ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net ชัดเจนแล้วว่า "ม.33 เรารักกัน" จ่าย 4 พันบาท โอนเข้าเป๋าตังสัปดาห์ละ 1 พันบาท เดือน มี.ค. ใจป้ำแจกเกือบทุกคน ไม่เกี่ยงเงินเดือนเท่าไหร่ หลักแสนหลักล้านได้หมด เหลือแค่เงื่อนไขเดียวคือคนที่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารเกิน 5 แสนบาท โดยดูข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 งานนี้ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยกความดีความชอบให้ "บิ๊กตู่" แต่เพียงผู้เดียว นอกจากจะได้ใจของมนุษย์เงินเดือนราว 9 ล้านคนแล้ว ยังช่วยแก้ปมที่ฝ่ายค้านเตรียมถล่มเรื่องที่รัฐบาลไม่ไยดีกลุ่มแรงงานในระบบมาตรา 33 อีกด้วย เพราะโควิดรอบแรกกลุ่มนี้ก็ถูกตัดพ้อน้อยอกน้อยใจว่าเป็นเหมือนลูกเมียน้อยที่รัฐบาลไม่เหลียวแล คนที่ได้ช่วยเหลือก็คือตกงานหรือถูกลดเงินเดือน ซึ่งก็ได้จากเงินประกันสังคมที่ตัวเองจ่ายรายเดือนอยู่แล้ว แต่ก็มีบางคนติดใจกับมาตรการนี้อยู่เหมือนกันว่าดูลักลั่น ทำไมถึงเลือกใช้เกณฑ์เงินฝากแทนที่จะใช้เรื่องเงินเดือน บางคนมีเงินเดือนเดือนละแสนหรือเป็นล้านแต่มีเงินฝากไม่ถึง 5 แสนบาท เพราะอาจเอาเงินไปซื้อทรัพย์สิน ที่ดิน รถยนต์ กับคนที่เงินเดือนไม่เยอะ อยู่อย่างประหยัดแต่ขยันอดออมจนมีเงินฝาก 5 แสนบาท แต่กลับถูกจัดกลุ่มว่าเป็นคนมีฐานะไม่เดือดร้อน ไม่อย่างนั้นน่าจะใช้ 2 องค์ประกอบจะได้เป็นการช่วยเหลือคนที่จำเป็นจริงๆ หรือเปล่า

            ๐ ยังไม่ทันตีระฆังสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ก็ชิงเปิดศึก (น้ำลาย) กันรายวัน แลกหมัดกันตุบตับ เมื่อวันพฤหัสฯ "ราเมศ รัตนะเชวง" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซัดเปรี้ยงสวนกลับกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ บังอาจสามหาว อ้างเหตุที่ต้องส่ง "อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" ลง เพราะนายเทพไท เสนพงศ์ ทำผิดแล้วถูกออกจากตำแหน่งต้องไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งอีก พร้อมฝากถึงผู้ใหญ่ใน พปชร.ช่วยตักเตือน ขณะที่ "เทพไท" ที่โดนเต็มๆ ไม่ว่าอะไร บอกว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลไว้รอเช็กบิลหลังเลือกตั้ง จะร้องทั้ง กกต. และศาล เข้าข่ายใส่ร้าย ดีไม่ดีเอาถึงขั้นยุบพรรคไปเลย ศึกสนามเลือกตั้งเมืองคอนเดือดแน่นอน ต่างจากเลือกตั้งซ่อมทุกครั้งที่ผ่านมาที่ต้องฟาดฟันกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน คราวนี้กลายเป็นพรรครัฐบาลห้ำหั่นกันเอง ถึงแม้ค่ายพระแม่ธรณีฯ จะเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ก็ไม่ได้เปรียบเท่าไหร่นัก เพราะเสียงเลือกตั้งปี 62 ที่นายเทพไทได้ 33,310 คะแนน ห่างจากนายอาญาสิทธิ์ที่ได้ 28,742 เพียงกว่า 4 พันคะแนนเท่านั้น ในขณะที่ พปชร.เป็นแกนหลักรัฐบาลคุมหน่วยงานมั่นคง ทหาร ตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครองอย่างกระทรวงมหาดไทย งานนี้ ปชป.แพ้ไม่ได้ แต่คาถาที่จะช่วยให้น้องชายเทพไทเข้าวินรักษาเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้ คงต้องพึ่งบารมี "นายหัวชวน" ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกเวลาราชการต้องจัดหนักจัดเต็ม เวลาปราศรัยหาเสียงไม่ต้องรุนแรง เอาแค่กรีดลึกบาดถึง "บิ๊กป้อม" ก็พอ

            ๐ "ไม่อยากให้รัฐบาลทำการเมืองแบบโบราณ เพราะโลกมันยุคใหม่แล้ว รัฐมนตรีควรฟังข้อมูลแล้วมาตอบคำถามของฝ่ายค้าน ส่วน ส.ส.รัฐบาลที่มีหน้าที่ยกมือประท้วงเพื่อเอาใจนายเท่านั้น ให้คิดให้ดี เพราะประชาชนจับตามองอยู่ หากทำไม่ดีก็ไปตอบคำถามประชาชนเองว่าเป็นส.ส.เพื่ออะไร" ฟัง ส.ส.เพื่อไทย "สมคิด เชื้อคง" รองประธานวิปฝ่ายค้าน พูดแบบนี้ค่อยใจชื้น อยากติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เหลือเกิน เพราะคาดหวังมาตลอดหลายสิบปีให้การเมืองน้ำเน่าหมดไปซะที นอกจากรัฐบาลต้องพัฒนาแล้ว ในส่วนของฝ่ายค้านก็ต้องเล่นการเมืองแบบใหม่เหมือนกัน ประเภทน้ำลายท่วมสภาแต่หาสาระไม่ได้ หรือเอาข้อมูลเก่าๆ มาฉายหนังซ้ำก็เลิกเถอะ ยิ่งซักฟอกเที่ยวนี้จะลากยาวเป็นสัปดาห์ ในขณะที่โควิดก็ยังแรง ดีไม่ดีเดี๋ยวจะกลายเป็นแพร่เชื้อในสภาไปเปล่าๆ ได้แต่ภาวนะขอให้เด็ดดวงจริงๆ เถอะเจ้าประคุณ แต่ที่หวั่นๆ ก็ตรงที่ ซักฟอกรอบนี้เพื่อไทยก็ยังภูมิใจเสนอ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรง “นายใหญ่" คุมเกม ทั้งที่ซักฟอกเที่ยวก่อนยังหลอนอยู่ ถ้าจำกันได้ "สารวัตรเหลิม" คุยโตว่าจะล้มรัฐบาล ส่งศิษย์เอก "โจ้" เป็นมือเชือด สุดท้ายมวยล้มต้มคนดู แถมยังตีกับพรรคอนาคตใหม่ เจียดเวลาให้นิดเดียว หนำซ้ำยังให้อภิปรายรอบดึก จนถูกตราหน้าว่าหักหลังฝ่ายค้านด้วยกัน ไม่แปลกที่ซักฟอกครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างกั๊กข้อมูลกันเอง ไม่เฉพาะก้าวไกล แต่ภายในเพื่อไทยเองที่มีหลายก๊กหลายก๊วนไม่มีการแชร์กัน ตัดปัญหาข้อสอบรั่ว ล่าสุดแว่วมาว่าจนถึงป่านนี้ฝ่ายค้านก็ยังไม่มีข้อมูลเด็ดที่เปิดมาแล้วจะร้องอื้อหืออ้าหาได้เลย.

ลี้คิมฮวง