จับยามสามตาแล้วคงเป็นอย่างที่ “ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ได้ โพสต์ “เฟซบุ๊ก” ทั้งในภาค “ภาษาอังกฤษ” และ “ภาษาไทย” ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่ระบุว่า “การเมืองไทยร้อนแรงมากถึงมากสุด ไทยหาใช่ดินแดนของการประนีประนอม หาใช่รอมชอมไม่” ซึ่งความร้อนแรงนั้นก็มาจาก “กรรม” ออนไลน์เช็กบิลนั่นแล ...๐
ที่สำคัญยังดูมีการเติมเชื้อเพลิงเชื้อไฟของบรรดา “ทั่นผู้ทรงเกียรติ” ให้ร้อนทะลุปรอทแตกเข้าไปอีก โดยเฉพาะที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำรายชื่อ ส.ส. 44 คน จาก ส.ส.ทั้งพรรค 53 คน ไปยื่นแพ็กเกจร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ โดย “พิธา” ยังได้ประดิษฐ์ “ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง” ในการยื่นเรื่องดังกล่าวตามสไตล์วลี “นิติสงคราม” ของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาแบบไม่ผิดเพี้ยน ...๐
ร่างกฎหมายทั้ง 5 ฉบับนั้น ที่สังคมโฟกัสมากที่สุดคงหนีไม่พ้นฉบับหลักคือ “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....” ซึ่งพุ่งเป้าไปที่การแก้ไขประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งแม้มีเพียง 12 มาตรา แต่หากพินิจพิเคราะห์ด้วยใจเป็นกลาง ต้องบอกว่าสังคมยากจะยอมรับได้ แล้วยังย้อนแย้งกับที่ “พิธา” พร่ำบ่นว่าด้วย “ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง” เข้าไปอีก เพราะใน มาตรา 6 ที่เสนอนั้น ได้ระบุให้ “สำนักพระราชวัง” เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย โดยเป็นการให้สำนักพระราชวังลงมาค้าความกับชาวบ้านร้านถิ่นโดยใช่เหตุหรือไม่อย่างไร ...๐
นี่ยังไม่นับรวมการปรับลดโทษที่ลดจำนวนลงอย่างมาก ซึ่งก็สอดรับกับกฎหมายที่เหลืออีก 4 ฉบับ ที่พยายามลดหย่อนโทษให้เหลือเป็นเพียงค่าปรับ หรือ โทษทางแพ่งถ่ายเดียว ซึ่งหากข้อเสนอนี้เป็นรัฐบาลเสนอ มิถูกกล่าวหาว่าเอื้อคนรวยและเจ้าสัวให้เหยียดหยามหรือด่าทอคนอื่นหรือ เพราะผู้มีอันจะกินเหล่านี้ย่อมมีปัญญาในการจ่ายค่าปรับที่แทบไม่สะเทือน “ขนหน้าแข้ง” แต่ประการใดเลย จึงน่าสงสัยอย่างมากว่า “เป้าประสงค์” ของก้าวไกลที่เจริญรอยตามคณะก้าวหน้าครั้งนี้มีอะไรในกอไผ่ซุกซ่อนหรือไม่อย่างไร ...๐
ต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่า กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังยกเว้นกฎหมายที่เป็น “คุณ” ซึ่ง หากจับพลัดจับผลูกฎหมายดังกล่าวเกิดมีการบังคับใช้ขึ้นมา ซึ่งแม้มีเปอร์เซ็นต์ที่แทบเป็นไปไม่ได้ก็ตามที แต่ก็จะเท่ากับเป็น “นิรโทษกรรม” ผู้กระทำความผิดที่ศาลตัดสินแล้ว และคดีที่ค้างคาอยู่อย่างมากให้ลอยนวลกันเลยทีเดียว ...๐
“ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกลให้เหตุผลถึงการแก้ไขมาตรานี้ไว้ว่า “ไม่ได้เป็นการยกเลิกกลไกการคุ้มครองเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ แต่ปรับปรุงให้เข้ายุคสมัย ซึ่งสิ่งที่เราเสนอคงไม่ถูกใจคนที่เห็นว่าควรยกเลิกไปเลย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเราพยายามเสนอข้อเสนอที่จะรับกันได้มากที่สุด!!!” ฟังเหมือนดูดี แต่ลองมาพินิจถ้อยคำของ “คารม พลพรกลาง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ที่ไม่ร่วมลงชื่อ ที่ระบุว่า "มองในแง่หลักการ บางอย่างยังไม่ถึงเวลา ตามหลักการกฎหมายแม้เขียนออกมา แต่ถ้าคนไม่ได้ทำผิด ก็ไม่เป็นปัญหาต่อคนนั้นๆ อีกทั้งขนบธรรมเนียมแต่ละประเทศแตกต่างกัน ประเทศไทยมีระเบียบการปกครองเป็นเอกลักษณ์ มีลักษณะเฉพาะพิเศษ” ขนาดคนพรรคเดียวกันแท้ๆ ยังเห็นไปกันคนละทางอย่างนี้ แล้วจะโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาได้อย่างไรเล่า ...๐
ที่ขำไม่ออกเข้าไปอีก คือ ตอนร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์มีการล่าชื่อประชาชนกว่า 1 แสนคนเข้าชื่อเสนอต่อรัฐสภานั้น บรรดาฝ่ายค้าน โดยเฉพาะก้าวไกลต่างเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตู ในเรื่องดังกล่าว แต่ล่าสุด “กลุ่มไทยภักดี” ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่นำรายชื่อประชาชนกว่าแสนคนขวางการแก้ไขมาตรา 112 ทำไมไม่มีเสียงของพรรคก้าวไกลออกมาสนับสนุนบ้าง เล่า โดยเจ้าของทฤษฎีกระดุม 5 เม็ด อ้อมแอ้มตอบว่าเป็นแค่เรื่องความเห็นต่างเท่านั้น ...๐
เห็นแบบนี้เลยนึกไปถึง โพสต์ของ “สมบัติ ทองย้อย” หัวหน้าการ์ดเสื้อแดงที่ถึงกับงงว่าพวกฝั่งประชาธิปไตยไม่ได้เสียน่ารักทุกคน เพราะมีทั้งด่าสาดเสียเทเสีย ซ้ำร้ายบางคนอาจเผด็จการทางความคิดเสียด้วยซ้ำ ท่าจะสะท้อนภาพของพรรคใครได้อย่างดีในช่วงนี้ ...๐
หันมาเรื่องร้องเรียนกันบ้าง ซึ่งบางคนไม่ได้รับการเยียวยาจากโครงการของรัฐไม่พอ ยังถูกซ้ำเติมจากรัฐเสียด้วย โดยเฉพาะ “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)” ที่กำลังเก็บหนี้จากการหักเงินเดือนของบรรดาลูกหนี้ กยศ.ในปี 2564 โดยมีแชร์ข้อความในโซเชียลมีเดียว่า หากใครไม่อยากถูกหักเงินเดือน สิ่งที่ผู้กู้ต้องทำคือต้องเร่งชำระเงินงวดของปี 2564 ทั้งหมดภายในเดือน ก.พ. แน่นอนว่า วิธีการเก็บหนี้โดยหักเงินเดือนเป็นวิธีการหนึ่งที่ดี โดยเฉพาะบรรดาพวกชอบเบี้ยว หากแต่ไม่ควรเป็นตัวเลือกเดียวที่มีอยู่ เพราะต้องยอมรับมีบางคนสะดวกจ่ายเป็นรายปี และการมาหักเงินเดือนในช่วงได้รับผลกระทบโควิด-19 ไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ปีก่อน กยศ.มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. แต่ปีนี้ถ้าไม่มีก็ไม่ควรหาเรื่องซ้ำเติมกัน อย่าลืมว่า ลูกหนี้ กยศ.ดีๆ ก็มีเยอะ ...๐
ท.ศักดิ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |