‘หมอธีระ’ยกผลวิจัยเมื่อไหร่เริ่มไม่ได้กลิ่นเสี่ยงสูงติดโควิด


เพิ่มเพื่อน    

10 ก.พ.2564 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลก 10 กุมภาพันธ์ 2564สเปนทะลุสามล้านคนเป็นประเทศที่ 7 ของโลก เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 387,331 คน รวมแล้วตอนนี้ 107,328,776 คน ตายเพิ่มอีก 12,900 คน ยอดตายรวม 2,347,030 คน อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 94,128 คน รวม 27,767,151 คน ตายเพิ่มอีก 2,562 คน ยอดตายรวม 478,532 คน อินเดีย ติดเพิ่ม 10,602 คน รวม 10,858,300 คน บราซิล ติดเพิ่ม 51,486 คน รวม 9,599,565 คน รัสเซีย ติดเพิ่ม 15,019 คน รวม 3,998,216 คน กำลังจะแตะสี่ล้านคนในวันนี้ สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 12,364 คน รวม 3,972,148 คน 

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น  แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องแบบทรงตัว บางประเทศแนวโน้มลดลง เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เวียดนาม เมียนมาร์ และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่กัมพูชา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ 

แนวโน้มการระบาดซ้ำในระลอกถัดไปนั้น มีบางประเทศได้ถอดบทเรียนไว้ให้เราได้เรียนรู้ ล่าสุดเกาหลีใต้ได้ศึกษาการระบาดระลอกสามเมื่อเทียบกับระลอกสอง พบว่า ลักษณะการระบาดต่างไปจากเดิม โดยการติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อน (local cluster) ตามพื้นที่ต่างๆ จะลดลง แต่จะแพร่กันมากขึ้นผ่านการพบปะติดต่อกันส่วนบุคคล (personal transmission) นอกจากนี้ยังพบว่าการระบาดระลอกสามนั้นจะใช้เวลาในการคุมนานกว่าเดิมราว 3 สัปดาห์ และทำให้อัตราเสียชีวิตสูงกว่าเดิมราว 1.38 เท่า โดยย้ำเตือนว่า หากเห็นแนวโน้มการระบาดซ้ำ จำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการที่เคร่งครัดโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาระยะห่างระหว่างกัน

ทีมงานวิจัยจากอินโดนีเซีย เผยแพร่ผลการวิจัยที่รวบรวมการศึกษา 10 ชิ้นที่รวมผู้ป่วยกว่า 20,000 คนจากทั่วโลก และนำมาวิเคราะห์อภิมาน พบว่า หากมีอาการดมไม่ได้กลิ่น (anosmia) หรือได้กลิ่นน้อยลง (hyposmia) จะเป็นตัวทำนายว่ามีโอกาสเป็นโควิดได้สูง ทั้งนี้พบว่าคนที่มีอาการดังกล่าวเสี่ยงที่จะเป็นโควิดมากกว่าคนไม่มีอาการดังกล่าวถึง 4.56 เท่า (ช่วงความเชื่อมั่นระหว่าง 3.32-6.24 เท่า) ผลจากการวิจัยนี้มีประโยชน์ที่จะให้เราประเมินตนเองได้ว่า หากมีอาการดังกล่าว ก็ควรสงสัยไว้ว่าอาจติดเชื้อ และควรรีบไปตรวจรักษา

ยังยืนยันเช่นเดิมว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเรายังไม่ปลอดภัยครับ ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร ออกตะลอนเท่าที่จำเป็น ลดละเลี่ยงการดื่มกินในร้าน ซื้อกลับจะดีกว่า นี่ไม่ใช่เวลาท่องเที่ยวสังสรรค์พบปะกันเป็นกลุ่ม คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ควรหยุดเรียนหยุดงาน และรีบไปตรวจรักษา

เรื่องวัคซีนนั้น โปรดติดตามรายละเอียดอย่างถ้วนถี่จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ปรึกษาแพทย์ที่ท่านไว้ใจเชื่อใจมั่นใจ ขอให้ถามไถ่ให้กระจ่างถึงสรรพคุณ ความปลอดภัย โดยเจาะลึกไปถึงรายละเอียดงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน จะทำให้เข้าใจความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น และนำมาชั่งน้ำหนักกับโอกาสที่จะเกิดประโยชน์ ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม  เพราะเรื่องเหล่านี้ส่งผลต่อสวัสดิภาพ และความปลอดภัยในชีวิตของทุกคน ดังนั้นจึงควรตัดสินใจด้วยตนเอง โดยใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นแสงส่องทาง ด้วยรักต่อทุกคน
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"