6 ก.พ.64 - นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงกรณีค่าโดยสารสายสีเขียวที่จะขึ้นราคา 104 บาท ในวันที่ 16 ก.พ. ว่า เป็นราคาที่แพงมาก ตนยื่นเรื่องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ไปก่อนหน้านี้แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆกลับมาทั้งที่จะมีการขึ้นราคาในอีก 10 วันข้างหน้า ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปีที่แล้ว นำมาซึ่งการยังไม่ต่อขยายสัญญาให้กับบีทีเอส สำหรับการอภิปรายครั้งนี้ก็จะมีการอภิปรายเรื่องดังกล่าว และจากข้อมูลที่ตรวจสอบพบว่าวันที่ 2 ก.พ. บีทีเอสทำหนังสือทวงหนี้ กทม.จำนวน 3 หมื่นล้านบาท ให้จ่ายภายใน 60 วัน เป็นหนี้ค่าจ้างวิ่งรถ 3 ปี 9 เดือนตั้งแต่เดือน เม.ย.60 ประมาณ 9600 ล้านบาท และหนี้ค่าซื้อระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) 2 หมื่นกว่าล้านบาท สาเหตุที่หนี้มีจำนวนมาก เพราะ กทม.ไม่ได้จ้างบีทีเอสวิ่งโดยตรง แต่ให้ บ.กรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นวิสาหกิจของ กทม.จ้างบีทีเอสวิ่งอีกทอด
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า บ.กรุงเทพธนาคมมีทุนจดทะเบียนแค่ 50 ล้านบาท เป็นหนี้ 3 หมื่นกว่าล้านบาทได้อย่างไร แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส และเมื่อไปดูต้นทุนบีทีเอสได้กำไรโดยเฉพาะในช่วงสถานีที่เป็นไข่แดง เพราะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวนมาก ขณะที่ กทม.จ้างบีทีเอสวิ่งรถถึง 3 พันล้านบาทต่อปี แต่ทางบีทีเอสวิ่งรถเองแค่ 2 พันล้านบาท ทำให้บีทีเอสกำไรมหาศาล
“ที่ พล.ต.อ.อัศวิน บอกว่าไม่สนใจ ให้ผมไปฟ้อง ป.ป.ช.ได้เลย ก็ไม่แปลกเพราะท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ท่านเป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้เพราะหัวหน้า คสช.ตั้งมา เป็นมรดกบาปของ คสช. หัวใจเลยไม่ได้อยู่กับประชาชน ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิดก็ทำคนเดือดร้อนทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ก็ยังจะขึ้นราคาค่าโดยสารอีก ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์มัวไปทำอะไรอยู่” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายในส่วนของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ว่ากระทรวงศึกษาธิการแบ่งการบริหารงานเป็นสี่แท่ง แต่ละหน่วยงานห้ามก้าวก่ายกัน ว่า ในวันที่ 7 ม.ค.64 นายณัฏฐพล อออกคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.11/2564 เพื่อทำแผนบูรณาการด้านการศึกษาเพิ่มศักยภาพการศึกษาของโรงเรียน แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิและข้าราการในกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการของแต่ละจังหวัด มีผู้กำกับนโยบาย คือปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แค่ออกหนังสือฉบับนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากหัวหนังสือเป็นคำสั่ง สพฐ.แต่ไปสั่งแท่งอื่นในกระทรวงได้อย่างไร และเมื่อไปดูผู้รับผิดชอบการดำเนินการในแต่ละจังหวัด ที่จะล้อกับประเด็นในญัตติใช้อำนาจแทรกแซงข้าราชการเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้อง จะเห็นว่านางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ที่มีพื้นฐาน จ.ปราจีนบุรี แต่ไปดูแล จ.บุรีรัมย์ จะเข้าใจพื้นที่ได้อย่างไร ส่วนนายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ เมื่อไปตรวจสอบประวัติแล้ว ท่านเป็นเพียงไฮโซ เคยมีแฟนเป็นดารา ได้ไปกำกับการศึกษาใน จ.ภูเก็ตทั้งหมด แล้วจะมีความรู้ด้านการศึกษาได้อย่างไร
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า การอภิปรายในครั้งนี้ทุกอย่างเป็นความลับ มีเพียง ส.ส.ในตำแหน่งเท่านั้นที่ดำเนินการ เพราะเกรงว่าจะถูกครหาว่าข้อสอบรั่วเหมือนครั้งที่ผ่านมา และขอชี้แจงว่าการอภิปรายครั้งที่แล้ว รัฐบาลเพิ่งข้ามาบริหารประเทศ เพียงไม่นานก็มีการอภิปราย งบประมาณก็ยังไม่ได้ใช้ จึงอภิปรายได้จำกัด แต่ครั้งนี้ประเทศมีวิกฤต รัฐบาลบริหารมาได้ครึ่งเทอม มีทั้งวิกฤตโควิด-19 วิกฤตเศรษฐกิจและสังคม ถ้าพรรคฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลคงไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้ถึง 10 คน และทุกวันนี้ก็ยังตกลงเรื่องของเวลาอภิปรายม่ได้ เพราะข้อมูลแน่น จึงขอให้มั่นใจ ส่วนที่บางฝ่ายกังวลว่าการแถลงข่าวของตนเป็นการเฉลยการบ้านนั้น งานนี้เป็นเพียงแอพพิไทเซอร์ ขอให้รอดูเมนคอร์ส มันแน่ๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |