ล่าแสนชื่อค้านแก้ม.112 ก้าวไกลโต้ปฏิปักษ์สถาบัน


เพิ่มเพื่อน    

 “ไทยภักดี” เตรียมล่าแสนรายชื่อค้านแก้ ม.112  “หมอวรงค์” ชี้ก้าวไกลมีเจตนาแอบแฝง ยันไม่เห็นปัญหาจากมาตรานี้ อัดต้นตอมาจากนักการเมืองมากกว่าตัวกฎหมาย ขณะที่เลขาธิการก้าวไกลโต้ เพราะพรรคเป็นอุปสรรคต่อการสถาปนาระบอบอำนาจนิยมสมบูรณาญาสิทธิ์ในปัจจุบัน ลั่นจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด

    เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงถึงกรณีพรรคก้าวไกลเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 โดยอ้างว่าเป็นการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งจากความเคลื่อนไหวทั้งหมด พรรคไทยภักดีเห็นว่าพรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างสถาบัน โดยใช้การแก้มาตรา 112 เป็นบันไดขั้นแรก และมีสิ่งแอบแฝง คือการล้างความผิดให้แก่ผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคพวก ทั้งคนที่ถูกดำเนินคดีแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินคดี
    "พรรคไทยภักดีจึงขอคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 ให้ถึงที่สุด โดยเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ครบ 100,000 ชื่อ เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เช่นไลน์และทวิตเตอร์ โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน จากนั้นจะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป"
    นพ.วรงค์ยืนยันว่า สาเหตุที่ต้องคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 เพราะยังไม่เห็นปัญหาจากมาตรานี้ อีกทั้งยังมองว่าปัญหามาจากนักการเมืองมากกว่าตัวกฎหมาย นอกจากนี้ จะไปยื่นร้องนายธนาธร ในความผิดตามมาตรา 112 และมาตรา 116 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในประเด็นเรื่องวัคซีน และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในวันที่ 4 ก.พ.นี้
    เขากล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีเนื้อหาบางส่วนกล่าวถึงสถาบันว่า สภาผู้แทนราษฎรมีกรอบการอภิปรายอย่างชัดเจนว่าต้องไม่มีการกล่าวถึงสถาบัน ดังนั้น ตนไม่เห็นด้วยกับการนำสถาบันมากล่าวถึงระหว่างการอภิปราย ขณะที่การเกิดรัฐประหารในประเทศเมียนมานั้น มองว่าเราเป็นคนนอกและแต่ละประเทศมีอธิปไตยของตนเอง หากจะอยู่ร่วมกันต้องไม่แทรกแซงซึ่งกันและกัน และการที่นายธนาธรเดินทางไปร่วมในการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมาที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ก็ถือเป็นการแทรกแซงอย่างหนึ่งเช่นกัน
    ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.ของพรรค แถลงการณ์กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาวินิจฉัยและเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า ข้อกล่าวหาของนายณฐพรต่อพรรคก้าวไกลล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหารพรรคก้าวไกลมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่มาทวงคืนอนาคตของพวกเขา
    เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวว่า นายณฐพรใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นความเท็จที่นายณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากเขาเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือคดีอิลลูมินาติแล้วศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพรกล่าวหา
    “นี่เป็นพฤติกรรมกล่าวหาเท็จซ้ำซากของนายณฐพร เป็นพฤติการณ์ของโมฆบุรุษ ซึ่งปัจจุบันก็ยังตกเป็นจำเลยในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจากคดีฟอกเงินการขายที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ น่าสงสัยว่าการไล่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เป็นการแสดงผลงานของนายณฐพรให้เข้าตาผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะพ้นผิดจากคดีฟอกเงินที่เป็นชนักปักหลังอยู่หรือไม่” เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าว
    นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า พฤติการณ์ที่นายณฐพรนำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่าการที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มี ส.ส.ร. แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ได้ และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้ ม.112 อย่างไม่เป็นธรรมกับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นั้น ถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่การลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภานิติบัญญัติและเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของผู้แทนราษฎร
    เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวด้วยว่า หาก ส.ส.ที่ไปประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนจะมีความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่สยบยอมให้รัฐบาลในระบอบประยุทธ์ พรรคก้าวไกลได้กล่าวเตือนรัฐบาลไว้ในหลายโอกาสแล้วว่า การรับมือกับความเรียกร้องต้องการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจสำหรับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ต้องมีกุศโลบายที่ละเอียดอ่อน และแทนที่จะเน้นมาตรการกดบังคับปราบปราม ควรเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้แต่ละฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ แต่แนวทางที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กระทำมา รวมทั้งการบังคับใช้ ม.112 กลับยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองตึงเครียดมากขึ้น และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนเสื่อมทรามลง
    เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวต่อท้ายว่า ปลายเดือน ก.พ.นี้ จะครบรอบ 1 ปีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ในโอกาสนี้พรรคก้าวไกลเห็นว่าคำร้องยุบพรรคของนายณฐพรดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ต้องการบดขยี้พรรคอนาคตใหม่ สืบเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล โดยใช้สถาบันพระมหากษัตริย์และกลไกองค์กรอิสระในระบอบประยุทธ์เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง
    "ก็เพราะอนาคตใหม่และก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อการสถาปนาระบอบอำนาจนิยมสมบูรณาญาสิทธิ์ในปัจจุบัน พรรคก้าวไกลจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องเสียงและเจตจำนงที่พวกเราได้รับมาจากประชาชน เพื่อผลักดันสังคมไทยให้มีอนาคต หลุดพ้นจากหลุมดำทางการเมืองของชนชั้นสูง กองทัพ และนายทุนผูกขาด ให้คนส่วนใหญ่ในชาติและลูกหลานของพวกเราได้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม"
    เมื่อถามว่าทางพรรคจะดำเนินคดีกับนายณฐพรหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ทางพรรคจะดำเนินคดีนายณฐพรผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 เกี่ยวกับการให้ความเท็จพรรคการเมือง
    ถามถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชัยธวัชเปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าพร้อมยื่น ส่วนการลงชื่อเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละ ส.ส.
     ที่ สน.พหลโยธิน วันเดียวกันนี้ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ บอตทอมบลูส์” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ จากการชุมนุมปราศรัย "ม็อบซ้อมต้านรัฐประหาร" เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้มีการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน บก.น.2 จำนวน 50 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อยหน้าโรงพัก พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิและนำเจลแอลกอฮอล์ฉีดล้างมือ เพื่อคัดกรองและป้องกันโรคโควิด-19 กับสื่อมวลชนที่มารอรายงานข่าวด้วย
       นายจตุภัทร์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราษฎรไม่ควรมาพบกับการใช้กฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก โดยสิ่งที่เราพูดถึงนั้นเป็นปัญหาที่อยู่ซุกอยู่ใต้พรมมาโดยตลอด ก็คือเรื่องการปฏิรูปสถาบัน
         ด้านนายไชยอมรกล่าวว่า ตนยังได้รับหมายเรียกเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาตาม ม.116 ความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น จาก สน.ชนะสงคราม ในกรณีการชุมนุมที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มศิลปิน นักดนตรี ที่ไปแสดงในการชุมนุมฯ ด้วย โดยตนได้ประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาพบที่ สน.พหลโยธินในคราวเดียวกันเลย เพราะเกรงว่าจะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนของ สน.ชนะสงครามไม่ทัน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"