'ทนายแดง'ปูดผู้ใหญ่ในรัฐบาลสั่งอัยการดูแลผู้ต้องหาคดีกบฏกปปส.เป็นพิเศษ


เพิ่มเพื่อน    

15 พ.ค.61 - นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) พร้อมคณะทำงาน เข้ายื่นหนังสือต่อนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ให้เร่งนำตัวผู้ต้องหากลุ่ม กปปส. ที่เหลืออีกอย่างน้อย 18 คน ฟ้องศาลอาญาในคดีร่วมกันเป็นกบฏ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี น.ส.จิตรภัสร์ กฤดากร หรือตั๊น รวมอยู่ด้วย โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับมอบหนังสือ 

นายวิญญัติ เปิดเผยว่า เนื่องจากตนได้กระแสข่าวออกมาว่า มีบุคคลมีอำนาจระดับสูงในรัฐบาลกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีการนำตัวมาฟ้อง ทั้งๆ ที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นชุดเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ซึ่งมีคำสั่งฟ้องจากอธิบดีอัยการไปแล้วเมื่อปี 2558  ต่อมาคณะทำงานคดีก็ยืนยันมติเดิมจนนำมาสู้การฟ้องแกนนำหลักๆ ไปแล้วนั้น เรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องทำหน้าที่ของตนอย่างมีเกียรติให้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้รับคำสั่งใคร เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไรหรือไม่ ตนยังไม่ยืนยัน จึงมายื่นหนังสือเร่งรัดในวันนี้ ดังนั้น ในการมายื่นหนังสือครั้งนี้ มีเจตนาชัดแจ้งว่า เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะและทางราชการ จึงต้องมาบอกกล่าวความเสียหายว่า หากไม่จัดให้มีการนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาฟ้องต่อศาลโดยเร็ว ภายใน 30 วันนี้ ตนมีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวโทษและใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป 

นายวิญญัติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ ผู้ต้องหาคดีกบฏที่ยังมิได้นำตัวมาฟ้องต่อศาลอาญาอีกหลายคน ได้แก่ นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11 นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17 น.ส.จิตรภัสร์ กฤดากร ผู้ต้องหาที่ 19 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25 นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27 พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32 นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 นายอมร อมรรัตนานนท์ (รัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี) ผู้ต้องหาที่ 37 นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43 นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44 นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46 นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48 นายนัสเซอร์ ยีหมะ (ตัวในเรือนจำ)ผู้ต้องหาที่ 49 นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50 นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51 และ นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55

เมื่อถามว่าภายใน 30 วัน หากยังไม่มีการส่งฟ้องดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร นายวิญญัติ กล่าวว่า คดีนี้กินเวลามากว่า 4 ปีแล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าบรรดาผู้ต้องหาที่เหลือนั้น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษคนก่อนหน้านี้ได้มีความเห็นสั่งฟ้องไว้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะมีการชะลอหรือประวิงคดี อาจจะมีบางคนที่ตนได้ยินข่าวมาว่ามีการยื่นร้องขอความเป็นธรรม ต้องขอตั้งขอสังเกตว่าการที่จะให้ความเป็นธรรมหรือมีคำสั่งกลับความเห็นเดิมถอนฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้องของอดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะทำไม่ได้ คนที่มีอำนาจคนเดียวที่จะกลับคำสั่งได้คืออัยการสูงสุด ถ้าอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษคนปัจจุบันมีคำสั่งกลับคำสั่งเดิมจะเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่อให้เห็นว่ามีการเอื้อประโยชน์กับผู้ต้องหาบางราย ซึ่งตรงกับที่ตนได้ข่าวมาว่ามีบุคคลระดับสูงในรัฐบาลฝากความเป็นห่วงหรือกำชับมาให้ดูแลผู้ต้องหาบางคน หากเป็นเรื่องจริงจะทำให้หลักนิติธรรมล้มเหลว คำสั่ง คสช.ที่ 63/2558 ได้บอกไว้ชัดเจนว่ากระบวนการยุติธรรมต้องยึดหลักไม่ให้เกิดความขัดแย้งในประเทศ ฉะนั้นเมื่อครบกำหนด 30 วัน หากยังไม่มีการดำเนินการฟ้องผู้ต้องหา ตนจะเดินทางไปฟ้องอธิบดีอัยการและคณะทำงานที่พิจารณาคดีนี้ ตามพฤติการณ์ของแต่ละคนว่าใครในคณะทำงานมีความเห็นสั่งฟ้อง หรือใครไม่สั่งฟ้อง

“ผมเข้าใจต่อความอึดอัดใจของคนในตำแหน่ง  แต่เมื่อท่านเป็นข้าราชการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ท่านย่อมต้องมีความกล้าหาญที่จะยึดหลักนิติธรรมและจริยธรรมของท่าน อย่าให้เสีย” นายวิญญัติ กล่าว

ด้านนายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือแล้ว จะรีบดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของสำนักงานอัยการสูงสุดโดยเร็ว เกี่ยวกับเรื่องนี้เคยได้รับหนังสือจากนายวิญญัติหลายครั้งแล้ว คดีมีความคืบหน้าไปมาก อย่างน้อยที่สุดถ้าสื่อมวลชนติดตามก็จะเห็นว่ามีการดำเนินการไปแล้วพอสมควร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"