รัฐประหารเมียนมากับ เกมภูมิรัฐศาสตร์มหาอำนาจ


เพิ่มเพื่อน    

          พอเกิดรัฐประหารที่เมียนมา ภาพของการแข่งขัน กดดันและต่อรองด้าน "ภูมิรัฐศาสตร์" ก็ปรากฏขึ้นให้ได้เห็นทันที

            สหรัฐฯ จะกดดันผู้นำทหารเมียนมาแรงแค่ไหน

            วอชิงตันจะใช้มาตรการ "คว่ำบาตร" หนักหน่วงเพียงใด

            เพราะมีประเด็นว่า หากการคว่ำบาตรมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวบ้านมากกว่าระดับผู้นำ อเมริกาจะต้องทบทวนวิธีการ "ลงโทษ" ผู้นำทหารที่ปกครองประเทศภายใต้ภาวะฉุกเฉินหรือไม่

            เพราะกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าได้พิจารณาปัจจัยทั้งหลายแล้ว สรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่เมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์นั้นเป็น coup d’etat หรือ "รัฐประหาร"

            มิใช่ปฏิบัติการภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญอย่างที่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายอ้างแต่อย่างใด

            ขณะที่สื่อทางการของจีนไม่เรียกว่า "รัฐประหาร" หากแต่ใช้คำว่า "การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งสำคัญ" หรืออะไรทำนองนั้น

            แต่สหรัฐฯ ก็ยืนยันว่า ความช่วยเหลือเมียนมาในด้านส่งเสริมประชาธิปไตยและชาวโรฮีนจาก็จะยังดำเนินต่อไป แต่จะลงโทษเฉพาะตัวบุคคลในกองทัพและผู้เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจครั้งนี้

            มีคำถามว่า หากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบีบรัฐบาลเมียนมาภายใต้การนำของทหารหนักขึ้น จะเป็นการผลักไสให้ขยับเข้าไปใกล้จีนมากขึ้นหรือไม่

            อย่างนั้นมิยิ่งทำให้ดุลมหาอำนาจในเอเชียเอียงเข้าข้างจีนและรัสเซียมากกว่าเดิมหรือ

            แนวคิดด้านหนึ่งเป็นเช่นนั้น

            นั่นคือยิ่งสหรัฐฯ บีบผู้นำทหารเมียนมามากเท่าใดก็ยิ่งเข้าทางจีนมากเท่านั้น

            แต่อีกแนวคิดหนึ่งมองว่า ปักกิ่งก็มิใช่ว่าจะสบายใจนักที่ผู้นำทหารเมียนมาตัดสินใจคว่ำกระดานทางการเมือง

            เพราะจีนวันนี้มิใช่จีนเมื่อ 20 ปีก่อน ที่จะหลับหูหลับตาสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการทหารโดยไม่คำนึงถึงกระแสต่อต้านจากประชาคมโลก

            ก่อนเกิดเรื่องรัฐประหารในเมียนมาเพียง 3 สัปดาห์  รัฐมนตรีต่างประเทศหวัง อี้ของจีน ได้ไปเยือนเนปยีดอและได้เข้าพบอองซาน ซูจี กับนายพลมิน อ่อง หล่าย

            หวัง อี้ได้ประกาศสนับสนุนทั้งรัฐบาลพลเรือนและกองทัพเมียนมาอย่างเปิดเผย

            จีนพยายามจะ "รักษาดุลถ่วง" ระหว่างขั้วอำนาจพลเรือนและทหารของเมียนมามาตลอด เพื่อให้สามารถปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงในประเทศเพื่อนบ้านนี้มาตลอดเช่นกัน

            ดังนั้นเราจะเห็นการปรับท่าทีของจีนที่น่าสนใจ...และไม่จำเป็นจะต้องกระโดดเข้าข้างกองทัพเมียนมาอย่างเต็มตัวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป

            แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จีนจะออกมากดดันรัฐบาลทหารของเมียนมาวันนี้อย่างโจ่งแจ้ง เพราะเมื่อเกิดสุญญากาศทางการเมืองในวันนี้ ปักกิ่งก็ย่อมจะใช้จังหวะและโอกาสนี้เพื่อสร้างประโยชน์เพื่อตนอย่างเต็มที่ที่สุดเช่นกัน

            เพราะอย่างไรเสียจีนก็ยังต้องการความร่วมมือจากเมียนมา (ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นรัฐบาล) ในอันที่จะทำให้นโยบาย  "One Belt One Road" ได้รับความร่วมมือในเมียนมา

            เพื่อสร้างเส้นทางคมนาคมจากทางตอนใต้ของจีนข้ามผ่านเมียนมาเข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับจีนทั้งด้านการค้าและยุทธศาสตร์ในระยะกลางและระยะยาวที่สำคัญยิ่ง

            จีนได้ซ่อมสร้างถนน Burma Road เก่าเข้าสู่รัฐฉานของเมียนมา

            และสร้างท่อส่งแก๊สธรรมชาติยาวเป็นพันกิโลเมตรจากยูนนานทางใต้ของจีนเชื่อมต่อกับอ่าวเบงกอล

            ท่อส่งน้ำมันอีกเส้นหนึ่งวิ่งขนานกับท่อส่งแก๊สธรรมชาตินี้ เชื่อมต่อระหว่างโรงกลั่นน้ำมันที่ยูนนานกับชายฝั่งเมียนมาเพื่อส่งน้ำมันดิบจากอ่าวเปอร์เซียและแอฟริกา

            นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างทางรถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือน้ำลึก และเขตอุตสาหกรรม ณ จุดที่ติดกับฝั่งอ่าวเบงกอลที่จีนวางท่อน้ำมันและแก๊สธรรมชาติไว้

            ทั้งหมดนี้คือ "ความเชื่อมโยง" ของผลประโยชน์จีนในเมียนมา ที่ปักกิ่งต้องนำมาพิจารณาร่วมกับการตัดสินใจเรื่องการเมือง การทูต และความมั่นคงอย่างปฏิเสธไม่ได้

            แต่จีนก็ตระหนักว่า คนในเมียนมาจำนวนไม่น้อยมีความระแวงในแผนการของจีนและมีความไม่พอใจลึกๆ ในรูปแบบต่างๆ

            ต้องไม่ลืมว่าเพื่อนบ้านที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของเมียนมาคืออินเดีย ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับจีนมาตลอดเช่นกัน

            วันนี้เมื่อเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมียนมาจึงต้องต้องเผชิญกับทั้งผู้มีประสบการณ์ในฐานะ "มือเก๋า" ด้านการถ่วงดุลมหาอำนาจที่เป็นเพื่อนบ้านอย่างจีนและอินเดีย

            กับมหาอำนาจจากแดนไกลเช่นสหรัฐฯ ที่ก็มีผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของตน ที่คนเมียนมาไม่อาจจะไว้ใจได้ทั้งหมดเช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"