'ธัญวัจน์' ตอบ 'ศรีสุวรรณ' กฎหมายทำแท้งผ่านการกลั่นกรองจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

5 ก.พ.64 - นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชื่อรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้มีความหลากหลายทางเพศ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำคณะหมอสูตินารีเดินทางไปยื่นหนังสือร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อค้านกฎหมายยุติการตั้งครรภ์ โดยให้เหตุผลถึงแม้ในทางกฎหมายทารกยังไม่สภาพบุคคล แต่ในทางการแพทย์ตัวอ่อนอายุเกิน 12 สัปดาห์ที่แขนขาครบแล้ว ประกอบด้วยเหตุผลมโนธรรมชั้นสูงของแพทย์ที่สร้างบาดแผลในจิตใจนั้น

นายธัญวัจน์ ระบุว่า เรียนนายศรีสุวรรณ จรรยา ด้วยความเคารพ กฎหมายยุติการตั้งครรภ์ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภานั้นได้ผ่านการกลั่นกรองของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งแพทย์ นักกฎหมาย ภาคประชาชน และในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญที่ผ่านมาอย่างรอบด้านแล้ว ด้วยเหตุผล 2 ด้าน ที่เราต้องย้ำเตือนตนเองเสมอคือ สถานการณ์จริง และความปลอดภัย จึงเป็นเหตุที่ร่างคณะรัฐมนตรีมีการเพิ่มอนุมาตรา 5 หรือเหตุผลด้านสังคมและเศรษฐกิจที่หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อายุครรภ์ไม่เกิน 20 สัปดาห์

ทั้งนี้ เรายังมีการพิจารณาจากองค์กรอนามัยโลกที่พูดถึงการยุติการตั้งครรภ์ โดยมองว่าในระยะ 22 สัปดาห์บวกลบคือช่วงเวลาแท้ง กับคลอดก่อนกำหนด ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการแพทย์ว่ามีความทันสมัยแค่ไหน และหากเราพิจารณาในหลายประเทศทั่วโลก การยุติการตั้งครรภ์ตามคำร้องขอนั้นหมายถึงสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพราะคำนึงเรื่องความปลอดภัยและก็มีอายุครรภ์ต่างกัน 8 - 24 สัปดาห์ และในหลายประเทศเรื่องยุติการตั้งครรภ์ก็เป็นบริการสุขภาพของผู้หญิง และมี 70 กว่าประเทศทั่วโลกไม่กำหนดอายุครรภ์ หรือตัวอย่างของ ไต้หวัน สิงคโปร์ อินเดีย ญี่ปุ่น ก็กำหนดอายุครรภ์ไว้ 24 สัปดาห์

ธัญวัจน์ ระบุอีกว่า ไม่ใช่ว่าคณะกรรมาธิการไม่พิจารณาเรื่องความเชื่อทางศาสนา หรือจริยธรรม เราถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางในการทำงาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องศาสนานั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เช่นเดียวกับที่หญิงต้องตัดสินใจการยุติการตั้งครรภ์ หากหญิงมีความเชื่อในแบบหนึ่งก็จะตัดสินใจแบบหนึ่งซึ่งเราต้องเคารพไม่ตีตรา เช่นเดียวกัน กฎหมายผ่านแล้วทางแพทยสภาก็ต้องไปออกระเบียบความสมัครใจของแพทย์ที่จะทำการยุติการตั้งครรภ์

“การที่นายศรีสุวรรณมีความคิดเห็นต่างนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก สามารถกระทำได้ สามารถนำเสนอสู่สังคมได้ แต่ตนมองว่าแต่การค้านกฎหมายโดยไม่มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ก็เท่ากับว่าเราผลักผู้หญิงสู่การทำแท้งเถื่อนไม่ปลอดภัย ไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา ถ้านายศรีสุวรรณจะหารือการจัดการของแพทยสภาในกรณีคุณหมอบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย และไม่ต้องการทำ ก็น่าจะออกแบบระเบียบให้เป็นไปตามความสมัครใจของแพทย์ อันนั้นน่าจะช่วยกันแก้ปัญหามากกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้หญิงก็ต้องมาพบแพทย์อยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะมาพบแพทย์ก่อนตอนเกิดปัญหา หรือมาพบตอนที่มดลูกทะลุ บาดเจ็บมาแล้ว”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"