ขวางกระแส'ชวน' หึ่งพรรคบิ๊กตู่ขยับ


เพิ่มเพื่อน    

 

    “ประยุทธ์” ร่ายยาวการเมือง เมินกระแสปลุก “นายหัวชวน” ชี้ต้องมีสถาปัตยกรรมทางการเมืองแบบพี่ไทยเอง ย้ำต้องลดความขัดแย้งเพื่อเดินหน้าเลือกตั้ง พร้อมยอมรับผล ยังไม่กำหนดวันนัดพรรคการเมือง “บิ๊กป้อม” ลั่นหนุนน้องตู่เต็มที่ หึ่ง! “อุตตม-สนธิรัตน์” วิ่งวุ่นตั้งพรรค โบ้ยสื่อจับผิดแค่คุยเรื่องงาน “ผบ.ทบ.” รับกังวลม็อบ 22 พ.ค.เคลื่อนขบวน มีชัยพูดชัดพรรคต้องมีไพรมารีโหวต

    เมื่อวันอังคาร ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ในเรื่องการเมืองหลายเรื่อง ไล่มาตั้งแต่การปลุกกระแสให้นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งเหมือนกรณีนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกฯ มาเลเซีย ในวัย 92 ปี ว่าเป็นเรื่องของท่าน ท่านจะปลุกอะไรยังไงก็แล้วแต่ เราเป็นประเทศไทย เราก็ควรมีสถาปัตยกรรมของไทยเอง ในด้านการเมือง ด้านการพัฒนาอะไรก็แล้วแต่ หรือการขจัดปัญหาความขัดแย้ง เขาเรียกว่าการสร้างสถาปัตยกรรมทางการเมืองของไทยใหม่ 
“เราจะเอาประเทศอื่นมาเป็นบรรทัดฐานในการเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะคนไทยไม่เหมือนคนอื่น เราก็มีความเป็นไทยของเราเอง เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกประชาชนคนไทยของเรา ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการเรียนรู้มากขึ้น มีความเข้าใจในประชาธิปไตยมากขึ้น ก็รอฟังว่าประชาชนเขาจะเลือกอะไร เลือกอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพลหนุนให้เป็นนายกฯ ต่อ ว่าต้องขอบคุณนิด้าโพล รวมทั้งโพลต่างๆ และประชาชนที่ตอบแบบสอบถาม วันนี้มุ่งหวังแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรเราจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลทั้ง 6 ข้อ ให้ได้ ส.ส. ได้ ครม.ที่มีคุณภาพ คาดหวังแค่นั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าผลโพลออกมาอย่างไรก็เป็นเรื่องของโพล

เมื่อถามว่า นิด้าโพลระบุว่าต้องการให้พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปได้หรือไม่ที่หลังเลือกตั้งพรรคที่ คสช.สนับสนุนจะจับมือกับ พท.จัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ว่ากันไปโน่น รัฐบาลที่ คสช.จะสนับสนุนไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย จะไปจับมืออะไรกับใคร ไม่ใช่ศัตรูของใคร เพราะฉะนั้นทุกพรรคการเมืองก็ต้องทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาทำเพื่อตนเอง หรือไปทำเพื่อเขา ใครจะไปใครจะมาทุกคนก็ต้องทำเพื่อประเทศชาติ และไปหาเสียงกันตรงนั้น ไม่ใช่วันนี้โจมตีกันไปมา สรุปว่าไม่มีใครดี แล้วจะเลือกตั้งกันไปทำไม 

“ผมอยากให้มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ต้องการให้เลื่อนการเลือกตั้ง หรือหาเหตุให้ไม่มีการเลือกตั้ง ผมพูดมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วว่าต้องเลือกตั้ง ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย ใครจะไปฝืนได้ เพราะฉะนั้นเรื่องใครจะจับมือกับใครก็เป็นเรื่องของพวกท่าน จะไปจับกันที่ไหนก็ไปเถอะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือทำอย่างไรที่ให้ประชาชนเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่ดีและถูกต้องควรเป็นอย่างไร การได้รัฐบาลที่ดีได้ ส.ส.ที่มีคุณภาพจะได้มาอย่างไร เราต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง รัฐบาลที่จะมาทำหน้าที่ต่อไปจะต้องสานต่อการปฏิรูประยะแรกที่ทำไว้ ไม่ใช่มาหาเสียงตอนปลาย ว่าเดี๋ยวจะทำนั่นทำนี่ให้ราคาสูงขึ้น ทั้งที่ไม่เคยดูมาก่อนเลยว่าปัญหาที่ต้นทางนั้นมันมีอะไร ปัจจุบันความขัดแย้งมีหลายอย่าง รวมทั้งความไม่เข้าใจในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งบางครั้งยอมรับว่าก็มีเจตนาที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์แอบแฝงอยู่เหมือนกัน ขณะที่ยังไม่มีการเลือกตั้งเลย
“ป้อม”ย้ำหนุน“น้องตู่”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวประเด็นนิด้าโพลว่า 4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ทำผลงานดี แต่ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าอยากเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ ซึ่งพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำงานด้วย เพราะอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว แก่แล้ว ไม่แข็งแรงแล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า ต้องถามนิด้าโพล มาถามอะไรตนเอง
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า เป็นความเห็นของแต่ละฝ่ายและเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง แต่เราจะบริหารอย่างไรให้ลงตัว และให้ความขัดแย้งนั้นอยู่ในกรอบไม่เกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องดำเนินการ ความเห็นคนย่อมมีความแตกต่าง แต่เราไม่สามารถไปซ้ายหรือไปขวาได้
“ไม่ใช่ถามผมว่าเป็นอย่างไร แต่คุณต้องบอกว่าเป็นอย่างไร เราพยายามทำให้ดีที่สุดในกรอบที่รับผิดชอบโดยเฉพาะการดูแลความมั่นคง ซึ่งพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปสู่การเลือกตั้งได้” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวตอบเรื่อง 4 ปี คสช.เป็นอย่างไรบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงสูตรการเมืองของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หรือสูตรโนพรอบเบลม ที่เสนอให้ทุกพรรคการเมืองยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยไม่ต้องเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ว่าเรื่องนี้ไม่ต้องมาพูด แล้วจะเลือกตั้งกันไปทำไม ถ้าไม่ยอมรับกัน เมื่อเลือกตั้งก็ต้องยอมรับ และต้องยอมรับด้วยว่าหลังเลือกตั้งแล้วต้องไม่มีการประท้วง ไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการใช้อาวุธสงคราม ให้สัญญากับประชาชนไว้อย่างนี้ 
สำหรับการนัดพรรคการเมืองและนักการเมืองมาพูดคุยถึงวันเลือกตั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า  ถึงเวลานัดมาก็มา ไม่มาก็อย่ามา ถ้ามาก็คุยกับเขา อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองปลอดภัยอย่างไร ลดความขัดแย้งอย่างไร จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้อย่างไร คุยกติกาการเลือกตั้ง การหาเสียง และดูเรื่องการปลดล็อกทีละขั้นทีละตอนว่าจะเอาอย่างไร ถ้าทุกคนฟรีกันทั้งหมดก็จะเกิดความปั่นป่วน จะให้กลับไปที่เก่าหรืออย่างไร การเลือกตั้งทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่เลือกเลยให้ร้ายกันไปมา ไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย แล้วจะไปกันอย่างไร 
“อย่าเอาการเมืองมาอย่างเดียว อย่าเอาการเมืองมาพัน ซึ่งผมบอกแล้วว่าการเมือง ความมั่นคง จะทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ถ้ามันไปด้วยความเรียบร้อย อย่างอื่นไม่ไปขัดแย้ง ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน การแก้ปัญหาของรัฐบาล ซึ่งมีหลายร้อยพันเรื่องที่ต้องแก้ ถ้ายึดโยงกันไปมาแบบนี้ไปวันๆ มันไม่ได้ ผมไม่ได้คิดงานเหมือนกับที่คิดว่าวันนี้จะเขียนอะไรลงคอลัมน์ มันไม่ใช่ ผมคิดโน่นคิดนี่ยาวไป 20 ปี ใครจะมาทำไม่รู้ แต่ผมคิดไว้ให้ได้ว่าจะต้องทำอะไร ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะปรับแก้เองว่าควรจะทำหรือไม่ทำ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า เดือน มิ.ย.กำหนดวันคุยกับพรรคการเมืองหรือยัง นายกฯ ตอบว่า ยังไม่กำหนด ดูความพร้อมพรรคการเมือง บางพรรคบอกจะไม่มา ไม่มาก็อย่ามา ประชาชนก็ไปคิดเอาเองว่าทำไมเขาถึงไม่มา ในเมื่อทุกคนอยากเลือกตั้งก็ควรมาคุยกัน แต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่ปล่อยเละเทะเหมือนเดิม การปลดล็อกต้องไปทีละขั้น จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าบ้านเมืองจะไม่มีปัญหา เวลาปลดล็อกมากๆ ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร วันนี้ยังไม่ปลดล็อกเลยก็ออกมาพูดกันทุกเรื่อง แล้วสื่อก็ขยายความ 
ข้องใจทำไมตอบโต้ไม่ได้
“ทางนู้นมาเล่นงานทางผม แล้วจะให้ผมอารมณ์ดี ยิ้มหัวเราะ ผมก็ต้องชี้แจงบ้าง ถึงเวลาท่านเป็นรัฐบาล ผมก็ไม่เคยไปโต้ตอบกับท่านได้ แต่วันนี้ท่านโต้ตอบได้หมด ทำไมล่ะ แปลกเหมือนกัน”
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่พบประชาชนจะเป็นพื้นที่ใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลงพื้นที่แล้วเป็นอย่างไร ลองตอบมาซิ เขาลงพื้นที่เพราะอะไร ไปดูดหรือ ฉันไม่เคยดูดใคร เมื่อถามต่อว่าทำไมวันนี้ดูเคร่งเครียด นายกฯ สวนทันทีว่า ถามคำถามสำคัญมา ก็ต้องเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังหน่อย จะพูดเล่นทุกเรื่องได้อย่างไร พอพูดเล่นสื่อก็บอกบันทึกไม่ได้ พอพูดยาวๆ ก็บอกไม่รู้เรื่อง นี่เป็นการพูดสร้างสรรค์ วันนี้เสียงดังแข็งแรง เพราะเห็นหลายอย่างมันดีขึ้น พอเขาทำเยอะก็บอกว่าเป็นโปรโมชั่นของรัฐบาลมาหาเสียง 
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ นายกฯ ได้แนะนำนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นทีมประชารัฐของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนเป็นหรือไม่ อยู่ในการทำประชารัฐหรือไม่ ภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ ประชาสังคมใช่หรือไม่ วันนั้นที่แนะนำเช่นนั้นต้องพูดเพื่อเป็นการให้เกียรติเขา เพราะเขามาให้เกียรติ    ถามอีกว่า ถือว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นกองหนุนสำคัญในอนาคตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว จะอยู่พรรคไหนไม่สนใจ เขาจะสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปประเทศหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่าน จะอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่ ยังไม่พูดซักคำว่าอยู่พรรค ฉะนั้นอย่าไปเขียนว่าไอ้นี่พวกนั้น ไอ้นั่นพวกนี้ เวลานี้ยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง จะไปอยู่กับใครก็ยังไม่รู้ หรือไม่อยู่ก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ มันต้องไม่กลับมาที่เดิม สื่อไม่ห่วงหรือ หรือวันหน้าสื่อก็เขียนข่าวหากินได้ตลอด ถ้าบ้านเมืองมันยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนอลหม่านกลับมาที่เดิม สื่อก็เขียนข่าวไปท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าชอบแบบนั้นก็เอา 
“ผมไม่เคยติดว่าใครจะมาหนุนหรือไม่หนุน หนุนประเทศชาติกันเถอะ หนุนว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัย ไม่ต้องมาหนุนผมก็ได้ ไม่ใช่มีอยู่ 3-4 คน ทำโพลกันอยู่ได้ ไปทำกันบ้างสิโพลคนอื่นๆ แต่ถ้าทำโพลมุ่งหวังให้ 3 คนทะเลาะกัน ตีกัน ก็เป็นอยู่แบบนี้ ผมยังไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง วันนี้เป็นนายกฯ วันหน้าไม่รู้จะเอาอะไรกับผมอีก”

เมื่อถามว่า ดูบรรยากาศทางการเมืองวันนี้เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวติดตลกว่า บรรยากาศข้างนอกเหมือนฝนจะตก ก็ดีชาวบ้านจะได้ทำนาปี ถามย้ำว่า หมายถึงบรรยากาศที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ดีไม่เห็นเสียหายอะไร สื่อไปวิพากษ์วิจารณ์กันเอง ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ไม่ได้ต้องการให้เลื่อน แต่หลายคนก็พยายามให้เลื่อนให้เร็วขึ้น บางคนก็บอกไม่อยากให้เลือกตั้งก็แล้วแต่ กติกาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
เมื่อถามว่า เวลาลงพื้นที่รู้สึกอย่างไรที่มีคนมาขอหอมแก้มซ้ายขวา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอร้องอย่ามาหอมแก้ม ภรรยาตนเองก็หวงเหมือนกัน แต่ที่เอียงแก้มให้หอมก็เห็นว่าแก่แล้ว รุ่นป้า รุ่นยาย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายไพศาลกับนายเสนาะที่เขารู้จักและมีความสนิทกันเป็นเวลานาน จะมาจับประเด็นเพราะนายไพศาลทำงานกับตนเองอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง แม้นายไพศาลเป็นกรรมการผู้ช่วย แต่เป็นกรรมการผู้ช่วยในเรื่องการเมืองหรือไม่
พล.อ.ประวิตรยังยอมรับว่า สนิทกับนายเสนาะมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมืองต่อกัน และไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกับนายไพศาลด้วย หากจะคุยกับนายไพศาล ก็เป็นเรื่องงาน เรื่องป้องกันไม่ให้มีการเดินขบวน ส่วนที่เรื่องนี้เป็นกระแสข่าวนายกฯ ทาบทามนักการเมืองให้ร่วมพรรคการเมืองนั้น ต้องบอกว่าไม่มี นายกฯ จะไปทาบทามใคร นายกฯ ยังไม่ได้บอกว่าจะเล่นการเมืองเลย
“ไม่มี ไม่รู้ เหตุการณ์ข้างหน้ายังมาไม่ถึง หากอยากรู้ต้องไปถามนายเสนาะ” พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติของนายเสนาะ
โทษสื่อจับผิดตั้งพรรค
ขณะเดียวกันพบว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสากรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ได้เดินอ้อมด้านหลังตึกบัญชาการ 1 เพื่อไปรอพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งคู่ได้เข้าไปที่ห้องทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มาก่อนแล้วครู่หนึ่ง ท่ามกลางกระแสข่าวการดูดอดีต ส.ส. และการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ โดยหลัง พล.อ.ประยุทธ์แถลงข่าวเสร็จ ในเวลา 13.15 น. ได้กลับไปที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที จากนั้นอีกประมาณ 25 นาที รัฐมนตรีทั้งสองคนได้ลงด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าแล้วขึ้นรถยนต์ นจ 2805 นนทบุรี คันเดียวกันไปที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อมาเข้าพบนายสมคิดอีกครั้ง โดยใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะออกจากห้องนายสมคิด และแยกกันออกจากทำเนียบรัฐบาล
นายอุตตมกล่าวว่า การเข้าพบนายกฯ เป็นเพียงการพูดคุยหารือเรื่องงานทั่วๆ ไปของแต่ละกระทรวงในพื้นที่ทั่วประเทศเท่านั้น ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมืองแต่อย่างใด เช่นเดียวกับนายสนธิรัตน์ ที่ระบุว่าหารือกับนายกฯ เรื่องงาน ไม่ได้หารือเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด 
“สื่อชอบมาจับผิด เป็นเรื่องงานธรรมดา มาคุยกับรองฯ สมคิดเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นทีมเศรษฐกิจด้วยกัน คุยกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องตั้งพรรคการเมืองก็เป็นกระแสข่าวผิดกระแสข่าวถูก” นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะชุมนุมในวันที่ 22 พ.ค.นั้น พล.อ.ประวิตรระบุว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าต้องมีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ไม่มีปัจจัยใดทำให้การเลือกตั้งเปลี่ยนไป ส่วนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค.นั้น ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติ สำหรับเรื่องมือที่ 3 อยากให้สื่อไปถามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งกลับว่ามีหรือไม่ หากเขากังวล ตนเองก็กังวล แบบนั้นแสดงว่าไม่มี 
“ผมไม่เคยบอกว่าคนกว่า 70 ล้านคนไม่อยากเลือกตั้ง ผมบอกว่าคน 70 ล้านคนเขาเข้าใจโรดแมป เพราะคนอยากเลือกตั้งทั้งนั้น แต่โรดแมปบอกให้มีเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562” พล.อ.ประวิตรระบุ
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวเรื่องนี้ว่า เป็นเจตนารมณ์ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งก็ทราบในเรื่องนี้แล้ว โดยฝ่ายความมั่นคงได้ประชุมเพื่อเตรียมการในเรื่องนี้แล้ว ทั้งงานด้านการข่าวและการวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าการเคลื่อนขบวนออกมานั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะวันดังกล่าวเป็นวันราชการเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งการเคลื่อนขบวนออกมาเมื่อมีคนจำนวนหนึ่งก็จะประสบปัญหาในเรื่องของการจราจรและการดูแลความปลอดภัย รวมถึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจมีผลทางกฎหมายตามมากับแกนนำ ดังนั้นถ้าขอร้องได้ก็ไม่ควรมีการเคลื่อนขบวน
เมื่อถามว่า กลุ่มการเคลื่อนไหวของคนอยากเลือกตั้ง มีการเชื่อมโยงกับนักการเมืองหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เท่าที่ดูในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีการเมืองมาสนับสนุนหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ทุกอย่างยังอยู่ในกรอบของช่วงเวลา ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า อยากให้นึกถึง 4 ปีที่แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย อยากให้ผู้ชุมนุมทำตามกฎหมาย และไม่ให้เหตุการณ์บานปลายออกไป แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย แกนนำผู้ชุมนุมต้องดูแลไม่ให้มีการเข้ามาแสวงหาประโยชน์ หรือที่จะเข้ามาสอดแทรก ตอนนี้เราเองตรวจสอบอยู่ว่าจะมีใครเข้ามาแอบแฝงหรือไม่ เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง
วันเดียวกัน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงข้อเสนอให้งดเว้นไพรมารีโหวต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าเมื่อเขียนไพรมารีโหวต ก็ต้องใช้ ซึ่งไม่ได้เข้มข้น ต้องลงคะแนนเอิกเกริกแบบอเมริกา เพียงแค่เรียกสมาชิกมา 100 คน ก็ทำได้ แต่ไม่ใช่สามารถทำได้ทีเดียวพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร เพราะพรรคต้องมีคนมาดูด้วย ต้องใช้เวลา ซึ่งการกำหนดวันเลือกตั้งก็ต้องดูเรื่องนี้ด้วย ณ ขณะนี้งดเว้นไม่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญด้วย 
ชู“บิ๊กตู่”นั่งนายกฯ คนกลาง

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และว่าที่กรรมการบริหารพรรคทั้ง 27 คน ได้นำเอกสารหลักฐาน 9,000 แผ่น พร้อมรายชื่อสมาชิก 1,441 คน และบัญชีทุนประเดิม 1,441,000 บาท มายื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อขอจัดตั้งพรรค โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า รายชื่อของผู้ร่วมก่อตั้งที่นำมายื่นต่อ กกต.เกือบครบทุกจังหวัด และในอีก 4 เดือนข้างหน้าจะหาสมาชิกพรรคได้เกินกว่า 10,000 คน โดยจะมีครบทุกจังหวัด จังหวัดละไม่น้อย 100 คน จากนั้นจะจัดตั้งสภาประชาชนปฏิรูปในทุกจังหวัด เพื่อเป็นเครื่องมือของประชาชนในการช่วยตรวจสอบถ่วงดุล แก้ไขปัญหาการทุจริต 
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า 5 ปีแรก พรรคมีนโยบาย 3 ข้อ 1.เพิ่มอำนาจประชาชน ตรวจสอบถ่วงดุล 2.ปฏิรูปการปกครองของคณะสงฆ์ และ 3.ปฏิรูปการเมืองและนักการเมืองให้คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติประชาชน ซึ่งในจุดนี้จะเกี่ยวข้องกับการเลือกนายกฯ ซึ่งจะไม่คำนึงว่าจะเป็นนายกฯ เป็นคนในหรือคนนอก แต่ต้องเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ มีความสามารถบริหารบ้านเมืองให้ประสบความสำเร็จ       
“ในช่วงเปลี่ยนผ่าน การจะเอาผู้นำพรรคใดพรรคหนึ่งมาเป็นนายกฯ จะทำให้มีปัญหา จึงเสนอว่าน่าจะเป็นนายกฯ คนกลางจะเหมาะสมกว่า โดยถ้าพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านแล้วมีการปรับตัวของนักการเมือง บ้านเมืองเดินไปในทางที่ถูกต้อง บทบาทนักการเมืองจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งก็ยินดี ไม่มีอะไรขัดข้อง” นายไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังเหมาะสมเป็นนายกฯหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ที่สุด ไม่มีข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้น ผลงานก็มีประโยชน์ ยังยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะท่านมีองค์ประกอบครบ ซึ่งคนละขั้วกับเปรียบเทียบกับการพ้นจากตำแหน่งของอดีตนายกฯ มาเลเซีย 
“เป็นวาทกรรมของนักการเมือง ถ้าตัวเองทำไม่ผิด ถ้าคนอื่นทำก็ว่าเขาผิด นักการเมืองยังเป็นแบบนี้อยู่ จึงไม่รอการปฏิรูป จึงมาตั้งพรรคเอง เชื่อว่าประชาชนรู้หมดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ คนในหรือนอกก็ถูกด่า เพราะเขาไม่อยากให้ท่านมาเป็น ส่วนตัวคิดว่าถ้าท่านเลือกได้ ท่านไม่ได้อยากเป็นนายกฯ พรรคไหน ไม่อยากเกลือกกลั้วให้ถูกครหา ผมเห็นว่าท่านเหมาะที่สุดที่จะเป็นนายกฯ กลาง” นายไพบูลย์ตอบเรื่องของการดูด ส.ส.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"