ไทยพบป่วยรายใหม่ 586 ราย ศบค.เตือนก๊วนปาร์ตี้แอลกอฮอล์ติดเชื้ออื้อ ห่วงออฟฟิศระบาดง่าย วอนยกการ์ดสูงพิเศษสวมหน้ากากตลอด สธ.เร่งสอบโรคย่านคลองเตย หลังผู้ป่วยติดเตียงวัย 95 ติดโควิดจาก 4 แรงงานเมียนมา กทม.สั่งงดจัดกิจกรรมจดทะเบียนวาเลนไทน์ ห่วง 6 เขตย่านโรงงานยิ่งตรวจยิ่งเจอ ตากลามหนักเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

      ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 11.30 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 586 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 573 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 47 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 526 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกที่ จ.สมุทรสาคร 522 ราย เพชรบุรี 3 ราย ซึ่งเชื่อมโยงตลาดรถไฟมหาชัย และสระแก้ว 1 ราย เป็นชายสัญชาติกัมพูชา เป็นผู้ต้องขังแรกรับ ตรวจโควิด-19 สองครั้งแรกไม่พบเชื้อ มาพบเชื้อครั้งที่สาม จึงแยกกักกัน นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย
    พญ.อภิสมัยกล่าวว่า แม้สถานการณ์ที่สหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อ 109,780 ราย แต่ถือว่าตัวเลขลดลงอย่างมาก เช่นเดียวกับอีกหลายๆ ประเทศ อาจจะเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ โดยมีรายงานว่า ล่าสุดมีการฉีดวัคซีนทั่วโลกไปแล้วเกิน 90 ล้านโดส หรือประมาณ 45 ล้านคน คาดการณ์กันว่าการฉีดวัคซีนทั่วโลกจะช่วยลดการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค แต่เราต้องติดตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน แต่ตัวเลขที่ลดลงถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
    สำหรับการตรวจคัดกรองเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร ได้กระชับพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงพื้นที่ไข่แดง โดย ศบค.ชุดเล็ก ประชุมกับทีมในพื้นที่ หารือถึงเรื่องมาตรการดูแล บับเบิลแอนด์ซีล พบว่ามี 1 โรงงานที่มีศักยภาพในการซีล ให้คนงานทำงานและพักอยู่ที่นั่น ไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ส่วนมาตรการบับเบิล หรือการจำกัดการเดินทางระหว่างที่ทำงานกับที่พัก ซึ่งเป็นเขตเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีจำนวน 7 โรงงาน อยู่ที่ ต.ท่าทราย และ ต.นาดี แม้ตัวเลขวันนี้จะเหลือกว่า 500 ราย แต่อย่าวางใจ ยังต้องคัดกรองกันต่อเนื่อง ยังไม่สามารถคาดหวังว่าตัวเลขจะเป็นศูนย์ แต่ต้องการเห็นมาตรการที่เข้มข้น และทุกคนทั้งในและนอกพื้นที่ต้องดูแลสุขอนามัยส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาครกับผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการร่วมกันในการเปิดเมือง ชุมชน และตลาดกุ้ง
    ส่วนสถานการณ์ที่ กทม. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับการติดเชื้อในชุมชนเมือง โดยเฉพาะการจัดเลี้ยงส่วนตัว โดยมีตัวอย่าง 4 งาน งานแรก มีผู้ร่วมงานเลี้ยง 30 ราย ปรากฏว่าติดเชื้อ 9 ราย สาเหตุที่มีผู้สัมผัสแล้วไม่ติดเชื้อในงานดังกล่าว เนื่องจากร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลาสั้น นำของขวัญมาให้แล้วกลับ ขณะที่ผู้ติดเชื้อมีประวัติดื่มแอลกอฮอล์แก้วเดียวกัน และอยู่ร่วมงานเป็นเวลา, งานที่สอง มีผู้ร่วมงานเลี้ยง 13 ราย ติดเชื้อ 10 ราย ทั้ง 10 ราย มีประวัติดื่มจากแก้วเดียวกัน, งานที่สาม มีผู้ร่วมงาน 7 ราย ติดเชื้อ 7 ราย เนื่องจากอยู่ในสถานที่แออัด ไม่มีระบบระบายอากาศ เต้นรำโดยไม่ใส่หน้ากากตลอดงาน และงานที่สี่ มีผู้ร่วมงาน 16 ราย ติดเชื้อ 16 ราย เนื่องจากดื่มเครื่องดื่มจากแก้วเดียวกันในลักษณะเล่นเกม อยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน ใช้มือหยิบน้ำแข็ง อยู่สถานที่แออัดเกิน 15 นาที มีการสัมผัสใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราเน้นย้ำมาตลอดคือ แม้จะมีการจัดงานเลี้ยงอย่างรัดกุม แต่เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ไป แม้เพียงไม่มาก จะทำให้เกิดความผ่อนคลาย เฉื่อยชา ตอบสนองน้อยลง ขาดความยับยั้ง เสียการควบคุมตัวเอง ไม่ระมัดระวังตัวเอง ดังนั้น ทางสถานบันเทิงต้องเสนอมาตรการว่าจะดูแลเรื่องเหล่านี้อย่างไร
    นอกจากนี้ ในสถานที่ทำงานยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง โดยมีตัวอย่างจากการสอบสวนโรคใน กทม.ที่พบการติดเชื้อในสำนักงานแห่งแรก เป็นคลินิกเสริมความงาม มีพนักงาน 7 ราย ปรากฏว่าติดเชื้อ 5 ราย ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกันทุกวัน มีการพูดคุยระหว่างรับประทานอาหาร ไม่ได้ใช้ช้อนกลาง แห่งที่สอง เป็นแผนกหนึ่งในบริษัทแห่งหนึ่งที่ กทม. มีพนักงาน 10 ราย ติดเชื้อ 9 ราย เนื่องจากผู้ติดเชื้อทุกคนไม่สวมหน้ากากตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน พูดคุยใกล้ชิดเป็นเวลานาน ดังนั้น จากนี้ไปสถานประกอบการต่างๆ ต้องยกการ์ดสูงให้เป็นพิเศษ แม้อยู่ห้องเดียวกัน แต่อย่าวางใจ ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา  
    "เราต้องอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 นี้ต่อไป โดยไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป และจากรายงานในวันนี้ เห็นแล้วว่าเรายังการ์ดตก ดังนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง ป้องกันชุมชน การ์ดตกไม่ได้ ขอความร่วมมือเป็นพิเศษในกรณีของมาตรการองค์กรถือเป็นหัวใจหลัก เพราะการที่เข้าไปทำงานในสำนักงานหรือออฟฟิศเดียวกัน เป็นความรับผิดชอบที่จะต้องดูแลซึ่งกันและกัน ขอให้ทำให้ได้เหมือน จ.สมุทรสาคร ที่มีความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการในจังหวัดสมุทรสาคร จับมือแล้วลุกขึ้นมาเป็นทีมเดียวกันช่วยกันร่วมแรงร่วมใจหามาตรการที่ดีที่สุดเพื่อที่จะทำให้การติดเชื้อ แพร่เชื้อโควิด-19 ลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ" ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ระบุ
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงว่า รอบสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยติดเชื้อใน 15 จังหวัด ทั้งนี้จะมีการเฝ้าระวังและคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกรวม 6 สำนักงานเขต ได้แก่ บางแค ภาษีเจริญ บางขุนเทียน จอมทอง หนองแขม และ บางบอน เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งเป็นคนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและชุมชนใกล้เคียงในพื้นที่เขตภาษีเจริญ เป็นการระบาดระลอกใหม่ที่พบในพื้นที่ กทม. แต่ยังไม่หลักฐานยืนยันว่าติดเชื้อไปยังโรงเรียนและระบบขนส่งสาธารณะ ดังนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทั้ง 6 เขตต้องเพิ่มความระมัดระวังดูแลสุขภาพตัวเอง
    ทั้งนี้ จากการรายงานล่าสุดพบว่า มีที่พักแห่งหนึ่งย่านคลองเตย พบผู้ป่วยติดเตียง เพศหญิง อายุ 95 ปี โรคประจำตัว คือ โรคไต ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน ซึ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวกับหลาน โดยได้จ้างแรงงานชาวเมียนมา 4 คน เพื่อผลัดกันดูแลผู้ป่วยติดเตียง ต่อมา เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ผู้ป่วยติดเตียงเริ่มมีอาการไข้ขึ้น ลูกสาวจึงพาไป รพ.จุฬาลงกรณ์ เพื่อตรวจหาเชื้อ และผลตรวจยืนยันติดเชื้อเมื่อวันที่ 3 ก.พ. โดยหลังจากนั้นผลการตรวจหาเชื้อในแรงงานทั้ง 4 คน ก็ติดเชื้อเช่นกัน ส่วนลูกสาวและหลาน อยู่ในระหว่างการรอผลตรวจ
    สำหรับแรงงานชาวเมียนมาให้ข้อมูลมาไม่ได้ไปไหน แต่มี 2 ราย ให้ประวัติว่าไปตลาดคลองเตย จึงคาดว่าเป็นต้นเหตุของกรณีนี้ เนื่องจากเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อน จากการสุ่มตรวจหาเชื้อเชิงรุกในแต่ละเขตของ กทม. พบว่า เขตคลองเตยมีติดเชื้อ 1-2 ราย อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามการสอบสวนโรคต่อ ทั้งนี้ ครอบครัวใดที่จ้างแรงงานต่างด้าวมาดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ แนะนำนายจ้างพาแรงงานไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย
    นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.พ. วันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนเป็นจำนวนมาก กทม.จึงของดการจัดกิจกรรมจดทะเบียนสมรสวันวาเลนไทน์ทั้ง 50 สำนักงานเขต
    ที่ จ.ตาก นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ประกาศให้ยกระดับพื้นที่อำเภอแม่สอดเป็นพื้นที่สีแดง หรือเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของคนจำนวนมาก ปิดสถานที่เสี่ยง และบุคคลที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดต้องกักตัว 14 วัน นอกจากนี้ ยังให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจเชิงรุกพบผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่ โดยมีสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อโควิดถึง 10 คน จากทั้งหมดกว่า 20 คน.