9 ก.พ.64- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่าศาลอาญา ให้เพิกถอนคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่คลิป “ วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ตามคำร้องของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะ
1. ในการพิจารณาครั้งแรกถือเป็นการข้ามขั้นตอน เนื่องจากผู้ร้อง(นายธนาธร)ไม่ได้มีโอกาสเข้าชี้แจงในศาลแต่อย่างใด
2. เนื้อความที่พูดในคลิป ยังฟังไม่ได้ชัดเจนว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
3. นายธนาธรวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลในเรื่องการจัดการวัคซีนโควิด 19 แม้ได้กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ แต่ยังไม่ชัดว่าเป็นการกล่าวหา หรือตำหนิติเตียน หรือกล่าวให้สงสัยในความสุจริตของพระองค์ไม่ว่าในทางใดๆ
4. เรื่องการใช้คำว่า วัคซีนพระราชทาน ผู้ร้อง(นายธนาธร)อ้างว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ใช้คำนี้ก่อน ซึ่งผู้แทนกระทรวง ดี อี เอส มิได้โต้แย้งแต่อย่างใด
ประเด็นสำคัญคือ ศาลเห็นว่า นายธนาธรเพียงมุ่งโจมตีรัฐบาล แต่ไม่ได้มุ่งโจมตีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ดังนั้น อย่าได้ใช้คำสั่งศาล เพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โดยตีความนอกเหนือไปจากนี้เป็นอันขาด
เมื่อศาลพิจารณาเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าศาลได้ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ร้อง( นายธนาธร)อย่างเต็มที่แล้ว และเราก็ต้องยอมรับการวินิจฉัยของศาล
ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะศาลท่านพิจารณาตามคำร้องของกระทรวง ดี อี เอส และตามคำพูดในคลิป โดยไม่พิจารณาถึงเจตนาและ นัยยะแอบแฝงของผู้พูดในคลิปนี้
ในคลิป ที่ผู้พูดกล่าว สรุปได้ว่า รัฐบาลเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน และกล่าวต่อไปว่า เจ้าของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งยังกล่าวว่าบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ไม่
เคยประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจเลย เหมือนจะบอกว่า รัฐบาลเลือกบริษัทนี้ได้อย่างไร
ในที่นี้จึงใคร่ขอตั้งข้อสังเกตุดังนี้
1. นายธนาธรทราบแน่ๆว่า นี่ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงในระดับรัฐบาล โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพลเอก ประยุทธ์พูดชัดว่า “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ....” จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะกระทำไปโดยลำพัง โดยไม่มีการกราบบังคมทูล อย่างน้อยเพื่อให้พระราชทานความเห็นชอบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเจตนาให้กระทบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. การที่บอกว่ารัฐบาลเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยไม่มีการแข่งขัน เป็นความจริงเพียงเสี้ยวเดียว เพราะรัฐบาลไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่เลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ หากรัฐบาลเลือกฝ่ายเดียว โดยบริษัท Astra Zeneca ไม่ได้มาสำรวจและตรวจสอบอย่างดีแล้วว่าบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะผลิตวัคซีนได้ตามข้อกำหนดของ Astra Zeneca ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
3. การที่พูดว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ไม่เคยประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เพราะขาดทุนทุกปี แม้เป็นข้อเท็จจริง แต่เป็นการนำข้อเท็จจริงมาบิดเบือน เพื่อชี้นำให้คนดูคลิปเข้าใจว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ไม่มีขีดความสามารถที่จะผลิตวัคซีนได้ ทั้งที่บริษัทนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงก่อตั้ง และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว ทั้งยังมีบุคลากรที่มีขีดความสามารถสูงทั้งสิ้น แต่ที่ต้องยอมขาดทุนเพราะการสร้างกำไรไม่ใช่พันธกิจของบริษัท พันธกิจคือ การให้คนไทยได้เข้าถึงยาที่ราคาสูง เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีสูงได้ในราคาที่ต่ำลง เรื่องเหล่านี้ นายธนาธรตั้งใจให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เพื่อให้คนเข้าใจผิดหรือไม่
ด้วยเหตุนี้ แม้คำพูดเหล่านี้ไม่ชัดเจนว่าเป็นการกล่าวหา หรือทำให้เป็นข้อสงสัยในความสุจริตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่าในทางใดๆ แต่หากดูที่เจตนาแล้ว ชัดเจนว่า ผู้พูดในคลิป มีเจตนาอย่างไร ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อดูกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่ตามมา หลังจากการ “ไลฟ์สด” ของพวกม็อบ 3 นิ้ว
กระทรวงดี อี เอส ตัดสินใจถูกแล้วที่จะอุทธรณ์ผลการตัดสินของศาล และต้องอุทธรณ์โดยด่วนด้วย เพื่อหยุดการเผยแพร่คลิปนี้ให้เร็วที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |