4 ก.พ.64 - ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง นายภาณุพงษ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ หรือนนท์ แกนนำและแนวร่วมผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร เดินทางมาเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหายรวม 1 ล้านบาท กรณีทั้งสองร่วมกันชูป้ายมีข้อความด่าและขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ จ.ระยอง แล้วถูกตำรวจเข้าจับกุม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2563
คำฟ้องโจทก์ทั้งสองระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า วันเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่โรงแรมดีวารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง ห้างแหลมทอง และตลาดสดสตาร์ โจทก์ทั้งสองทราบกำหนดการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน จึงต้องการทวงถามความรับผิดชอบมาตรการป้องกันไวรัสโควิดที่เหมาะสมในอนาคต และการเยียวยาของรัฐบาลที่มีต่อประชาชนชาวจังหวัดระยอง โดยประสงค์จะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสงบและสันติ เพื่อสื่อสารข้อความถึงผู้นำรัฐบาล อันเป็นสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองไว้ และเป็นไปตามมาตรป้องกันโควิดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 15.45 น. โจทก์ทั้งสองจึงเดินทางมาบริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรมดีวารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง ยืนถือป้ายข้อความเชิงสัญลักษณ์ด้วยความสงบสันติ ภายใต้การคุ้มครองตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคี เพื่อเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบของรัฐบาล ต่อกรณีที่มีการอนุญาตให้กลุ่มคนยกเว้นพิเศษเข้ามาในประเทศ และปล่อยปละละเลยให้นายทหารสัญชาติอียิปต์ออกจากพื้นที่กักตัวโดยไม่เป็นไปตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด การดำเนินกิจกรรมของโจทก์ทั้งสองเป็นไปโดยสงบ ไม่มีความวุ่นวายใดๆ กระบวนการแสดงออกของโจทก์ทั้งสองเป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิดเคร่งครัด คือใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากพื้นที่หน้าโรงแรมดีวารีฯ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด
จนกระทั่งมีเจ้าพนักงานตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนหลายนายในสังกัดของจำเลย ได้จงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและจงใจหรือประมาทเลินเล่อ กระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยร่วมกันใช้กำลังขัดขวางการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยความสงบและสันติตามสิทธิเสรีภาพที่รับรองในรัฐธรรมนูญฯ และ ICCPR ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจโจทก์ทั้งสองให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนโจทก์ทั้งสองต้องกระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และให้หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโจทก์ทั้งสอง หรือกระทำด้วยประการใดให้โจทก์ทั้งสองปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นการบังคับให้โจทก์ทั้งสองงดเว้นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและ ICCPR โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากการใช้กำลังขัดขวางจับกุมโจทก์ทั้งสองไปยังรถกระบะโดยไม่แจ้งสิทธิหรือแจ้งข้อหา โดยที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
จำเลยจึงต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดของจำเลยได้กระทำในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดยจำเลยต้องชำระค่าสินไหนทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสอง ตามตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2535
จึงขอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองดังนี้ 1.ค่าเสียหายแก่เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ จากการที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของจำเลยร่วมกันใช้กำลังบังคับหน่วงเหนี่ยว กักขังเสรีภาพในร่างกายของโจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการที่ไม่สามารถใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบสันติและปราศจากอาวุธ เพื่อทวงถามความรับผิดชอบมาตรการป้องกันที่เหมาะสมในอนาคตและการเยียวยาต่อเหตุการณ์ดังกล่าวของรัฐบาลที่มีต่อประชาชนชาวจังหวัดระยอง โจทก์ทั้งสองจึงขอคิดค่าเสียหายแก่เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบสันติและปราศจากอาวุธ เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท รวมจำนวน 400,000 บาท
2.ค่าเสียหายแก่สิทธิในร่างกาย เสรีภาพในการเดินทางจากการที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของจำเลยร่วมกันใช้กำลังบังคับเอาตัวโจทก์ทั้งสองไปที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง โจทก์ทั้งสองจึงขอคิดค่าเสียหายแก่สิทธิในร่างกาย เสรีภาพในการเดินทาง เป็นจำนวนเงินคนละ 200,000 บาท รวมจำนวน 400,000 บาท
3.ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจหลายนายในสังกัดจำเลยใช้กำลังประทุษร้าย ขืนใจ ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว สกัดไม่ให้โจทก์ทั้งสองเดินทางไปไหนในช่วงเวลาดังกล่าวได้ บริเวณร้านขายผ้ารอแยลคล็อธ ถนนสุขุมวิท อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ทำให้โจทก์ทั้งสองเกิดความกลัว ได้รับผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างมาก โจทก์ทั้งสองจึงขอคิดค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนเงินคนละ 100,000 บาท รวมจำนวน 200,000บาท
โจทก์ทั้งสองจึงขอคิดค่าเสียหายที่จำเลยต้องชดใช้แก่โจทก์ทั้งสอง ทั้งหมดรวมเป็นจำนวนเงินคนละ 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์
หลังยื่นฟ้องแล้ว ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ พ.293/2564 เพื่อนัดชี้สองสถานในวันที่ 14 มิ.ย.2564 เวลา 9.00 น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |