นักการเมืองแถวหน้าฝ่ายปชต. ฟันเปรี้ยงโอกาสโค่นเผด็จการทรราชเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยมาถึงแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

6 ก.พ.64 - นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก นักการเมืองที่อ้างตัวอยู่แถวหน้าฝ่ายประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้

โอกาสโค่นเผด็จการทรราช คสช. และเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย มาถึงแล้ว
คณะทหารพม่า นำโดย พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย บุตร บุญธรรมของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนของนาง ออง ซาน ซูจี ทำการปล้นอำนาจชาวพม่า ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมโลกอย่างรุนแรง 

ชาวพม่า ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไป เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ดารา นักแสดง กระทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารที่รักประชาธิปไตย แสดงปฏิกิริยาหลายรูปแบบเพื่อต่อต้าน ไม่ยอมรับการทำรัฐประหารของทหารพม่า เช่นการตีหม้อ การบีบแตรรถยนต์ การลาออกจากตำแหน่ง การหยุดปฏิบัติหน้าที่แพทย์ พยาบาล การหยุดสอนหนังสือ การหยุดเสียภาษีให้รัฐบาลเผด็จการ ซึ่งถือเป็นการอารยะขัดขืน ไม่สยบยอม ก้มหน้ารับใช้เผด็จการทรราช

นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นอารยะ ที่เคารพสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชน เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย รวมถึง เลขาธิการสหประชาชาติ ต่างประณาม คณะทหารพม่า ที่ทำรัฐประหาร และเตรียมมาตรการคว่ำบาตร กดดัน ให้ทหารพม่าคืนอำนาจ ให้นางออง ซาน ซูจี และพรรค NLD ที่ชนะการเลือกตั้งจากประชาชนชาวพม่า จึงเป็นกระแสที่ทั่วโลก กำลังดำเนินการทุกอย่าง ทุกมาตราการให้พม่ากลับคืนสู่ประชาธิปไตย ไม่ให้ที่ยืนต่อเผด็จการทหารในเวทีโลก

ส่วนประเทศไทยของเรา คณะเผด็จการทรราช คสช. นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะลูกรัก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คนหนึ่ง ได้สมคบคิดร่วมกับ นายทุน ขุนศึก ศักดินา อำมาตย์ ข้าราชการระดับสูงหลายคน องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ ปล้นประเทศ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ต่อจาก ที่คณะทหาร นำโดย พลเอกสนธิ บุญรัตตกลิน และคณะ ปล้นประเทศไปก่อนหน้าเมื่อ 19 กันยายน 2549 ที่เหล่าเผด็จการ และจอมเผด็จการ รู้สึกว่า เสียของ

เผด็จการทรราชไทย ได้กระทำการ อย่างแยบยลโดยให้ บรรดา ลิ่วล้อบริวาร ทั้งหลายในนาม แม่น้ำ 5 สาย คือ ครม. คสช. กรธ. สนช. และสปช. สร้างกฎ กติกาของโจรกบฏ ในนามรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช ปี 60 และสามารถสืบทอดอำนาจได้สำเร็จจนถึงปัจจุบัน และมุ่งมั่นสืบทอดอำนาจต่อเนื่องไปอีกยาวนาน อย่างน้อย 20 ปี โดยมีคนไทยส่วนหนึ่ง ที่นิยม ชมชอบเผด็จการทหาร หรือที่เรียกว่า สลิ่มสนับสนุน และใช้ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และ พรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ เป็นฐาน เผด็จการทรราชของไทย จึงแนบเนียน แยบยล มากกว่าเผด็จการทหารพม่าหลายเท่า อาจเรียก เผด็จการไทย เป็น ปรมาจารย์ด้านเผด็จการทรราช ก็ว่าได้ เพราะเป็นแชมป์การทำรัฐประหาร ปล้นประเทศ ปล้น อำนาจประชาชน แล้วคนในชาติไมาต่อต้าน

เผด็จการทรราช คสช. สามารถหลอกลวงประชาชน และ สังคมโลกได้ว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย เพราะผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริง เป็นการเลือกตั้งภายใต้กฎ กติกา ของโจรกบฏ คสช ที่เต็มไปด้วยการเอาเปรียบการทุจริต การคดโกงในกติกาที่ไม่เป็นธรรมประเทศไทยของเราในปัจจุบัน จึงเป็นรัฐเผด็จการทหาร  เต็มรูปแบบ และที่หนักหน่วง รุนแรงมากยิ่งกว่าพม่าเพราะไทย มีอำนาจของผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ชนชั้นปกครอง กลุ่ม ตระกูล ศักดินาล้าหลัง มีอำนาจเหนือคณะรัฐบาลเผด็จการ คสช อีกชั้นหนึ่ง ซ่อนตัว อยู่หลังม่าน กดขี่ ริดรอน สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ ทำลายประชาธิปไตย ทำลาย โอกาส ทำลายอำนาจของประชาชน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นการปกครองแบบเผด็จการฟาสซิสต์ อยู่ถึง 2 ชั้น

แม้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชนฝ่ายประชาธิปไตย จะพยายามลุกขึ้นมาสู้ เรียกร้อง ให้

1. พลเอกประยุทธ์ ลาออก

2. ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช. ให้เป็นประชาธิปไตย และ

3. ให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อมิให้มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง 

แต่สังคมโลก ก็ยังให้ความสนใจต่อประเทศไทยของเราน้อย ไม่ใช้มาตราการ กดดัน เท่าที่ควรเพื่อให้คณะรัฐประหารคืนอำนาจให้ประชาชน หนำซ้ำ ฝ่ายเผด็จการทรราช กลับยิ่งใช้อำนาจรัฐ ให้ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ องค์กรอิสระ และ กระบวนการยุติธรรม จับกุม คุมขัง ทำร้าย ทำลาย ประชาชน อย่างหนักหน่วงรุนแรง ที่หนักที่สุด คือการใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการทำลายแกนนำมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เว้นแม้แต่เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษาที่มีหัวก้าวหน้า ที่เป็นอนาคตของชาติ

เมื่อโลก หันกลับมามอง และรับรู้ ความทุกข์ยาก แสนเข็ญของชาวพม่า เห็นความเลวร้ายที่เผด็จการทหารพม่ากระทำต่อชาวพม่า 

ก็ขอให้โลก ได้มองมาที่ประเทศไทยของเราไปพร้อมกัน เพราะถูกเผด็จการทหารยึดอำนาจไปเหมือนกัน ให้โลกได้รับรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ ทุกข์ยาก ลำบาก จากการทำรัฐประหารของเผด็จการทหารไทย ให้โลกรู้ถึงความเลวร้ายของเผด็จการทหารไทย

ให้โลกรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ

โอกาสนี้ จึงเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชนฝ่ายประชาธิปไตยจะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อกระชากหน้ากาก รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูป นี้ให้ชาวโลกได้เห็นความจริง และดำเนินการกดดันให้เผด็จการทรราช ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อคือ ให้พลเอกประยุทธ์ ลาออก ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และ ให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไปพร้อมกัน กับประเทศพม่า

เพราะในปัจจุบัน โลกนี้มีเผด็จการทหาร ที่ปล้นอำนาจประชาชนไปและยังอยู่ในอำนาจ กดขี่ ข่มเหง ริดรอน สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตยทำให้ประเทศล้าหลัง ประชาชนทุกข์ยาก ลำบาก แร้นแค้น เหลือไม่กี่ประเทศ รวมถึงไทยด้วย

นักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชนฝ่ายประชาธิปไตย พวกท่านสู้มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับแล้ว พวกท่านคือวีรชน ที่จะสร้างชาติ บ้านเมืองที่ทรุดโทรมด้วยระบอบเผด็จการ ให้เป็นประชาธิปไตย ให้เจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ ถ้าพวกเราถอย เผด็จการทรราชก็จะยิ่งตามกวาดล้าง ไล่ล่าพวกเรายิ่งกว่าอาชญากร เพื่อไม่ให้ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของเหล่าทรราชอีกต่อไป

การต่อสู้ครั้งนี้ จึงเป็นเวลา และโอกาสที่เหมาะสมที่สุด จากสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ชัยชนะของพวกเราฝ่ายประชาธิปไตยอยู่แค่เอื้อม

จงลุกขึ้นสู้อีกครั้งเถิด เพื่อโค่นเผด็จการทรราชให้สิ้น โดยอาศัยสถานการณ์ของพม่า เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เกื้อหนุนฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเรา ให้ชนะเร็วยิ่งขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"