7 ก.พ. เวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ผ่าน PM POSCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ทางเพจไทยคู่ฟ้า ว่า นอกจากชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแล้ว มีเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนของประเทศไทยที่หลายคนติดตามและกังวล เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตนเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งกว่าท่านอีก เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ คำถามที่ว่าเหตุใดประเทศไทยไม่จัดซื้อวัคซีนครอบคลุมจำนวนที่เหมาะสม และแผนฉีดวัคซีนในประเทศไทยล่าช้าเกินไปหรือไม่ รัฐบาลมีแผนแจกจ่ายวัคซีนในระยะยาวอย่างไรนั้น ขอเรียนว่าความพยายามในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ริเริ่มตั้งแต่ ส.ค.63 ภายหลังเห็นเงี่อนไขต่างๆ ของผู้ผลิตวัคซีน Covax ในลักษณะการจองวัคซีนล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองในมนุษย์ ประเทศไทยขณะนั้นยังไม่มีกลไกลจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขจ่ายเงินก่อนและมีโอกาสไม่ได้วัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคได้ปรึกษาหน่วยงานด้านกฎหมายในประเทศ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ได้รับหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางว่าไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้ว จึงมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 เพี่อให้สามารถจองวัคซีนล่วงหน้าได้ตามกฎหมาย
แผนการฉีดวัคซีนจะกระจายทุกกลุ่มประชากรตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับวัคซีนที่มีจะการส่งมอบ เพราะเมื่อจองไปแล้วไม่สามารถมาได้พร้อมกัน และเป็นความต้องการของหลายประเทศทั่วโลก ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฉีดวัคซีนเพี่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางรายไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น เรามองว่าการจัดซื้อวัคซีนจะพิจารณาตามคุณสมบัติของวัคซีน ได้แก่ การวิจัย พัฒนา และการผลิตของวัคซีนนั้นๆ ผลการวิจัยต้องได้คุณภาพ ประสิทธิภาพ และระยะเวลาในการส่งมอบ การบริหารวัคซีนที่ต้องใช้ในวงกว้าง การจัดเก็บ การขนส่ง รวมถึงการฉีดที่ต้องใช้ความชำนาญของบุคลากรในการฉีดให้กับประชาชนอย่างปลอดภัย ผลประโยชน์ระยะยาวที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ให้เราสามารถต่อยอดต่อไปได้ในอนาคต เพราะอาจจะมีโรคระบาดอื่นๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราต้องเตรียมการไว้
ส่วนที่มีคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลไม่จัดซื้อวัคซีนจากหลายบริษัท จะจัดซื้อแค่แอสตราเซเนกาและซิโนแวคเท่านั้นเป็นความประมาทของรัฐบาลหรือไม่นั้น ถ้าเราไม่มีการตรวจสอบ คัดกรอง ติดตาม ประเมินผล นั่นคือ สิ่งที่ประมาทมากกว่า เนื่องจากจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงนั้นสูงมาก การจองวัคซีนล่วงหน้าเป็นการแบกรับความเสี่ยง ที่เราจองวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นครั้งแรกนั้น เป็นช่วงที่มีการประกาศความพร้อมของ 3 บริษัทในช่วงไล่เลี่ยกัน คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตราเซเนกา ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจะมีวัคซีนอีกหลายรูปแบบที่จะทยอยประกาศผลสำเร็จในการวิจัย โดยที่เราต้องมีข้อมูลพิจารณาจองซื้อที่ประเทศไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย รวมถึงประสิทธิผลในการป้องกันการบริหารจัดการวัคซีนบางชนิดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในเรื่องอุณหภูมิจัดเก็บ ในเรื่องการขนส่งที่อาจจะต้องเป็นภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่แบกรับภาระการดูแลสุขภาพประชาชนในทุกมิติอยู่แล้ว เราต้องดูประเทศเราด้วย เป็นข้อพิจารณาข้อหนึ่ง ส่วนคำถามที่ว่าการคัดเลือกบริษัทเอกชนที่รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนมีวิธีการ ขั้นตอนอย่างไร มีสัญญาจ้างอย่างไรนั้น คำตอบคือ เรามอบสถาบันวัคซีนแห่งชาติประเมินศักยภาพผู้ผลิตวัคซีนในประเทศทุกแห่ง มีอนุกรรมการพิจารณาข้อเสนอของเอกชน ก่อนให้คณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบ ในส่วนของงบประมาณใช้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกลั่นกรองก่อนเสนอเข้า ครม.
ในส่วนคำถามที่ว่าแผนการฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากร ไม่สามารถภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่สังคมได้ ถือเป็นการใช้งบไม่คุ้มค่า และไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงหรือไม่นั้น ขอเรียนว่าวันนี้เราจะจัดหาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งเป้าไว้เท่านั้น ตอนนี้เราได้มาเท่าไหร่ก็ฉีดไปเท่านั้นก่อน เราไม่หยุดยั้งในการหายี่ห้ออื่น ที่จะจัดหาได้เพิ่มเติม วันนี้เราจัดหาได้จำนวน 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรประมาณ 31.5 ล้านคน และจะจัดหาเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายตามความสมัครใจ ไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไร ไม่ทำอะไรต่อเลย แต่คิดตลอดเวลา ส่วนที่ว่าหากบริษัทแอสตราเซเนกาไม่สามารถส่งมอบวัคซีนได้ทำตามข้อตกลงมีแผนดำเนินการอะไรต่อไปนั้น คำตอบคือ การจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นสามารถดำเนินการได้ และกำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากที่สุด อีกทั้งสายการผลิตที่แอสตราเซเนกาสามารถจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีอยู่ทั่วโลก ประเทศไทยเป็นแหล่งหนึ่งเท่านั้นของบริษัทนี้ นี่คือ การบริหารความเสี่ยงที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนคำถามที่ว่าเหตุใดไม่ให้องค์การเภสัชกรรมที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นผู้ผลิตวัคซีนแทนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่ต้องรอโรงงานให้พร้อมก่อนผลิต ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือนนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันหรือไม่ เพราะองค์การเภสัชกรรมไม่สามารถผลิตวัคซีนชนิด Viral vector ได้ เนื่องจากวัคซีนไม่เหมือนกัน และสยามไบโอไซเอนซ์ไม่ได้รอเพื่อทำโรงงานให้พร้อม แต่ที่รอคือการผลิตจริงตามมาตรฐานแอสตราเซเนกา ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ ธ.ค.63 เพื่อให้มีการขึ้นทะเบียนโดย อย.ไทย และเตรียมความพร้อมของบริษัท ที่วันนี้เขาพร้อมทั้งหมด เมื่อได้วัคซีนมาจะดำเนินการได้ทันที เราก็จะเป็นสายการผลิตหนึ่งในประเทศไทยและอาเซียนของแอสตราเซเนกา และยังมีบริษัทอื่นที่ร่วมมือกับแอสตราเซเนกาในการผลิตที่ภูมิภาคอื่นอีกด้วย ส่วนสาเหตุที่ให้สยามไบโอไซเอนซ์ที่มีผลประกอบการขาดทุน 500 กว่าล้านบาทผูกขาดการผลิตวัคซีนในประเทศไทยรายเดียว จะสามารถผลิตได้ทันเวลาหรือไม่นั้น ต้องเข้าใจว่าการที่เราจะเอาวัคซีนมาผลิตเองในประเทศ ต้องขึ้นอยู่แอสตราเซเนกาซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้คัดเลือกเอกชนที่จะร่วมดำเนินการกับเขา เขาจะพิจารณาความสามารถ บุคลากร และเครื่องมือที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีของแอสตราเซเนกา ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการเดิม และท่านทราบดีอยู่แล้วว่าสยามไบโอไซเอนซ์ตั้งมาเมื่อไหร่ เป็นวิสัยทัศน์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงตั้งไว้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีวัคซีนที่จำเป็น ไม่ได้หวังผลกำไร กำไรคือประชาชนได้ประโยชน์ เรื่องขาดทุนหรือกำไร อย่านำตรงนั้นมากังวล รัฐบาลได้ให้หลายบริษัทเข้ามาเสนอแล้ว แต่แอสตราเซเนกาเขาเลือกที่นี่ เราไปสามารถล็อคเขาได้อยู่แล้ว และสยามไบโอไซเอนซ์ลงทุนร่วมกับแอสตราเซเนกา โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต
ส่วนเหตุใดวัคซีนที่ประเทศไทยได้รับจึงมีราคาสูงเท่ากับราคาที่แอสตราเซเนกาขายให้กับประเทศที่ไม่ได้ร่วมลงทุนนั้น เป็นเรื่องที่แอสตราเซเนกาเป็นผู้กำหนดราคา โดยพิจารณาจากต้นทุนการวิจัย การผลิต และยึดนโยบายราคาเดียวในทุกประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน และการที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ถือว่าได้รับประโยชน์มากอยู่แล้วในการได้เทคโนโลยีการผลิตที่จะอยู่ในประเทศไทยไปตลอด คำถามที่ว่าเมื่อผลิตวัคซีนแล้วสิทธิบัตรวัคซีนจะเป็นของเอกชนทั้งหมดหรือไม่ และในสัญญาร่วมทุนกำหนดให้เอกชนถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต สิทธิบัตรวัคซีน ให้กับสยามไบโอไซเอนซ์ หรือองค์การเภสัชกรรมเพื่อผลิตราคาถูกให้คนไทยหรือไม่ และที่มีการตั้งคำถามว่าถ้าสิทธิบัตรเป็นบริษัทเอกชนอย่างเดียวเท่านั้น การร่วมทุนจะเป็นการสูญเปล่าของงบประมาณหรือไม่นั้น คำตอบคือ สิทธิบัตรเป็นของแอสตราเซเนกาทั้งหมด เนื่องจากเราซื้อมาจากเขา
ส่วนเทคโนโลยีนั้น เราจะนำมาเป็นความรู้เพื่อพัฒนาวัคซีนของเราเองในประเทศ ที่เราต้องนำมาดำเนินการเอง ซึ่งเราต้องพัฒนาวัคซีนอื่นๆด้วยในอนาคต โดยเป็นการถ่ายทอดการพัฒนาวัคซีน มันเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องของวัคซีน ซึ่งมีคำถามที่หลายคนกังวลต่อผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่นั้น ผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้จากทุกวัคซีนไม่ใช่เฉพาะวัคซีน โควิด-19 อย่างเดียว การพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่จะต้องดูข้อมูลการวิจัยอย่างครบถ้วนและรอบคอบมากที่สุด วัคซีนที่มีความปลอดภัย มีการทดสอบ 3 ระยะด้วยกัน คือการทดสอบในห้องทดลอง ในสัตว์และในมนุษย์ ในปริมาณที่มากพอสมควร โดยหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยตั้งแต่ อย.กรมวิทยาศาสตร์และกระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบตามมาตรฐานการให้วัคซีนที่ดี ซึ่งข้อมูลมาจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
ส่วนกรณีมีคำถามว่ารัฐบาลกีดกันไม่ให้บริษัทเอกชนนำเข้าวัคซีนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนนั้น ตนไม่ได้กีดกันรัฐบาลไม่ได้กีดกัน รัฐบาลโดย อย.ยินดีให้ทุกบริษัทมาขอขึ้นทะเบียน ได้มีการเปิดช่องทางพิเศษ โดยปัจจุบันมีผู้มาขอขึ้นทะเบียนแล้ว 3 รายและได้รับทะเบียนแล้ว 1 ราย คือ บริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ที่เหลือก็ขอให้ยื่นมา ถ้าเข้ากับกติกา หลักเกณฑ์ที่ตนได้เคยกล่าวไปแล้ว ก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมดในระยะต่อไป
สำหรับความจำเป็นในการฉีดวัคซีนต้องฉีดทุกคนหรือไม่นั้น การฉีดวัคซีนจะต้องกระตุ้นคนๆนั้นให้สร้างภูมิต้านทานได้หรือไม่ 95 เปอร์เซ็นต์ บางทีก็ 100 เปอร์เซ็นต์ เกือบทุกวัคซีนจะกระตุ้นได้แน่นอน แต่ตนเห็นว่าไม่พอและทางการแพทย์บอกว่าไม่พอ เพราะการมีภูมิต้านทานไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันโรคได้ วัคซีนเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่ว่าวัคซีนไข้หวัดเราทดลองจนครบทางการแพทย์ ที่กำหนดไว้คือฉีดและติดตามผลอย่างน้อย 1 ปี เพื่อจะดูผลสุดท้ายว่าผลลัพธ์ป้องกันได้จริงๆ แต่ตอนนี้เรารอไม่ได้ เพราะมีการแพร่ระบาดและมีคนตายทั่วโลกเป็นล้านคน ฉะนั้น เรามีช่อง ในรายที่มีการระบาดเยอะ เราเรียกว่า การอนุมัติแบบฉุกเฉิน ให้มีการฉีดไปก่อนหากมีปัญหาเราก็แก้ไขไป
และวัคซีนที่ออกมาทั้งหมดนี้ ตนจะพูดให้ชัดว่าผลตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่ เพราะต้องรอให้ครบ 1 ปี แต่ตอนนี้เรามีผลเบื้องต้นว่าอย่างน้อย ผลข้างเคียงไม่เยอะ ยอมรับได้ ซึ่งผลข้างเคียงก็ต้องมีโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราคุ้นเคยกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ผลข้างเคียงเราก็มีข้อมูลอยู่ว่าฉีดไปล้านคนอาจจะตาย 1.1 คน เราไม่อยากให้มีใครตายสักคน ขอให้เข้าใจด้วย ทั้งนี้ หากดูข้อมูลปัจจุบันของวัคซีนโควิด-19 ถ้านับเป็นล้านคนจะตายประมาณ 11 คน นี่คือสถิติที่ถือได้ว่ายอมรับในทางการแพทย์ ถ้าฉีดวัคซีนโอกาสติดเชื้อก็มี แต่โอกาสที่จะป่วยน้อยลงเราก็มีข้อมูลอยู่ หรืออาจจะเป็น แต่ไม่รุนแรง หรือโอกาสที่จะป่วย และอัตราการตายน้อยลงกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่อย่างหนึ่งที่เรายังบอกไม่ได้คือฉีดไปแล้วจะป้องกันการแพร่เชื้อและป้องกันการติดโรคได้หรือไม่ ตรงนี้ยังบอกไม่ได้ข้อมูลยังไม่พอ ทุกอย่างต้องได้รับการทบทวนกลั่นกรองและติดตาม ผ่านการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงมาหมดแล้ว วัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จำกัด ผล 95 เปอร์เซ็นต์ แอสตราเซเนกา ผล 90 เปอร์เซ็นต์ ซิโนแวค ผล 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นอย่างนี้บางคนบอกว่าไม่อยากฉีด แต่ในทางแพทย์ถือว่าเท่ากัน เพราะเราถือมาตรฐาน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ตั้งเอง องค์การอนามัยโลก( WHO) เป็นผู้กำหนดขึ้น อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้หวัดที่เราฉีดกันทุกปีได้ผล 50 เปอร์เซ็นต์เอง ต้องเข้าใจข้อเท็จจริงตรงนี้ว่าคืออะไรไม่เช่นนั้นจะกังวลกันไปหมด ตอนนี้เราอาจจะได้วัคซีนจากประเทศจีนมาอาจจะได้ผล 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ยืนยันว่าไม่ได้แตกต่างกันเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่ยอมรับได้อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นทำให้การแพร่ระบาดลดลง
ถ้าถามว่ากลุ่มไหนที่ควรได้รับวัคซีนก่อนนั้น เราต้องดูปริมาณวัคซีนที่ได้รับเข้ามาจากการสั่งจอง ซึ่งเป็นการทยอยนำเข้ามา แม้แต่สยามไบโอไซเอนซ์ก็ต้องทยอยผลิตตามระยะเวลาขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ การจองรอบแรกจำนวน 26 ล้านโดส บวกกับอีก 35 ล้านโดส อาจมาจากการผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น สิ่งที่ต้องพิจารณาคือปริมาณวัคซีนที่เราได้รับทั้งการผลิตเองและการนำเข้า
สำหรับบุคคลที่จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อนมี 2 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกคือบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่มีโรคร่วม เช่นเบาหวาน ความดัน เป็นต้น กลุ่มที่สามคือ กลุ่มผู้สูงวัยโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคร่วม โรคประจำตัว คนเหล่านี้ถ้าติดเชื้ออาการจะรุนแรงมีอัตราการตายสูง การฉีดวัคซีนอย่างน้อยเพื่อการป้องกัน ทั้งนี้ จะพิจารณาความเสี่ยงส่วนตัวของผู้สูงวัยรวมทั้งมีโรคร่วม และความเสี่ยงในพื้นที่ เช่นที่ จ.สมุทรสาครก็น่าจะครอบคลุมพิจารณาถึงกลุ่มแรงงานและประชาชนในพื้นที่จะต้องพิจารณาวัคซีนให้เหมาะสม ถือเป็นแผนที่เตรียมไว้ขั้นต้น แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั้งการรับวัคซีนและการแพร่ระบาด จะพิจารณาดูว่าจังหวัดใดมีความเสี่ยง จังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เราจะดูถึงความจำเป็น ทุกคนมีความต้องการทั้งหมด แต่ต้องเข้าใจว่าเรามีวัคซีนจำนวนจำกัด ทั่วโลกมีบริษัทที่ผลิตวัคซีนไม่ถึง 10 บริษัทซึ่คาดการณ์ว่าเกือบปีถึงจะฉีดวัคซีนได้ทั้งโลก เรื่องเหล่านี้ต้องคิดและใคร่ครวญให้ดีว่าจะเชื่อใคร แม้ประเทศไทยจะมีการติดเชื้อสูงขึ้นแต่ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับหลายๆ ประเทศ
การมีวัคซีนป้องกัน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะป้องกันได้ 100% เพราะวันนี้เป็นกันทั้งโลก แต่วัคซีนเป็นความหวัง ตนเชื่อว่าการผลิตวัคซีน การพัฒนา จนกว่าจะนำมาฉีดให้กับคนทั่วโลกอย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี และไม่ใช่ว่าต้องรอวัคซีนเพียงอย่างเดียว มาตรการสำคัญสูงสุดที่ได้ย้ำเสมอคือการขอความร่วมมือทั้งจากประชาชน เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบธุรกิจ สถานประกอบการ ต้องช่วยกันรับผิดชอบ และที่ทำได้เลยและป้องกันได้ทันทีคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ การใช้แอลกอฮอล์เจล การเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนขอความร่วมมือว่าอย่าเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง มีการชุมนุมอยู่ใกล้ชิดกัน หรือการดื่มสุราบางครั้งก็สนุกสนานจนเกินเลย
และขอการลงทะเบียนขึ้นทะเบียนออนไลน์ ทั้งเว็บไทยชนะและแอพพลิเคชั่นหมอชนะ ต้องขอความร่วมมือเพื่อจะได้ตามตัวได้ว่ามีการแพร่กระจายไปในพื้นที่ใดบ้าง ถือเป็นความรับผิดชอบทางสังคมของทุกคน เพราะเราคือคนไทย ประเทศไทย และนี่คือวัคซีนอีกประเภทหนึ่งเป็นวัคซีนที่ทุกคนทำได้เอง นอกจากการรอวัคซีนที่จะนำมาผลิตภายในประเทศรวมทั้งจากต่างประเทศ เป็นวัคซีนที่ทำจากตัวของทุกคนในการป้องกัน ขอให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดออกมา ไม่มีใครอยากทำให้ทุกคนลำบากหรือเดือดร้อน แต่เมื่อมีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของประชาชนจึงต้องร่วมมือกันไม่เช่นนั้นก็ไปไม่ได้ทั้งหมด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |