชื่อมโยงกันจะต้องไม่ใช้ข้อมูลลับหรือข้อมูลส่วนบุคคล แต่จะต้องเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ สามารถให้แต่ละส่วนงานนำไปใช้เพื่อวางแผนในการบริหารจัดการและวางยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศในระยะต่อไปได้ หลังจากนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะมีการประสานข้อมูลเป็นแพลตฟอร์มเป็นระบบใหญ่ ให้ทุกส่วนราชการสามารถนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศต่อได้” พล.ท.สรรเสริญกล่าว และว่า อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่ได้จะมีความทันสมัยมากขึ้น เพราะจะเป็นการเก็บและแบ่งปันข้อมูลในทุก 1-3 และ 6 เดือน ซึ่งหน่วยงานต่างๆ จะเห็นภาพความต้องการของประชาชนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมลงพื้นที่ในการสำรวจและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ทั้งในส่วนกลางและส่วนพื้นที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง โดยมีการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในการเจรจาประนอมหนี้ ลดต้น ลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ยังมีกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาลให้ความสำคัญ และถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ สำหรับกระบวนการก็จะมีการลงไปสำรวจข้อมูล เจรจากับเจ้าหนี้ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“จังหวัดต่างๆ มีการตั้งสำนักงานขึ้นมาเพื่อเปิดให้เกษตรกรที่มีปัญหาเข้ามาลงทะเบียนเพื่อรับการช่วยเหลือ ซึ่งตรงนี้เป็นการตั้งรับมากกว่า รัฐบาลต้องการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้ คสช.เข้ามาช่วยดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เกษตรกรที่กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้นอกระบบเท่านั้น ยังรวมถึงการกู้ยืมจากโรงสี โรงมัน เป็นต้นด้วย เพราะในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก อาจมีเกษตรกรที่ไปกู้เงินกันโรงสี โรงมันต่างๆ เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวเกษตรกรนำผลผลิตไปขาย ก็อาจจะถูกโรงสี โรงมันที่เป็นเจ้าหนี้เก็บเงินจากการขายผลผลิตเป็นการใช้หนี้ทั้งหมด ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินเหลือเพื่อใช้จ่าย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนอกระบบก็สูงมาก บางราย 35-40% ต่อเดือน เมื่อไม่มีเงินใช้ ทำให้เกษตรกรต้องไปกู้เงินอีก ก็เป็นหนี้นอกระบบไปเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไข” พล.ท.สรรเสริญกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |