เฮ้อ....เหนื่อยใจแทน "ผบ.ปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้นำสีกากี จริงๆ ตั้งแต่นั่งเก้าอี้ "ผบ.ตร." เมื่อวันที่  1 ต.ค.63 เป็นต้นมา

            ดูเหมือน "ตำรวจ" จะมีแต่เรื่อง มีแต่ราว มีแต่ข่าวฉาวไม่เว้นวัน

            แม้ "ผบ.ปั๊ด" จะวางกฎเหล็ก 20 ข้อ เมื่อครั้งมอบนโยบายการทำงานให้ตำรวจทั่วประเทศช่วงเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ชนิดเข้มข้นเอาจริงเอาจัง

            เพื่อสร้างภาพพจน์ "ตำรวจ" ให้เป็นที่ยอมรับจากสังคมเพิ่มขึ้น

            แต่ดูเหมือนกฎเหล็กที่กำชับกำชาเอาไว้

            "เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา"!!!

            โดยเฉพาะข้อ 3.ต้องสอนให้ตำรวจทุกระดับมีความรู้  ทั้งด้านกฎหมายและยุทธวิธี มีแผนเผชิญเหตุ ผู้บังคับบัญชาต้องจัดฝึกให้ชำนาญ 

            กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักคลองหลวง จ.ปทุมธานี  ปล่อยให้กลุ่มการ์ดวีโวเปลี่ยนธงชาติไทยบริเวณเสาธงหน้าโรงพักออกแล้วนำผ้าสีแดงที่มีข้อความว่า 112 สลับขึ้นยอดเสาแทน ตามมาด้วยโรงพักภูเขียว จ.ชัยภูมิ ปล่อยให้กลุ่มราษฎรชุมนุมทำกิจกรรมหน้าโรงพักและนำป้ายผ้าที่เขียนข้อความปฏิรูปสถาบันขึ้นไปปิดทับป้ายชื่อโรงพัก

            เข้าข่ายชัดเจนตำรวจโรงพักไม่มีแผนเผชิญเหตุที่เกิดขึ้นเลย

            ส่วนข้อ 14.การสร้างภาพลักษณ์ ทั้งต้องมีความรู้ มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส

            กรณีการอมเงินเบี้ยเลี้ยงโควิดของลูกน้อง ที่ผลตรวจสอบของจเรตำรวจแห่งชาติออกมา ชัดเจนมีผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 189 นาย เป็นระดับนายพล 5 นาย ระดับ พ.ต.อ. 48  นาย จากนั้นความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก  เมื่อ ผบ.ร้อย.ตชด.ภ.4 มีหนังสือร้องเรียนพฤติการณ์ของ ผู้บังคับการ ตชด.รีดไถเงินรายเดือนจากลูกน้อง แม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

            ก็ถือว่าความโปร่งใสเป็น "ศูนย์"

            ข้อ 15.ตู้ม้า บ่อนการพนันขนาดใหญ่ การพนันออนไลน์ต้องไม่มี ที่ผ่านมาให้ผ่านไป นับแต่วันนี้มีกติกาใครทำต้องรับผิดชอบ

            ชัดเจนแบบไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องแก้ตัว บ่อนพนันเกลื่อนเป็นดอกเห็ดในพื้นที่ภาคตะวันออก ต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสอง ถึงขนาดต้องย้าย ผบช.ภ.2 รวมทั้ง ผบก.จังหวัดเกือบทั้งภาคไปช่วยราชการ ศปก.ตร.

            เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดี  

            แม้ล่าสุด "ผบ.ปั๊ด" จะนำทีมปฏิบัติการ "ชัตดาวน์กาแล็กซี่ออนไลน์" จับ "เสี่ยโป้" ตัวการใหญ่ ที่มีเงินหมุนเวียนในพนันออนไลน์นับพันล้านบาทก็ตาม

            ทว่าทั้งหมดทั้งมวลแห่งความฉาว ความบกพร่อง ที่เกิดขึ้น "ผบ.ปั๊ด" หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่พ้น อาจจะไม่ถึงขั้นทำให้เก้าอี้ "ผบ.ตร." สั่นคลอนได้ในตอนนี้ แต่ทุกอย่าง ทุกเรื่องก็สะสมเหมือนคลื่นใต้น้ำ หากวันใดก่อตัวเป็นสึนามิขึ้นมา ก็อาจพัดพาทุกอย่างให้พังพินาศได้

            ยิ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมี "ดาวรุ่งพุ่งแรง" ขยับก้าวพรวดขึ้นบันไดสู่หัวแถว "กรมปทุมวัน" ขึ้นเรื่อยๆ

            ถ้า "ผบ.ปั๊ด" ไม่รีบแก้ไข ไม่รีบเอาจริงเอาจัง ระยะเวลา 2 ปีที่มีอยู่ ก็อาจจะล้มตึงกลางคันก็ได้ใครจะไปรู้.