อย่าโทษกันไปมา 'บิ๊กตู่' ปลุกพลังสังคมเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อมีภัยต้องไม่ทิ้งใคร


เพิ่มเพื่อน    

6 ก.พ.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ทางเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ว่า วันนี้ตนจะคุยเรื่องการบริหารจัดการกับการระบาดใหม่ของโควิด-19 ในประเทศของเรา เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาการระบาดใหม่ของโควิด ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63 ถึงปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโควิด -19 ในครั้งนี้ถือเป็นการระบาดใหม่ในประเทศที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับการระบาดในรอบแรก ซึ่งประเทศไทยเคยใช้เวลาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ภายใน 2 เดือน ในช่วงมี.ค.และเม.ย.63 ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 101 วัน จนกระทั่งถึงเดือนพ.ค.-ก.ย.ไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเลย มี 9 จังหวัด คือกำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง ที่ปลอดเชื้อตลอดปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ร่วมแรงของพวกเราทุกคนทุกภาคส่วนภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จนถึงทุกวันนี้ และเราเริ่มปรับตัวได้เป็นอย่างดีกับชีวิตวิถีใหม่  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้พวกเราทุกคนร่วมตั้งข้อสังเกตร่วมกันว่า เมื่อปีที่แล้วด้วยความไม่ประมาท เจ็บแต่จบ เราเลือกการล็อกดาวน์ เพราะเราและชาวโลกต่างไม่รู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน แต่เป็นการล็อกดาวน์ที่ค่อยเป็นและค่อยไปตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับการแพร่ระบาดทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ โดยคำนึงถึงความสมดุลเรื่องสุขภาพและปากท้อง และเราก็ประสบความสำเร็จ ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าปิดประเทศหรือตัดสินใจเมื่อสายไป สุดท้ายก็ต้องล็อกดาวน์อยู่ดี จนทำให้ไม่สามารถควบคุมโรคได้ จนถึงทุกวันนี้เกิดการระบาดระลอกที่ 2 และ 3 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ต้องดูต่างประเทศด้วย เราคนไทยมีคติภาษิตอยู่แล้วว่าเจ็บแล้วต้องจำ เราจะบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ และเราจะต้องวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการเรียนรู้ เชื่อมั่นว่ารู้จักกับการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับใช้มาตรการต่างๆให้สอดคล้องกับการระบาด โดยต้องตั้งอยู่บนหลักวิชาการและบริบทของประเทศไทย ซึ่งทุกประเทศมีความแตกต่างกันหมด ทั้งคน พื้นที่ ประชากร เช่น การที่เราจะปิดสถานประกอบการใดต้องพิจารณาจากตัวเลขสถิติที่จะสะท้อนการแพร่ระบาดของโรค ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. พบว่าการแพร่ระบาดร้อยละ 40 มาจากชุมชน ตลาด ร้อยละ 4 มาจากสถานบันเทิง ร้อยละ 3 มาจากบ่อนการพนัน ในขณะที่ร้านอาหารมีตัวเลขไม่ถึงร้อยละ 1 โดยตัวเลขเหล่านี้จะสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหมดและมาตรการของศบค.ในปัจจุบันทั้งสิ้น หลายคนอาจจะกล่าวอ้างว่าปิดตลาดแต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าเอื้อเจ้าสัว ไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะ ไร้ข้อมูลโดยสิ้นเชิง  

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้เรายังเห็นว่ารัฐบาลสามารถเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั้งประเทศได้ โดยหันมาใช้การแบ่งเป็นโซนพื้นที่ กำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของพื้นที่ในแต่ละระดับ มีการกระจายอำนาจในการตัดสินใจและกำหนดมาตรการในแต่จังหวัดให้กับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ที่เขาสามารถมองเห็นปัญหาและพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงได้สอดคล้องกับความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ ตอบโจทย์ได้มากกว่าเดิม วิธีนี้ช่วยลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวชุมชน และจะลดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของภาพรวมของประเทศได้มาก สำหรับ ศบค.จะมองในภาพใหญ่ ได้แก่การแบ่งจังหวัดออกเป็น 4 ระดับตามจำนวนผู้ติดเชื้อ ประกอบกับการแพร่ระบาด ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง พื้นที่ควบคุมสีส้ม พื้นที่เฝ้าระวังสูงสีเหลือง พื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว เพื่อให้แต่ละจังหวัดไปกำหนดมาตรการที่มีความเข้มข้นสอดคล้องกับพื้นที่ในสีต่างๆ  

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เช่น 1.ในเรื่องการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก และการสอบสวนโรค 2.การปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง 3.การค้นหาและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย 4 มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวออกนอกพื้นที่ 5.ระดับการควบคุมการเข้าออกของบุคคล และยานพาหนะ 6.การควบคุมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก และ 7.การแนะนำให้ work from home เป็นต้น อย่างไรก็ตามแม้ในอนาคตอันใกล้ถึงแม้เราจะมีการฉีดวัคซีน แต่เป็นเพียงมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรค แต่มาตรการ DMHT ป้องกันโควิด-19 ของเรายังคงจำเป็น และถือเป็นมาตรการหลักในทุกพื้นที่  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า และหากติดตามรายงานสถานการณ์ ศบค.อย่างใกล้ชิดทุกวัน จะเห็นว่าเรามีพัฒนาการไปในทางที่ดี ยังอยู่ภายใต้การควบคุม มาตรการที่ใส่ลงไปไม่ใช่ว่าจะรู้ผลในวันรุ่งขึ้น แต่ว่าจะมีวงรอบในการทำงานและการประเมินผลรอบละ14-15 วัน โดยช่วงแรกของการระบาดใหม่อาจจะมีความหนักหน่วงกว่าปีที่แล้ว เพราะเกิดการะบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว งานรื่นเริงที่มีของเมา ซึ่งเราได้ระดมสรรพกำลังติดตามสอบสวนโรคทุกคนนับพันนับหมื่นอย่างไม่ลดละ ต่อมาได้มีการปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น เข้าไปตรวจในโรงงาน ตลาด ชุมชนที่มีความเสี่ยง เมื่อเจอเคสที่ไหนก็กักกันที่นั่น ขีดวงให้อยู่สร้างแนวกันชน ไม่ให้มีการระบาดออกนอกพื้นที่ เช่น โรงงานต่างๆในสมุทรสาคร เราใช้วิธีนี้ซึ่งได้ผลมาก โรงงานใดที่แรงงานติดเชื้อกันมากแต่ไม่แสดงอาการ เพราะส่วนใหญ่แข็งแรงก็ทำ Bubble and Seal ควบคุม ไม่ต้องปิดโรงงาน แต่ปรับเป็นพื้นที่ดูแลกักกันทำงานต่อไปได้ ใครป่วยก็แยกออกมาโรงพยาบาลสนามจะไม่แยกออกไปข้างนอก เศรษฐกิจก็เดินหน้าต่อเนื่องได้ 

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนั้นรัฐบาลและศบค.ยังประยุกต์ในทางนี้กับชุมชน และถึงระดับจังหวัดอีกด้วย ปัจจุบัน เมื่อยอดผู้ติดเชื้อลดลง รัฐบาลได้ปรับการบริหารจัดการให้ยืดหยุ่นมากขึ้น มีการผ่อนคลายมาตรการ ควบคุมให้สอดคล้องกับความเป็นจริง แต่ก็ยังมีการกำหนดเป็นสีต่างๆจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ไปจนถึงระดับเฝ้าระวังในจังหวัด ที่ไม่พบมีการติดเชื้อ หรือมีการติดเชื้อน้อย มีจังหวัดแนวกันชน กับจังหวัดที่มีความเสี่ยงที่จะมีการกระจายโรคไปพื้นที่อื่น ส่วนพื้นที่ที่กำหนดไว้อยู่ในระดับเฝ้าระวัง จะมีการปรับเปลี่ยนให้เกิดการยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ ในแต่ละจังหวัด อาจจะพิจารณาปรับลดหรือเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการการควบคุมแบบบูรณาการตามความเสี่ยงแต่ละอำเภอได้ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการควบคุมเฝ้าระวังของหน่วยงานด้านความมั่นคง ท่านลองจินตนาการตามตนดู เส้นแบ่งเขตแดนของประเทศไทยมีมากกว่า 5,600 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติ มีเส้นแบ่งเขตชายแดนไทยเมียนมายาวมากที่สุดกว่า 2,400 กิโลเมตร มีชายทะเลสองฝั่ง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ยาวมากกว่า 3,100 กิโลเมตร ครอบคลุมถึง23 จังหวัด ซึ่งปัญหาต่างๆที่เกิดจากการระบาดระลอกนี้ตนได้สั่งการในฐานะเป็นผอ.ศบค. กำชับหน่วยงานความมั่นคงให้ดำเนินการควบคุม และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ซึ่งเราได้ทำมาโดยตลอดและเห็นว่า ฝ่ายที่กระทำความผิดก็จะหาวิธีการใหม่ๆ หาจังหวะ หาช่องทางเสมอมา ซึ่งเราได้ติดตามและพัฒนาไปสู่การตรวจที่เข้มข้นมากขึ้น วันนี้ระบบเฝ้าตรวจในชายแดนของไทยได้แบ่งการปฏิบัติออกเป็นขั้นๆอย่างเป็นระบบ เป็นระเบียบตั้งแต่ยามปกติและเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น ในยามวิกฤตนี้ 1.ตามแนวชายแดนเราใช้กำลังพล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จัดตั้งจุดตรวจชุดลาดตระเวนเดินเท้าเฝ้าระวัง ตามช่องทางธรรมชาติและพื้นที่ห่างไกลผู้คน ส่วนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ตามช่องทางพื้นที่ผ่านแดน รวมทั้ง ใช้โดรนตรวจทางอากาศ และเซ็นเซอร์ภาคพื้นดินต่างๆแทนคน ที่จะได้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง 2. พื้นที่จังหวัดชายแดนเราได้มอบหมาย ให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ อาสาสมัครทุกจังหวัดจัดให้มีการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยเข้มงวด  

“นับเป็นพลังทางสังคมที่มีส่วนร่วม เป็นยามเฝ้าแผ่นดินที่ช่วยให้บ้านเมืองปลอดภัยด้วย ในทุกมิติไม่ว่าจะด้านความมั่นคง โจร ผู้ร้าย กระบวนการต่างๆ ยาเสพติด ถ้าเราช่วยกัน เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน เราก็จะแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน เราก็จะได้ผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่ามัวแต่โทษกันไปกันมา เราต้องริเริ่ม เราต้องร่วมมือ อย่าไปปล่อยให้คนไม่ดีคนชั่ว หรือคนทำความผิด โจรผู้ร้าย เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา มาตรการทางสังคมเราก็ต้องมีในการช่วยกันเฝ้าระวัง”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเน้นย้ำทุกพื้นที่ในสถานการณ์โควิด-19 นี้ กระทรวงมหาดไทยได้สร้างกลไกเสริมเชื่อมโยง ศบค. ระดับประเทศ ลงมาถึงกลไกเฝ้าระวังระดับตำบล บูรณาการร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข มี อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ชาวไทย และอาสาสมัครแรงงาน เพื่อสร้างโครงข่ายเฝ้าระวังแบบรังผึ้งกระจายทั่วประเทศ สำหรับกระทรวงกลาโหมและตำรวจจะจัดชุดตรวจดูแลสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ดำเนินการในมาตรการป้องกันโรค ตามที่ศบค.กำหนด เข้มงวดตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งตรวจค้นหาจับกุม กลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ต้องดำเนินคดีส่งฟ้อง หากสถานประกอบการหรือโรงงานใดที่ยังเปิดขอให้เน้นมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในบริเวณโรงงานและที่พัก หากไม่ดำเนินการได้ตามที่กำหนดจะให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ สิ่งสำคัญคือลดการเคลื่อนย้ายการสัญจรของคน เพิ่ม work from home หากจำเป็นต้องเดินทางและเข้าออกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงควรติดตั้งแอบพลิเคชั่นหมอชนะ 

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องต่อไปคือการตรวจเชิงรุก หลักการทำงานของตนเน้นการป้องกันการ์ดไม่ตก และทำงานเชิงรุกในทุกๆเรื่อง ที่สำคัญถ้าจะแก้ปัญหาใดๆเราต้องเลือกแนวทางที่ยั่งยืน อย่างเช่นกรณีวัคซีน เราจะต้องไม่เป็นผู้ซื้อตลอดไป เราต้องแสวงหาโอกาสและช่องทางที่จะเป็นผู้ผลิต หรือผู้สร้างนวัตกรรมด้วยตนเองให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้า สำหรับการแก้ไขปัญหาโควิด การทำงานเชิงรุก ส่วนหนึ่งของ ศบค. ได้แก่การตรวจเชิงรุก ควบคู่กับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม สำหรับการตรวจเชิงรุกบางคนบอกว่าไปตีรังแตนหรือเปล่า ทำให้ตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อสูง อาจจะสร้างความตระหนกแต่ตนมองว่าเป็นการดับไฟที่ต้นตอมากกว่า ซึ่งช่วงแรกของการระบาดใหม่ในช่วง15ธ.ค.63-15ม.ค.64 ได้เน้นการทำงานเชิงรุกในการไล่ติดตาม สอบสวนโรคผู้ที่มีความเสี่ยง นับหมื่นนับพันเพื่อจะปิดโอกาสซูเปอร์สเปรดเดอร์ให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้โดยเร็ว ซึ่งใช้บุคลากรและทรัพยากรเป็นอย่างมาก และช่วงปลายเดือนม.ค. 64 เป็นต้นมา เราจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจมาตรการเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เราอาจจะพบเคสมากขึ้นแต่ก็ใช้แนวทางดับไฟ Bubble and Seal กักกันโรคให้อยู่ในพื้นที่เพื่อปิดการแพร่ระบาด 

“บ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ ทุกภาคส่วนสามัคคีกัน เช่นกรณีการระบาดหนักที่จังหวัดสมุทรสาครนั้น เจ้าหน้าที่ในจังหวัดทำงานหนักเท่าไหร่ก็ไม่พอ เสียสละกันเจ็บป่วยก็มี ซึ่งเราก็ได้รับกำลังเสริมมาจากทั่วประเทศ มีชุดสอบสวนโลกเกือบ 800 คนจาก 41 จังหวัด มีทีมเฝ้าระวังค้นหาตรวจเชิงรุกอีก 250 คนจาก 25 จังหวัด มีเครื่องไม้เครื่องมือที่รับพระราชทานมา ในส่วนของรัฐบาลและส่วนของกระทรวงสาธารณสุขก็มี เครื่องมือ การทำงานแบบไทยๆเช่นนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งของคนไทย เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกันไม่ควรทิ้งใคร หรือคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทย ดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตน ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนและสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง ผมเชื่อว่าในสิ่งเหล่านี้จะทำให้ท่านหันมาร่วมมือกับพวกเราและคนส่วนใหญ่ของประเทศ”พล.อ.ประยุทธ์ระบุ  

นายกฯ กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อไปทำไมต้องมีโรงพยาบาลสนาม หากมีญาติพี่น้องของท่านที่ไม่ป่วยโควิด และไปรักษาในโรงพยาบาลตามปกติ ท่านจะกังวลหรือไม่ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นจะปะปนกับผู้ป่วยที่เป็นโควิดในตึกเดียวกัน ที่มีทั้งผู้ป่วยและผู้มาเยี่ยมไปมาหาสู่กันตลอดวัน แม้จะระมัดระวังกันอย่างดี ก็ยังมีความลำบากและถือเป็นความเสี่ยง ถึงแม้ไม่ประมาทก็อาจพลั้งเผลอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้ป่วยในห้องไอซียู ดังนั้นโรงพยาบาลสนามจึงถือเป็นทางออกหนึ่งที่เป็นสากล สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทุกฝ่ายได้ โดยโรงพยาบาลสนามจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของหมอและพยาบาลในการดูแลทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ผู้ป่วยโควิดได้รับการรักษา การดูแลอย่างเหมาะสม แยกส่วนไม่ปะปนกัน รวมทั้งจัดพื้นที่ให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในการควบคุม ไม่แพร่เชื้อไปสู่ชุมชน เพราะเป็นระบบปิดคล้ายๆกับพื้นที่กักกันโรค ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานการระบาดวิทยาที่เข้มงวด  

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแต่ละแห่ง ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรกภายใต้การทำงานร่วมกันของกระทรวงสาธารณสุข และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอนุญาตให้จัดตั้งได้ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และมีการจัดโซนนิ่งให้ห่างจากชุมชน อาคารมีระบบจัดการน้ำเสีย การไหลเวียนของอากาศ เป็นต้น ทั้งนี้จะช่วยให้โรงพยาบาลปกติสามารถดำเนินการต่อไปในการดูแลประชาชน และชุมชนก็ไม่เสี่ยงไปด้วย ส่วนการเลือกอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เช่น อาจเป็นที่โล่งว่างเปล่า มีความเหมาะสมห่างไกลชุมชน ตามมาตรฐานทางการแพทย์ เป็นต้น ขณะที่การจัดการภายในโรงพยาบาลสนามก็จัดโซนสี เพื่อความปลอดภัยด้วย มีการจัดระบบบำบัดท่อน้ำเสียเฉพาะไม่ไปยุ่งกับท่อน้ำเสียของพื้นที่นั้นๆ โดยมีการใส่คลอรีนและน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อบำบัด และทดสอบน้ำในละแวกใกล้เคียงว่ามีเชื้อโควิคหรือไม่ ซึ่งการออกแบบระบบดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ รวมถึงกรมควบคุมโรคแล้ว ซึ่งในระยะแรกก็มีบ้างที่บางคนบางชุมชนไม่เข้าใจ แต่ภายหลังที่มีการสร้างการรับรู้มากขึ้นก็เกิดความร่วมมือมากขึ้น มีการเสียสละให้ใช้พื้นที่ ซึ่งเราก็มีการให้ข้อเท็จจริงและสื่อสารให้คนในชุมชน หากประชาชนสงสัยก็ให้สอบถามอสม. หรือโรงพยาบาลสนับสนุนประจำตำบล ได้ตลอด เราไม่มีการปกปิดข้อมูลและจะเปิดโอกาสให้ชุมชนแจ้งเหตุ หากเห็นอะไรที่จะเกิดความไม่ปลอดภัย จะได้ตรวจสอบป้องกันแก้ไขไม่ให้เชื้อออกสู่ชุมชน  

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ทั้งนี้ปัจจุบันในเรื่องของโรงพยาบาลสนามไม่มีการต่อต้านแล้ว และมีการจัดเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามความจำเป็นของสถานการณ์ และยังเหลือพื้นที่อย่างเพียงพอหากมีการระบาดมากขึ้น ซึ่งเราได้รับการติดต่อจากภาคเอกชนหลายรายในหลายจังหวัด สนับสนุนพื้นที่และอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอีกด้วย ต้องขอขอบคุณมากๆจริงๆ ทั้งนี้ตัวอย่างที่จังหวัดสมุทรสาครจำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลสนามมาก เพราะมีการตรวจเชิงรุกมาก เป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เป็นแหล่งผลิตสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเรายังคงมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการตั้งศูนย์ห่วงใยคนสาคร ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของโรงพยาบาลสนาม มี 8 แห่ง ขนาด 100-1,000 เตียงรองรับผู้ป่วยได้ถึง 3,200 คนในหลากหลายพื้นที่ ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนทุกฝ่าย ที่ช่วยกันสละทุ่มเทเผชิญรับความเสี่ยงไปด้วย ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย นายกฯและรัฐบาลก็จะสบายใจขึ้น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"