ไทยติดเชื้อรายใหม่ 237 ราย หายป่วยวันเดียวรวดเดียว 700 ลุยตรวจเชิงรุกสมุทรสาครวันละหมื่นสิ้นเดือน ก.พ.  ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคห่วงชายแดนแม่สอด-มาเลเซีย สถานการณ์ไม่น่าวางใจ ชี้ต้องยกระดับควบคุมพื้นที่เข้มข้น  

    เมื่อเวลา 11.30 น. วันอาทิตย์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 237 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 225 ราย โดยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 113 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 112 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกจาก จ.สมุทรสาคร 107 ราย นอกจากนี้เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย
    พญ.พรรณประภากล่าวต่อว่า ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 23,371 ราย หายป่วยสะสม 16,942 ราย โดยวันเดียวกันนี้มีผู้ป่วยหายเพิ่มขึ้นถึง 668 ราย อยู่ระหว่างรักษา 6,350 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 79 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 106,342,867 ราย เสียชีวิตสะสม 2,320,445 ราย  
    พญ.พรรณประภากล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงประเด็น จ.สมุทรสาคร เกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อเชิงรุก โดยสิ่งที่กังวลมากคือความยากลำบากของพื้นที่ในจังหวัด เนื่องจากมีความแอดอัดทั้งในส่วนของโรงงานและชุมชนโดยรอบ จึงมีการพูดคุยถึงยุทธศาสตร์การป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาด โดยที่ผ่านมามีการตรวจคัดกรองเชิงรุกไปแล้วประมาณ 150,000 ราย
    "ก่อนหน้านี้มีแนวคิดจะลดการตรวจเชิงรุกในชุมชนจากวันละ  10,000 ราย ให้เหลือวันละ 2,000 ถึง 3,000 ราย แต่พิจารณาแล้วยังจะตรวจอย่างเต็มความสามารถคือวันละ 10,000 ราย ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ถ้าตัวเลขลดลงจริง จะสร้างความเชื่อมั่นถึงมาตรการที่จะตามมา คือการผ่อนคลาย หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกันต่อเนื่องระหว่าง จ.สมุทรสาครและ ศบค." พญ.พรรณประภา กล่าว  
    พญ.พรรณประภากล่าวว่า และจากระบบการประเมินการใส่หน้ากากอนามัย หรือระบบ AIMASK พบว่าระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-4 ก.พ. ในเขต กทม.มีผู้ใส่หน้ากากถูกต้อง 98.07% เพิ่มขึ้น 0.54 เปอร์เซ็นต์ ใส่ไม่ถูกต้อง 1.15% ลดลง 0.27% และไม่ใส่หน้ากาก 0.78% ลดลง 0.27% จากข้อมูลพบว่าการใส่หน้ากากอนามัยจะน้อยลงในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จึงขอฝากประชาชนให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกวัน
     ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ถ้าเทียบกับช่วงเดือน มี.ค.2563 ถือว่าอัตราการเสียชีวิตครั้งนี้ลดลง 10 เท่า ส่วนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร รองลงมาคือ กทม. ส่วนจังหวัดอื่นๆ มีผู้ติดเชื้อน้อยมาก หรือคิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสถานการณ์ภาพรวมทั้งประเทศขณะนี้พบผู้ติดเชื้อใน 4 จังหวัด ลดลงจากช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่พบผู้ติดเชื้อ 26 จังหวัด ดังนั้นส่วนใหญ่ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้ดี จะเหลือบางจุดที่ต้องระมัดระวังและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
    นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการแพร่ระบาดตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยพบผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวเมียนมาคนเดียว แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังครอบครัวได้กว่า 10 ราย และพอติดในครอบครัวแล้วก็อาจจะมีการกระจายไปในชุมชน
    "ดังนั้นวันนี้จึงมีการตรวจเชิงรุกในชุมชนที่ผู้ติดเชื้ออยู่อาศัยใน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป ขณะที่วิถีชีวิตของชาวบ้านใน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังมีการพบปะกับชาวเมียนมาอยู่ แม้จำนวนจะลดลงมาก แต่หากยังมีเหตุการณ์อย่างนี้อยู่ ก็จะทำให้การควบคุมสถานการณ์เป็นไปได้อย่างยากลำบาก จะพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มๆ อยู่เป็นระยะๆ ดังนั้นประชาชนใน อ.แม่สอด จ.ตาก จะต้องให้ความร่วมมืออย่างจริงจังและเข้มข้น" นพ.โอภาสระบุ
    นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่ชายแดนมาเลเซียนั้น มีการผลักดันผู้ต้องขังกลับสู่ประเทศต้นทาง ตอนนี้มีการรับผู้ต้องขังจากมาเลเซียเข้ามาในประเทศไทยหลายด่าน รวม 66 ราย พบผู้ติดเชื้อ 19 คน แต่เมื่อเข้าสู่ด่านในประเทศก็จะมีการคัดกรอง มีการกักกัน มีการควบคุมโรคที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อจากต่างประเทศจะไม่เข้าสู่ประเทศไทย ดังนั้นหากไม่เข้ามาแบบผิดกฎหมายหรือลักลอบเข้าประเทศ ปัญหาจะค่อนข้างน้อย
    "ส่วนการค้าขายตามชายแดนไทยมาเลเซียนั้น รถสินค้าที่ข้ามชายแดนจะไม่ให้เข้าในเมือง โดยจะให้วางสินค้าตามจุดชายแดนเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากัน หรือเซฟตี้โซน ซึ่งจะมีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกเป็นระยะ หากดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด โอกาสที่จะมีการติดเชื้อจากการขนส่งสินค้าก็จะมีได้น้อย แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่มาเลเซียยังไม่น่าไว้ใจ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีมาตรการอย่างเข้มข้น และความร่วมมือของประชาชนก็มีความสำคัญเช่นกัน" นพ.โอภาสกล่าว
    เมื่อถามว่า การค้นหาเชิงรุกมีผู้ติดเชื้อลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่สมุทรสาครนั้น แสดงว่าทิศทางการติดเชื้อลดลงหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า เราวางระยะการดำเนินงานควบคุมโรคที่ จ.สมุทรสาคร เป็น 3 ระยะ คือระยะ 1 การลงไปตรวจเชิงรุกทั้งจังหวัด เพื่อดูว่าการกระจายของโรคเป็นไปกว้างขวางเพียงใด ซึ่งผลจากการตรวจระยะแรกเราพบว่าการแพร่กระจายเชื้ออยู่ที่ อ.เมืองฯ และบริเวณรอบๆ ตลาดกลางกุ้งมหาชัย พื้นที่อื่นอัตราการติดเชื้อน้อย ส่วนระยะ 2 ตรวจเชิงรุกในโรงงานขนาดใหญ่และโรงงานที่มีการติดเชื้อ 10 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะที่ปูพรมการตรวจค่อนข้างเยอะ โดยตรวจวันละ 10,000 คน และระยะที่ 3 ในปัจจุบัน ให้โรงงานขนาดใหญ่สามารถทำงานได้
    "เมื่อมีการตรวจไปแล้วก็ใช้มาตรการให้คนงานอยู่ในโรงงานและที่พัก เพื่อไม่ให้แพร่กระจายเชื้อโรคออกไป ส่วนโรงงานขนาดเล็กและโรงงานย่อยก็ยังมีการตรวจเชิงรุกอยู่ในระดับหลายพันคนต่อวัน ดังนั้นยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม การตรวจคัดกรองยังมีอย่างต่อเนื่อง" นพ.โอภาส ระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ยังมีการส่งบุคลาการทางการแพทย์ลงไปสมทบในพื้นที่ จ.สมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมข้าราชการในพื้นที่  ได้เดินทางมาให้กำลังใจทีมแพทย์และพยาบาลตรังจำนวน 5 คน  การเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้ชื่อว่า นักรบชุดขาวจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 4 ทีม 33 คน ลงพื้นที่ระหว่าง? 8? ก.พ.ถึง? 6? มี.ค.นั้น เฉกเช่นเดียวกับทีมจากจังหวัดชัยนาท จำนวน 8 คน ซึ่งจะเดินทางไปร่วมปฏิบัติงานในการเฝ้าระวังคัดกรองโรคโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร ระหว่างวันที่ 8-14 กุมภาพันธ์ 2564   
    ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่โครงการเราชนะได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับเงินช่วยเหลือเยียวยาผ่านเว็บไซต์เราชนะ ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. ตัวเลขนับถึงวันที่ 5 ก.พ. มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 9.54 ล้านคน ซึ่งการลงทะเบียนจะเปิดถึงวันที่ 12 ก.พ. สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ล่าสุดกระทรวงการคลังแจ้งว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป ยังไม่มีกำหนดปิดรับลงทะเบียน.