10 ก.พ.2564- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ ส.ส.พรรคก้าวไกลยื่นชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ
นายพิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยให้สถาบันปลอดจากคำติฉินนินทา ปลอดจากคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ของสาธารณชน ซึ่งต้องดึงสถาบันให้พ้นการเมือง เรามีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลุ่มบุคคลเข้ามาฉกฉวยแอบอ้างความจงรักภักดีเพื่อใช้โจมตีอีกฝ่าย โดยเฉพาะการใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเครื่องมือฟ้องร้องกลั่นแกล้ง ปิดปากผู้อื่น
“เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ศาลไม่ให้ประกัน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หมายความว่าจำเลยทั้ง 4 อาจถูกจองจำไม่มีกำหนดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทั้งที่เป็นการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ไม่ใช่การก่ออาชญากรรมร้ายแรง วันนี้ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ต่อการชุมนุม แต่จำเลยในคดีมาตรา 112 ควรมีสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ภายใต้หลักการจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุด กรณีนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้มาตรา 112 ซึ่งกระทบเสรีภาพสิทธิประชาชนในยุคสมัยใหม่” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติแสดงความกังวลการใช้มาตรา 112 ในประเทศไทย ที่มีการจับกุมมากขึ้น มีการลงโทษที่รุนแรง เขาย้ำว่า ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ บุคคลสาธารณะย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ แม้จะมีการดูหมิ่นแต่ไม่มีเหตุที่จะลงโทษอย่างรุนแรง โดยขอให้ไทยทบทวนยกเลิกการดำเนินคดี และให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังในผู้ที่ใช้เสรีภาพแสดงออกอย่างสงบ
นายพิธา กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าการธำรงไว้ซึ่งสถาบันให้อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย จะไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้กฎหมายบังคับและการปราบปราม แต่ดำรงอยู่ด้วยความชอบธรรม และความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน ดังนั้น ก่อนจะสายไปกว่านี้เราต้องแสวงหากุศโลบายที่สอดคล้องกับยุคสมัย ทำให้สถาบันพ้นจากการเมือง ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง เพราะนอกจากปัญหามาตรา 112 แล้ว ปีที่ผ่านมายังมีการใช้กฎหมายอื่นๆเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกด้วย
เมื่อถามว่า ทุกครั้งที่หยิบยกเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ขึ้นมา จะมีผู้ออกมาคัดค้าน กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง นายพิธากล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติที่มีความเห็นต่างกัน แต่เราต้องคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ส่วนจะเป็นไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เราก็ต้องแก้กันไป แต่คงไม่พูดไม่ได้ ซึ่งคิดว่าคุ้มค่า
ถามว่า หลายคนยังเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลมีจุดประสงค์อื่นในการแก้มาตรา 112 นายชัยธวัช กล่าวว่า ตลอดชีวิตเห็นการล้มล้างการปกครองแบบเดียว คือการทำรัฐประหาร ยังไม่เคยเห็นการแก้ไขกฎหมายเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งการเสนอลดโทษมาตรา 112 ยังไม่ได้เป็นการยกเลิกกลไกการคุ้มครองเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ แต่ปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งเป็นการปรับลดเพื่อให้ได้สัดส่วนไม่ใช่โทษรุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง และแน่นอนว่าสิ่งที่เราเสนอคงไม่ถูกใจคนที่เห็นว่าควรยกเลิกไปเลย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเราพยายามเสนอข้อเสนอที่จะรับกันได้มากที่สุด
ถามต่อว่ากลุ่มไทยภักดีได้ยื่นคัดค้านการแก้ไข มาตรา 112 แล้ว นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งทุกเรื่องในสังคมไม่มีทางเห็นร่วมกันหมดอยู่แล้ว ส่วนกลัวถูกยุบพรรคหรือไม่ เราในฐานะพรรคการเมืองจะหลับตาไม่มองปัญหาความเป็นจริงในสังคมไม่ได้ ซึ่งปัญหาเรื่องอื่นๆเราก็ทำด้วย และในฐานะผู้แทนไม่ใช่เวลาที่เราจะกลัว แต่เป็นช่วงที่เราต้องแสดงความกล้าเรียกร้องมโนสำนึกโดยเอาความกลัวไว้ข้างหลัง ต้องทำหน้าที่ผู้แทนดีที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน ซึ่งเวทีก็รัฐสภาน่าจะเป็นทางออก
เมื่อถามว่า หากไม่กระทำผิดก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับบทลงโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมาย นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการมองด้านเดียว เพราะความจริงตัวกฎหมาย และการบังคับใช้มีปัญหา ดังนั้น พวกเราจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขให้เข้ากับยุคสมัย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |