มั่นใจ3ป.รอดซักฟอก โพลเชื่อปรับครม.ครั้งใหญ่/ฝ่ายค้านตั้ง2วอร์รูมงัดรัฐบาล


เพิ่มเพื่อน    


    ซูเปอร์โพลเผยประชาชนคาดหวังข้อมูลซักฟอกรัฐบาล เชื่อ ครม.มีปัญหา หลังอภิปรายน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ แต่มั่นใจ 3 ป.ผ่านฉลุย ขณะที่เพื่อไทยได้โควตา 15 คน เจ้าของฉายา "สุทิน คลังแสง" นำทีม ฝ่ายค้านตั้ง 2 วอร์รูมสู้รัฐบาล
    เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง เชื่อมั่น 3 ป. ผ่าน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,730 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
    พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.9 คาดหวังต่อข้อมูลของฝ่ายค้านแน่น น่าเชื่อถือ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 9.1 ไม่คาดหวัง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.2 ระบุ พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลทำงาน มีปัญหาจริง ตามที่ฝ่ายค้านตั้งโจทย์ ในขณะที่ร้อยละ 9.8 ระบุไม่ได้มีปัญหาในการทำงาน
    ที่น่าสนใจคือ เกือบร้อยละร้อย หรือร้อยละ 99.3 ระบุหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องการให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 ระบุฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ชาติ และร้อยละ 93.0 ระบุต้นเหตุอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยปละละเลย ทุจริต ขนแรงงานเถื่อน บ่อนพนัน ยาเสพติด และอื่นๆ
    อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.8 เชื่อมั่นต่อ 3 ป. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะสามารถผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ฉลุย
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า “แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์” ใครทำอะไรไว้ไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองทั้งที่แยบยลและไม่แยบยล ย่อมจะมีพลังอะไรบางอย่างจัดการ “กวาดให้เรียบ” ยิ่งถ้าขั้วอำนาจใดมีรากลึกแข็งแกร่งเกินไป ขั้วอำนาจที่เหลือก็จะอ่อนแอ ยวบยาบ และบ้านเมืองก็จะเคลื่อนยาก เสาหลักต่างๆ อาจจะโคลงเคลง เพราะขาดความสมดุลแห่งอำนาจ (Balance of Power) ที่ดี
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า ดังนั้น การถ่วงดุลอำนาจต่างๆ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อแผ่นดินนี้เป็นเรื่องจำเป็น และหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจำเป็นต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าการปรับคณะรัฐมนตรี นั่นคือ การถ่วงดุลอำนาจไม่ให้ใครมีอำนาจคับฟ้า มากจนเกินไป เพราะอำนาจเป็นแหล่งผลประโยชน์ ที่ถ้าใครครอบครองมากเกินไปก็จะแข็งแกร่งมากเกิน จนขั้วอำนาจอื่นๆ ที่เหลืออยู่จะอ่อน ยวบยาบในวันหนึ่งข้างหน้า จนความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนจะถูกละเลย โดยเสียงที่ทุกข์ยากของประชาชนจะไปไม่ถึงผู้ปกครองสูงสุด “สมมาตรแห่งอำนาจ” จึงจำเป็น
    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายครั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้รับการจัดสรรเวลาอภิปราย 19 ชั่วโมง 45 นาที มี ส.ส.ที่จะขึ้นอภิปราย 15 คน อภิปรายรัฐมนตรีจำนวน 5 คน แต่ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นรัฐมนตรีคนไหนบ้าง โดยมี ส.ส.บางคนที่อภิปรายรัฐมนตรีมากกว่า 1 คน เบื้องต้นได้คุยกับ ส.ส.ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีไว้บ้างแล้ว โดยวันที่ 10 ก.พ. ทางพรรคเพื่อไทย จะมีการประชุมผู้อภิปรายเพื่อจัดเรียงลำดับการอภิปราย มั่นใจว่าข้อมูลที่จะให้ในการอภิปรายครั้งนี้มีหลักฐานชัดเจน และไม่มีการซ้ำประเด็น เนื้อหาตรงจุด ไม่มีออกนอกเรื่องอย่างแน่นอน
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ส.ที่จะขึ้นอภิปรายในครั้งนี้ อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน
    ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า การอภิปรายในครั้งนี้ทุกอย่างเป็นความลับ มีเพียง ส.ส.ในตำแหน่งเท่านั้นที่ดำเนินการ เพราะเกรงว่าจะถูกครหาว่าข้อสอบรั่วเหมือนครั้งที่ผ่านมา และขอชี้แจงว่าการอภิปรายครั้งที่แล้ว รัฐบาลเพิ่งข้ามาบริหารประเทศ เพียงไม่นานก็มีการอภิปราย งบประมาณก็ยังไม่ได้ใช้ จึงอภิปรายได้จำกัด แต่ครั้งนี้ประเทศมีวิกฤติ รัฐบาลบริหารมาได้ครึ่งเทอม มีทั้งวิกฤติโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจและสังคม ถ้าพรรคฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลคงไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้ถึง 10 คน และทุกวันนี้ก็ยังตกลงเรื่องของเวลาอภิปรายไม่ได้ เพราะข้อมูลแน่น จึงขอให้มั่นใจ ส่วนที่บางฝ่ายกังวลว่าการแถลงข่าวของตนเป็นการเฉลยการบ้านนั้น งานนี้เป็นเพียงแอพพิไทเซอร์ ขอให้รอดูเมนคอร์ส มันแน่ๆ
    นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในเบื้องต้นนั้น ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาจากการทำงานร่วมกันของ 6 พรรคฝ่ายค้านเดิม บวกกับอีก 1 พรรค คือพรรคไทยศรีวิไลย์ เราเห็นตรงกันว่าญัตติไม่มีปัญหา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เองก็ตรวจสอบแล้วบอกว่าญัตติที่เรายื่นไปไม่ขัดข้อบังคับหรือขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องเนื้อหาการอภิปราย พรรคก้าวไกลยืนยันชัดเจนว่าเราไม่ได้อภิปรายถึงสถาบัน แต่เป้าหมายของเราจะอภิปรายหัวหน้ารัฐบาล ว่าตลอดการบริหารราชการเเผ่นดินที่ผิดพลาด ได้นำเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างประชาชนผู้เห็นต่างอย่างไรบ้าง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องตอบให้ได้
    เขากล่าวว่า สำหรับภาพรวม ฝ่ายค้านจะมีการจัดตั้งทีมวอร์รูม 2 ทีมหลักใหญ่ๆ ดูแลทั้งในเเละนอกห้องประชุม คือ 1.วอร์รูมเตรียมการอภิปราย มีคีย์แมนหลักแต่ละพรรค คอยประสานงานเตรียมการมากว่า 1 เดือนแล้ว 2.วอร์รูมระหว่างอภิปราย นำโดย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล คอยมอนิเตอร์ ส่วนเรื่องเนื้อหาอภิปราย แต่ละพรรคต้องรับผิดชอบเอง 
    ซึ่งในส่วนของก้าวไกล แบ่งเป็น 2 ทีมใหญ่ๆ ทีมที่ 1 มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหัวหน้าทีม และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล คอยช่วยดูเนื้อหา ส่วนทีมที่ 2 พรรคมอบหมายตน ดูกรณีหากถูกพาดพิง เราได้เตรียมขุนพลไว้รับมือหากรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับแล้วหลายคน อาทิ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล เป็นต้น
    "เรามั่นใจว่าข้อมูลฝ่ายค้านไม่มีช่องโหว่ ข้อมูลศึกซักฟอกรอบนี้จะส่งผลสะเทือนรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาล ในกรณีข้อกล่าวหาที่มีมูล เราจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ด้วย ขอให้ผู้ชมทางบ้านติดตามให้ดี เรามั่นใจน้ำหนักข้อมูลดีกว่าการอภิปรายครั้งก่อน และมั่นใจข้อมูลจะนำไปสู่การลาออกของรัฐมนตรีบางคน เพื่อเเสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด แน่นอนว่าเสียงของฝ่ายค้านในสภาไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ แต่พยานหลักฐานที่ฝ่ายค้านนำมาตีแผ่ครั้งนี้ จะนำไปสู่การรับผิดชอบของรัฐบาลในการลาออกจากตำแหน่ง" นายณัฐวุฒิกล่าว
    ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.2564  ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 นั้น บัดนี้ จะสิ้นกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวันตามสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2564.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"