'ปิยบุตร'ยกย่องตุลาการสร้างบรรทัดฐานใหม่ มีศาลที่ผดุงความยุติธรรมคุ้มครองเสรีภาพประชาชน


เพิ่มเพื่อน    

9 ก.พ.64-  เมื่อค่ำวันที่ 8 ก.พ. 2564 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ทำการไลฟ์ในเพจเฟสบุ๊คชื่อ ‘Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล’ รายการสนามกฎหมาย EP.19 โดยระบุว่า วันนี้ศาลอาญาได้ยกคำร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือ DE เป็นผู้ร้องขอ

สืบเนื่องจากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปร้องขอให้ศาลสั่งปิด URL 3 ลิงค์ คือ เฟสบุ้คไลฟ์ของนายธนาธร วิดีโอที่เผยแพร่อยู่ในยูทูป และเว็บไซด์ของคณะก้าวหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยกระทรวงดิจิทัลได้อาศัยช่องทางกฎหมายตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในการยื่นคำร้องให้มีการลบเนื้อหาดังกล่าว เช้าวันนี้ (8 ก.พ.) ศาลอาญาได้ตัดสินยกคำร้อง ดังนั้นจึงไม่ต้องระงับการเผยแพร่คลิปวัคซีนของนายธนาธร ตามการพิจารณาคดีของศาล คดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564

โดย นายปิยบุตร ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินคดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564 ของศาลได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา 4 ประการ โดยในอดีตที่ผ่านมาทางกระทรวงดิจิทัลส่งข้อมูลรายชื่อเว็บไซด์ที่ต้องการสั่งปิดไปให้ศาล แล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสั่งปิดไม่มีโอกาสได้โต้แย้งใดๆ แต่คำสั่งศาลตามคดีนี้ ได้สร้างแนวบรรทัดฐานขึ้นมาใหม่ ประการแรก ศาลได้ระบุในคำวินิจฉัยว่า การออกคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลโดยชัดแจ้งและถาวรเมื่อสิ้นสุดกระบวนการแล้วไม่มีโอกาสให้ผู้ใดได้โต้แย้งอีกต่อไป การอนุโลมใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ถูกต้องกับคำร้องเช่นนี้ สมควรที่จะรับพิจารณาเสมือนหนึ่งเป็นคดีอาญาคดีหนึ่ง ซึ่งต้องให้โอกาสคู่ความทุกฝ่ายได้ต่อสู้คดีเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้การให้โอกาสดังกล่าวยังเป็นหลักการสำคัญสำหรับการทำงานขององค์กรตุลาการตามหลักนิติธรรม จากคำตัดสินดังกล่าวนั่นหมายความว่าต่อไปนี้เวลาที่กระทรวงดิจิทัลรวบรวมรายชื่อเว็บไซด์ที่จะสั่งปิดมาให้ศาล ศาลจะไม่ได้สั่งปิดเลยแต่จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้คู่กรณีมาโต้แย้งกันก่อน แล้วศาลก็จะพิจารณาแล้วจะสั่งให้ปิดหรือให้ยกคำร้อง 

นายปิยบุตร ยังกล่าวด้วยว่า บรรทัดฐานใหม่เช่นนี้เป็นการสร้างหลักประกันให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและยังสร้างหลักประกันให้แก่ประชาชนที่ใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกผ่านทางช่องทางเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ต่างๆ 

เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยังได้ชี้ให้เห็นด้วยว่า ’คดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564’ ยังได้สร้างแนวบรรทัดฐานขึ้นมาใหม่ในประการที่สองในประเด็นที่ว่า เหตุแห่งการระงับการเผยแพร่ เหตุแห่งการปิดเว็บไซด์ต่างๆ ที่อยู่ในมาตรา 20 (1) ของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ศาลได้วางหลักใหม่ไว้ว่าการที่จะสั่งปิดหากข้อความที่เกี่ยวข้องมีความผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จะมาสั่งปิดตามมาตรา 20 ในทันทีไม่ได้เพราะว่ายังไม่รู้เลยว่าข้อความต่างๆ เป็นความผิดตามมาตรา 14 แล้วหรือไม่ หากผิดมาตรา 14 จริง ถึงค่อยมาพิจาณาสั่งปิดตามมาตรา 20 (1) 

นายปิยบุตร ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ประการที่สาม ศาลได้นำหลักความได้สัดส่วนหรือหลักความพอสมควรแก่เหตุมาใช้ในการพิจารณาตัดสินคดี การจะสั่งปิดสั่งลบได้ ตามมาตรา 20 (2) ของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นั้น ศาลได้แปลความ และระบุไว้ในคำวินิจฉัยในประเด็นนี้ว่า สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นสาระสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ยอมรับความหลากหลายและอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่าง สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนี้จึงถือเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับความคุ้มครองโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ตามหลักสากลของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีนิติรัฐและมีพันธกรณีในการปกป้องสิทธิมนุษชน ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยรับรองและเป็นภาคี ดังนั้นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจะทำได้เมื่อมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดและเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองประโยชน์อันชอบธรรมของรัฐ และการจำกัดเสรีภาพต้องได้สัดส่วนกับความจำเป็นโดยต้องใช้มาตรการที่เป็นภาระน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐดังกล่าว

“นี่เป็นนิมิตรหมายที่ดี ศาลท่านไม่ได้อ้างแต่รัฐธรรมนูญ แต่ท่านยังได้อ้างถึงข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนด้วย ไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ศาลท่านนำมาใช้ด้วย ตรงนี้หมายความว่าแนวทางการตัดสินคดีเกิดขึ้นแล้ว ถ้าหากกระทรวงดิจิทัลขอมาให้สั่งปิดเว็บไซด์ให้หน่อย ศาลท่านก็จะมานั่งดูก่อนว่ามาตรการสั่งให้ปิด มาตรการสั่งให้ลบ ได้สัดส่วนหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่ มีความจำเป็นหรือพอเหมาะพอควรหรือไม่ นี่เป็นมาตรฐานในการวัดว่ามาตรการในการจำกัดเสรีภาพต่างๆ เหล่านี้พอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ในคำวินิจฉัยของศาล ท่านยังได้เน้นให้การตีความคำว่า อาจกระทบต่อความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องตีความโดยเคร่งครัดและเป็นภาวะวิสัย ซึ่งภาวะวิสัยหมายถึงเป็นเรื่องที่วิญญูชนทุกคนเห็นแล้ว เห็นพร้องต้องกันว่าเป็นเช่นนั้นมิใช่มุมมองของคนใดคนหนึ่ง” นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร กล่าวว่า ประการที่สี่ ศาลยังได้พูดถึงกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยโดยศาลได้ระบุในคำวินิจฉัยว่า การพิจารณาว่าข้อความใดจะเป็นข้อความที่อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมด มิใช่พิจารณาเฉพาะตอนหนึ่งตอนใด ดังจะเห็นจากข้อความที่ผู้คัดค้าน(ธนาธร)นำเสนอนั้น เนื้อหาเกือบทั้งหมดมุ่งเน้นในเรื่องการกล่าวหารัฐบาลว่าบกพร่องในการจัดหาวัคซีน โดยมีการนำข้อมูลหลายอย่างมาสนับสนุน ข้อเท็จจริงเพียงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถือหุ้นบริษัทดังกล่าวมิได้ทำให้พระองค์เสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชังหรือไม่เป็นที่เคารพสักการะแต่อย่างใด ศาลยังได้ไปดูในรายละเอียดของคลิปวีดีโอด้วย ในกรณีที่คุณธนาธรบอกว่าคุณประยุทธ์จะรับผิดชอบไหวหรือไม่เพราะประชาชนจะตั้งคำถามกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นคือในหลวงรัชกาลที่ 10 ศาลบอกว่า ข้อความนี้ไม่อาจแปลความตามลำพังแยกขาดจากเนื้อความส่วนใหญ่ได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนเสริมจากข้อมูลส่วนใหญ่ของการนำเสนอที่กล่าวหารัฐบาลว่าผิดพลาดในการให้วัคซีนเกือบทั้งหมดถูกผลิตในบริษัทเดียว การกล่าวอ้างถึงคำถามต่อประชาชนต่อสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งอาจกระทบต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ไม่ได้มีลักษณะเป็นการชักชวนให้ประชาชนกล่าวโทษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่โดยลักษณะของข้อความที่สืบเนื่องกันมามีลักษณะเป็นการกล่าวหาว่าการกระทำของรัฐบาลจะกระทบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

“คลิปที่ธนาธร พูดไปนั้นไม่เข้า 112 ไม่ได้เป็นการกล่าวโทษ ไม่ได้เป็นการชี้ชวนให้สังคมมากล่าวโทษพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด แต่เป็นการกล่าวหาว่าการกระทำของรัฐบาลจะกระทบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศาลยังแปลความต่อด้วยว่า การแปลความข้อความที่กล่าวว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จนเป็นเหตุระงับการแพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นี้เป็นการแปลความเชิงภาวิสัย กล่าวคือ ตามความหมายเท่าที่ปรากฎตามตามตัวอักษรทั้งหมด ไม่พึงนำข้อมูลเฉพาะตัวของผู้คัดค้าน (ธนาธร) ซึ่งรวมถึงประวัติหรือแนวทางทางการเมืองมาพิจารณา ศาลยังพูดต่อไปด้วยว่า ถ้อยคำที่พูดในคลิปวีดิโอว่า ‘วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย’ ผู้คัดค้านซึ่งก็คือคุณธนาธรอ้างว่าเป็นคำพูดที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดทำนองนี้ และหน่วยงานของรัฐเคยใช้คำนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ผู้ร้อง(กระทรวงดิจิตัล)มิได้โต้แย้ง จึงฟังได้ตามที่ผู้คัดค้านนำสืบ ทั้งนี้แม้ว่าถ้อยคำจะไม่ตรงกันทั้งหมดแต่น่าจะแสดงว่าก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้มีการใช้ถ้อยคำที่แสดงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประกอบการจัดหาวัคซีนแล้ว การที่ผู้คัดค้านนำข้อความดังกล่าวมานำเสนอจึงไม่ใช่ความเท็จและลำพังข้อความดังกล่าวหากไม่ใช่ความเท็จก็ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระองค์จึงไม่ใช่การใส่ความ” นายปิยบุตร กล่าว

เลขาคณะก้าวหน้า กล่าวต่อไปด้วยว่า ศาลมองว่าการที่อะไรจะเป็นเรื่องที่กระทบความมั่นคง อะไรจะเข้า มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ต้องตีความโดยไม่ใช่การตัดถ้อยคำใดถ้อยคำหนึ่งไป ต้องดูความทั้งหมดแล้วต้องใช้การตีความแบบภาวะวิสัย ไม่ใช่การตีความแบบอัตตวิสัยของใครคนใดคนหนึ่ง

นายปิยบุตร ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า กรณีของคำสั่งศาลนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้พระราชบัญญัติหลายๆ ฉบับในประเทศไทยที่ออกกันมาแล้วมันมีปัญหาในทางตัวบทว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากจนเกินไป รวมทั้งกฎหมายหลายๆ ตัวออกมาแล้ว การใช้กฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทางลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ศาลอาจจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ผ่านการตัดสินคดี ผ่านการวางแนวคำพิพากษา อีกทั้งในช่วงเวลาที่เรามีความรู้สึกว่ากฎหมายจำนวนมากออกมาละเมิดสิทธิ ซึ่งออกมาในช่วงที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ตอนนี้เรามีศาลที่ผดุงความยุติธรรม ยึดมั่นในเรื่องหลักสิทธิเสรีภาพแล้วก็สามารถนำหลักการพื้นฐานต่างๆ มาปรับใช้กับการตัดสินคดีเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล และคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกด้วย.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"