ทั่วโลกจับตาสถานการณ์ในเมียนมา เนื่องจากกองทัพไม่รู้จักหน้าที่ ก่อการรัฐประหารซ้ำยังควบคุมตัว อองซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐ และ ประธานาธิบดีวิน มยิน รวมถึงเจ้าหน้าที่และนักเคลื่อนไหวอีกหลายราย
ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเมียนมาต้องล้มลุกคลุกคลานอีกครั้ง
นักการเมืองจะดีจะร้ายเพียงใด เมื่อเกิดมาจากประชาชนก็ต้องตายด้วยประชาชน ทำไม่ดีไว้ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ ต้องเจอบทลงโทษ
ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นตัวแทนอีกต่อไป
ส่วนใครทำผิด บ้านเมืองมีขื่อมีแป ต้องได้รับโทษทางกฎหมายอย่างยุติธรรม
ฉะนั้น การมีใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาก่อกวนหรือแทรกแซง จึงเป็นการไม่สมควรยิ่ง และต้องปล่อยให้เป็นไปตามวงรอบของระบอบประชาธิปไตย
วันก่อน ประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน บอก...
"โดยมารยาทการเมืองระหว่างประเทศ การรัฐประหารในพม่า เราไม่ควรไปแทรกแซง เพราะจะเป็นการก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้านและชาติสมาชิก"
แต่ ประมวล ก็ยังพูดต่อ....
"ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ชี้ให้เห็นว่าเผด็จการ การรัฐประหารหรือการยึดอำนาจ ไม่ใช่คำตอบ และไม่ใช่ทางออกของปัญหาทั้งหลายทั้งปวง อยากให้เมียนมาดูประเทศไทยที่มีการยึดอำนาจมากว่า 6-7 ปี กว่าจะมีการเลือกตั้ง ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ความก้าวหน้าในทางการเมืองย่ำอยู่กับที่ อีกทั้งนานาชาติบอยคอตและคว่ำบาตร หลายประเทศไม่ขายของให้ ขนาดแค่กระสุนนัดเดียวเขาก็ไม่ขายให้"
นี่จึงเป็นบทเรียนว่า ไม่มีอะไรเหมาะเท่ากับการหาทางออกโดยระบบรัฐสภา
มีอะไรก็ไปคุยกันในสภา ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ตามครรลองประชาธิปไตย
“ประเทศไทยทำรัฐประหารมา 13 ครั้ง ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่ถอยหลังเข้าคลอง หวังว่าเมียนมาจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้งในเร็ววัน ยิ่งนานวันประชาชนจะยิ่งได้รับผลกระทบ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดี"
เอาละ...ท่องไว้นะ การเมืองคือหน้าที่ของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ของกองทัพหรือของใครคนใดคนหนึ่งนะจ๊ะ หุหุ.
มินนี่เมาธ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |