ระวังเจอประชาชนลุกฮือ 'จตุพร' เตือนลั่นไฟเขียว 'ไพบูลย์' คว่ำแก้รธน.-เลื่อนซักฟอก


เพิ่มเพื่อน    

9 ก.พ.64 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ว่า หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคลื่อนไหวล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจและคว่ำแก้ รธน.จนทำได้สำเร็จแล้ว เท่ากับท้าทายประชาชน แล้วบีบคั้นให้ออกมาชุมนุมไล่เผด็จการ ถ้าล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการแก้รัฐธรรมนูญ การไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะบังเกิดขึ้น คนไทยจะแข่งขันกับพม่าว่าใครจะทำสำเร็จกันก่อน ขออย่าประมาทกับการท้าทายมโนธรรมสำนึกของประชาชนที่มีความรู้สึกว่าถูกหักหลัง เคยวิเคราะห์ถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เคยคาดว่า ท้ายที่สุดจะอภิปรายฯไม่ได้ อาจมีการล้มโดยนายไพบูลย์ ได้ยื่นญัตติต่อสภาเพื่อขอเสียงข้างมากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื้อหาญัตติฯของฝ่ายค้านเข้าข่ายพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และถ้าศาลมีมติรับคำร้องจะส่งผลให้การอภิปรายฯ ในวันที่ 16-19 ก.พ. ต้องเลื่อนออกไป การอภิปรายฯของฝ่ายค้านครั้งนี้ อยู่กับเงื่อนไขสมัยประชุมสภาด้วย ดังนั้น ความน่าจะเป็นไปได้คือ ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายฯได้ ฝ่ายรัฐบาลจะขอเปิดประชุมลับ หากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับวินิจฉัย ปัญหามีตามมาว่า จะอภิปรายฯได้หรือไม่ หรืออาจต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนสิ้นสุดก่อน ถ้าศาล วินิจฉัยว่า อภิปรายฯได้ คำถามสำคัญยังมีอีกคือ จะอภิปรายฯได้ทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ ถ้าวินิจฉัยว่า อภิปรายฯไม่ได้ ก็จบแบบปลาตายน้ำตื้นไปโดยปริยายเลย  

นายจตุพรกล่าวว่า การอภิปรายฯครั้งนี้ฝ่ายค้านต้องใช้โอกาสทำลายความชอบธรรม โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารผิดพลาดล้มเหลวในยามประชาชนลำบาก นายไพบูลย์ คนนี้เป็นมืองานให้รัฐบาล เคยเป็น สว.ในกลุ่ม 40 ซึ่งเครือข่ายของผู้มีอำนาจทางการเมืองมายาวนาน การมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ จึงขยับขับเคลื่อนจึงแสดงถึงฝ่ายรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ นายไพบูลย์ยังเคลื่อนไหวให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ทั้งฉบับหรือไม่ ทั้งที่ญัตติของฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่ได้แก้ไขทั้งฉบับ การทำงานของ ส.ส.ร.ต้องทำตามกรอบของร่างแก้ รธน. ในวาระแรก โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 การยื่นต่อศาลให้ตีความการแก้รัฐธรรมนูญนั้น จะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ หาทางออกให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เสียหาย ช่วงหาเสียงเลือกตั้งไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นทั้ง 2 เรื่องคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจกับแก้รัฐธรรมนูญ จึงต้องนำไปผูกไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด  

“การคว่ำการแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่าประชาชนจะไม่ยอม มีความหวังว่าจะได้ ส.ส.ร.มาแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเริ่มต้นทางการเมืองกันใหม่ แต่คนพวกนี้ซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล เชื่อในเสียงข้างมากสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงไม่ต้องสนใจอะไร พวกเขาจึงต้องออกมาตัดเกมก่อน แต่ลืมคิดถึงประชาชนว่า จะเกิดความรู้สึกเผด็จการหวงอำนาจ อารมณ์เช่นนี้จะบีบคั้นให้เกิดกระแสไล่เผด็จการสองแผ่นดิน คือ พม่ากับไทยก็ไล่เผด็จการเหมือนกันผมขอสื่อความหมายไปแรงๆว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าไปถึงจุดที่ต้องถูกล้มกันแล้ว ผมเชื่อว่าคนจะไม่ทน”นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่นายไพบูลย์ ขยับในคราวนี้เชื่อว่าหวังผล แต่ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเมืองและผู้คนเดือดร้อนขณะนี้ จะเป็นชนวนสำคัญ ความรู้สึกว่า วันนี้ฝ่ายรัฐบาลชักจะมากไปทุกเรื่องราว ที่รัฐบาลอื่นๆพังกันมานั้น มาจากเหตุไม่ยอมให้คนอื่นมีที่ยืน รวมถึงถ้าเกิดความรู้สึกว่า บ้านเมืองไม่มีหวังอะไรได้เลย สุดท้ายคนก็จะลงถนน เพราะประเทศเมื่อไร้การตรวจสอบจะสร้างความอึดอัดให้ประชาชน ถ้ามีการคว่ำการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ภาพไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะเกิดขึ้น ขอให้คิดถึงแรงเหวี่ยงเช่นเดียวกับอาหรับสปริง คือ การเรียกร้องจะลามไปทั้งโลกและในความรู้สึกของผู้คน ถึงที่สุด ถ้าไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจจะกลายเป็นปัญหา ดังนั้นฝ่ายรัฐบาลต้องหลีกเลี่ยงหรือหยุดการกระทำเพื่อนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นข้ออ้างป้องกันตนเองและทำลายบุคคลอื่น เนื่องจากสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบคือการบริหาร อย่าได้ห่วงการอภิปรายฯของฝ่ายค้านจะมีการพาดพิง เพราะระบบสภามีการควบคุมกันอยู่แล้ว  

นายจตุพรกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แถลงต่อสภา ถ้าเบี้ยวคนจะรับไม่ได้ แสดงถึงต้องการสืบทอดอำนาจต่อชัดเจน ซึ่งนั่น เท่ากับบีบอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน อย่าประมาทหรือท้าทายมโนธรรมสำนึกของประชาชน เพราะเมื่อคนมีความรู้สึกว่า ถูกหักหลัง และถ้าท้ายสุดสิ่งที่นายไพบูลย์ขยับทำสำเร็จ การไล่เผด็จการสองแผ่นดินจะเป็นเรื่องถูกบันทึกไว้อย่างยาวนาน  

ส่วนสถานการณ์ในพม่า การชุมนุมของคนหลายสาขาอาชีพ ยิ่งทำให้ทหารอยู่ลำบากมากขึ้น ถ้าเกิดใช้ความรุนแรงปราบปราม อาจมีทหารบางกลุ่มออกมายืนอยู่ข้างขบวนการ ประชาชน พล.อ.มิน ออง หล่าย ซึ่งเป็นทหารธุรกิจผู้ร่ำรวย ส่วนทหารระดับล่างกลับอยู่อย่างยากลำบาก ดังนั้นทิศทางทหารเลือกการมายืนข้างประชาชนจึงเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"