"หนุมานกองปราบ" เปิดปฏิบัติการ “ชัตดาวน์กาแล็กซี่ออนไลน์” ค้น 31 เป้าหมายรอบกรุงเทพฯ จับ "เสี่ยโป้" ตัวการใหญ่ พบมีเงินหมุนเวียนกว่าพันล้านบาท แจ้งข้อหาหนัก "การพนัน-ฟอกเงิน" ทหารรวบหัวหน้าเครือข่ายรับจ้างขนตู้สล็อต 596 ตู้จากภาคตะวันออกซุกอีสาน "กมธ.ตำรวจ" เล็งซัก "วิษณุ" แจงร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ 9 ก.พ.นี้    

    ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 4 ก.พ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.พัทธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. พร้อม พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.อ.แมน แม่นแย้ม ผกก.5 บก.ทล. นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ สนธิกำลังร่วมกับ ศปอส.ตร. เปิดปฏิบัติการ "ชัตดาวน์กาแล็กซี่ออนไลน์” นำหมายศาลปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ อายุ 28 ปี ที่บ้านพัก ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์เลขที่ 60/23-27 ถนนเพชรเกษม ซอย 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน, โฆษณาชักชวนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ผู้อื่นเล่นการพนัน ตาม พ.ร.บ.การพนัน และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
    จากนั้นคุมตัวนายเสี่ยโป้เดินทางมาที่กองปราบปรามเพื่อสอบปากคำ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ร่วมสอบสวน
    พล.ต.อ.สุวัฒน์แถลงผลปฏิบัติการ “ชัตดาวน์กาแล็กซี่ออนไลน์” ทลายเครือข่ายการพนันออนไลน์รอบกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 7 จุด 16 หมายจับ 31 เป้าหมาย จับกุมนายเสี่ยโป้ พร้อมยึดของกลางได้ร่วม 18 รายการ มูลค่า 16 ล้านบาท อาทิ รถสปอร์ตปอร์เช่ คาร์เรรา สีเทา ทะเบียน 8กจ88 กทม., เงินสด 2.7 ล้านบาท, อาวุธปืนขนาด 9 มม. และกระสุน 11 นัด, สมุดบัญชีธนาคาร 65 เล่ม, โทรศัพท์มือถือ 39 เครื่อง
    พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า การสืบสวนในคดีนี้ใช้เวลาร่วม 4 เดือน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากขบวนการดังกล่าวมีทีมงานด้านกฎหมายแข็งแกร่งคอยให้การช่วยเหลือ ทั้งยังมีการแบ่งหน้าที่การจัดการต่างๆ กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา 31 หมาย ตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด จับกุมได้ 15 หมายจับ แบ่งเป็นจับตามหมายคดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน 12 หมายจับ จับกุมซึ่งหน้าในคดีอาวุธปืน 1 ราย เป็นลูกน้องของเสี่ยโป้ และจับกุมคดีครอบครองไอซ์ 1 ราย และหมายค้างเก่าอีก 1 ราย แต่ยังไม่หมดเท่านี้ ก็จะต้องไล่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมด เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะสั่งคัดค้านการประกันตัวไว้ก่อน และให้ศาลพิจารณา
    "เสี่ยโป้เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง มีบางคดีที่ศาลสั่งลงโทษ รวมถึงยังรอลงอาญา ยังมีอีก 2 คดีหลักที่ สน.ภาษีเจริญกับ สน.บางเขนยังคงต้องสอบสวนต่อ แต่สำหรับคดีล่าสุดนี้มั่นใจว่าสามารถส่งฟ้องศาลได้ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการสอบสวนเสี่ยโป้ยังคงอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเสี่ยโป้อ้างว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย เคยมาแจ้งความไว้หลายครั้ง ตรงนี้เราก็ให้ความเป็นธรรม ผมถามว่าขอให้เลิกทำอาชีพแบบนี้ได้มั้ย เจ้าตัวก็รับฟัง แต่ขอฝากถึงคนอื่นด้วยเช่นกันว่าอย่าทำ หลังจากนี้จะมีระดับไหนอีก จะบนจะล่างจะเอาให้หมด" ผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้ ศปอส.ตร.ได้ร่วมกันกับตำรวจกองปราบฯ สืบสวนจนทราบว่าเครือข่ายนี้มีเว็บไซต์การพนันทั้งหมด 6 เว็บ โดยมีการแบ่งหน้าที่ชักเชิญชวนคนมาเล่นพนัน มีการจ้างวานเปิดบัญชี ซึ่งพบเงินหมุนเวียนร่วมหลักพันล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันสบคบกันฟอกเงิน ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
    รายงานข่าวแจ้งว่า แอดมินเว็บพนันต่างๆ และเจ้าของบัญชีรับโอนเงินเป็นของเครือญาติของนายเสี่ยโป้ ซึ่งตำรวจกำลังสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังเชื่อว่าต้นเซิร์ฟเวอร์เว็บพนันดังกล่าวนั้นอยู่ต่างประเทศ
    วันเดียวกัน มีรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารชายแดนสระแก้ว จับกุมตัวนายวราวุธ วรวุฒิปรีชาเวชช์ หรือนายอ๋อ อายุ 51 ปี หัวหน้าเครือข่ายรับจ้างขนตู้สล็อต 596 ตู้ ผู้ต้องหาตามหมายจับจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.13/2564 ฐานความผิดร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยนำพา พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 ขณะกำลังหลบหนีกลับเข้าไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณหมู่บ้านท่าข้าม ม.1 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายตู้สล็อตในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 178 ตู้ และวันที่ 19 ม.ค. พล.ต.ท.รอย อิงคะไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำทีมบุกโกดังในพื้นที่ขอนแก่นตรวจยึดตู้สล็อต 418 ตู้
    นายอ๋อให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว โดยระบุว่าหลังจากทราบว่าถูกออกหมายจับได้หลบหนีออกจากประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ จ.สระแก้ว และที่หลบหนีกลับเข้ามาเพราะต้องการกลับไปหาครอบครัว
    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหานายอ๋อเพิ่มเติมในข้อกล่าวหาเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่เข้าหรือออกตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่าสถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา (ม.11) และเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาหรือออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตำรวจเข้าพบเพื่อนำข้อมูลเรื่องบ่อนและแรงงานต่างด้าวมาส่งให้เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ตนเรียกมาสอบถามบางประเด็นว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปถึงไหนและทำอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องจากช่องทางสายด่วน 1111 ของรัฐบาล และได้ส่งไปให้หลายเรื่อง จึงได้เรียกมาติดตามความคืบหน้า เพื่อจะได้รวบรวมสำหรับใช้ในร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. … ซึ่งจะเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 9 ก.พ.
    ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า วันที่ 4 ก.พ. กมธ.ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกฤษฎีกา เข้าชี้แจงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ ที่เคยส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาหลายครั้ง ซึ่ง กมธ.ได้ซักถามประเด็นข้อแตกต่างที่เกิดขึ้นในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่สำคัญต่อข้าราชการตำรวจกว่า 2 แสนนาย และมีความสำคัญต่อประชาชนในการได้รับความยุติธรรมเบื้องต้น กมธ.ย้ำว่า สตช.และกฤษฎีกาต้องมีความชัดเจนในประเด็นต่างๆ
    "วันนี้การทำหน้าที่ของ กมธ.สมบูรณ์แบบแล้ว เชื่อว่าวันที่ 9 ก.พ.นี้ ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว การชี้แจงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะมีความสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจของ ส.ส.ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะหากชี้แจงไม่ได้ ก็เชื่อว่า ส.ส.คงไม่ให้ผ่าน โดยมั่นใจว่า ส.ส.จะลุกขึ้นอภิปรายอย่างกว้างขวาง" นายณัฏฐ์ชนนกล่าว   
    โฆษก กมธ.การตำรวจกล่าวว่า วันที่ 5 ก.พ. กมธ.การตำรวจจะเชิญตัวแทน สตช.และผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรณีมีการร้องเรียนบัตรสนเท่ห์ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 (ผบก.ตชด.) ถูกร้องเรียนบกพร่องทุจริตในหน้าที่ โดย ผบ.ตร.มอบหมายให้จเรตำรวจสอบสวน ซึ่งกรณีนี้หากตำรวจผิดก็จะมีการลงโทษทางวินัยและอาญา แต่ถ้ามีผู้ส่งบัตรสนเท่ห์ปลอมก็จะมีการสอบสวนหาบุคคลที่ใช้วิธีการทำลายองค์กร.